เจ้าอรุณพยักหน้ารับ รอให้โจเซมอบหมายคำสั่งอีกสองสามประโยคก่อนอีกฝ่ายจะขอตัวไปทำงานของตัวเองต่อ ทิ้งให้เจ้าอรุณถอนหายใจยาว มองเถาวัลย์รูปทรงวงรีตรงหน้าอย่างระอาใจ
งานช้างเริ่มต้นขึ้นอีกแล้วสินะ
จะว่างานช้างก็ไม่เชิง มันมาเป็นงานช้างตอนที่จู่ๆ โจเซก็โผล่กลับเข้ามาในตอนบ่ายหลังจากสั่งงานเสร็จเพื่อที่จะบอกว่าศาสตราจารย์ผู้มีอิทธิพลในวงการพฤกษศาสตร์แห่งประเทศบราซิลสนใจการศึกษาวิจัยเถาวัลย์รูปไข่นี่เป็นอย่างมาก ต้องการรายงานเบื้องต้นเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้เพื่อที่จะช่วยเหลือในการขอทุนสนับสนุนองค์กรจากรัฐบาล
ร้อนถึงเจ้าอรุณที่ต้องเริ่มงานตั้งแต่วันนี้เลยทั้งที่เขาควรมีเวลาไปเคลียร์งานอย่างอื่นก่อนแท้ๆ
ชายหนุ่มเดินถือแท็บเล็ตสำหรับบันทึกข้อมูลเดินกลับเข้ามาในเรือนกระจก มืออีกข้างถือไม้ที่โจเซใช้สะกิดเถาวัลย์ในตอนแรกไว้มั่น ก่อนลงมือเดินสำรวจไปรอบๆ เถาวัลย์นั้น
ข้อมูลเบื้องต้นในส่วนของลักษณะภายนอก เท่าที่ดูก็ไม่มีอะไร เป็นเถาวัลย์ที่เลื้อยพันกันจนกลายเป็นวงรีรูปไข่ ขนาดสูงเกือบสองเมตร มีเถาวัลย์ทั้งอ่อนและแก่งอกออกมานอกเหนือจากที่พันกันอยู่อีกราวสิบกว่าเถา เถาที่แก่และมีสีน้ำตาลเข้มมีดอกตูมสีแดงสดซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่ามีกลิ่นไหม รับประทานได้ไหม หรือมีฤทธิ์อะไร ในส่วนนี้เป็นส่วนที่เจ้าอรุณต้องศึกษาต่อ
เขาใช้เวลาทั้งวันในการสำรวจเบื้องต้นอย่างละเอียด ทุ่มเทกับงานจนแทบลืมไปกินมื้อกลางวัน ดีที่โจเซวานให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเอาแซนด์วิชมาให้ เจ้าอรุณถึงได้รู้สึกตัวว่าควรหาอะไรเยียวยากระเพาะน้อยๆ ของตัวเอง
ร่างสันทัดคว้าเก้าอี้ผ้าใบขนาดเล็กมากางตรงหน้าพรรณไม้ที่ตัวเองศึกษา เอามื้อกลางวันวางบนนั้นขณะที่ยังคงสำรวจไปรอบๆ มันไม่เลิก กระทั่งท้องร้องประท้วงถึงได้ตัดสินใจจะพัก
ในจังหวะที่เขาเดินตรงไปหมายจะนั่งเก้าอี้ พลันเท้าก็สะดุดเอาเข้ากับเถาวัลย์เถาใหญ่เถาหนึ่งจนเกือบหน้าคะมำ เขาจะไม่หงุดหงิดเลยถ้าเถาวัลย์เถานั้นอยู่เฉยๆ แล้วเขาไปสะดุดเอง ไม่ใช่เคลื่อนไหวมาขัดขาขณะที่เขากำลังเดินอย่างนั้นคล้ายกับว่าจงใจแกล้ง
“อยู่ไม่สุขนัก เดี๋ยวก็ตัดทิ้งซะเลยนี่”
เจ้าอรุณว่าอย่างหงุดหงิด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เถาวัลย์เคลื่อนไหวเองไปมา มันขยับตลอดเวลาที่เขาทำการสำรวจ มองผ่านๆ อย่างกับเครื่องเล่นในสวนสนุกที่มีรูปร่างเป็นปลาหมึกอย่างไรอย่างนั้น
เขาพูดลอยๆ แต่น่าแปลกที่เถาวัลย์นั่นกลับหยุดเคลื่อนไหวฉับพลัน ไม่ใช่เพียงแค่เถาเดียวด้วย เป็นทุกเถา ทำเอาชายหนุ่มขมวดคิ้ว
เหมือนสื่อสารกันได้เลยแฮะ ขู่แล้วฟัง อย่างกับพูดรู้เรื่อง
คิดแล้วหัวคิ้วก็ย่นยู่หนักกว่าเดิม ตั้งแต่ศึกษาพรรณไม้มาเพิ่งจะเคยเจอพืชสื่อสารกับมนุษย์ได้เป็นครั้งแรก
ไม่สิ ไม่ใช่ตั้งแต่ศึกษาพรรณไม้มา ต้องบอกว่าตั้งแต่เกิดมา เขาเพิ่งจะเคยพบเคยเจอมากกว่า นี่ถ้าไปพบเจ้าพืชนี้ในประเทศไทยล่ะก็ ป่านนี้คงได้ลงแป้ง เอานิ้วถูขอหวยกันจ้าละหวั่นไปแล้ว
กระนั้นเจ้าอรุณก็ไม่มั่นใจนักว่ามันจะสื่อสารกับเขารู้เรื่อง อาจจะเป็นเพราะความบังเอิญ เขาจึงตัดสินใจทดลองดูอีกทีด้วยการลองปล่อยปากกาสไตลัสที่ใช้บันทึกข้อมูลลงแท็บเล็ตทิ้งลงพื้นอย่างจงใจ มองซ้ายขวาแล้วเห็นไม่มีใครถึงได้พูดขึ้น
“เก็บให้หน่อย”
ต้องระวังหน้าระวังหลังไว้หน่อย พูดสุ่มสี่สุ่มห้า มีใครเข้ามาเห็นเขาพูดคนเดียวคงได้คิดว่าเขาบ้าแล้วเอาไปนินทาแน่ แค่นี้ก็โดนนินทาจนไม่รู้ว่าจะโดนอย่างไรแล้ว
ยืนรอดูผลอยู่ครู่หนึ่ง เท่านั้นเถาวัลย์ขนาดเล็กเถาหนึ่งก็ขยับจากฐาน ค่อยๆ เลื้อยไปตามพื้นกระเบื้องเย็นเยียบ พันเอาปากกาสไตลัสที่ปลายเท้าเขาขึ้นมาลอยอยู่ในอากาศ เจ้าอรุณเผลออ้าปากค้าง มองอย่างไม่เชื่อสายตากระทั่งเถาวัลย์เถานั้นขยับเล็กน้อยประหนึ่งคะยั้นคะยอให้เขารับ พอได้สติ เขาก็ยื่นมือไปรับปากกา เถาวัลย์ถึงได้คลายตัวออกแล้วกระถดถอยกลับไปที่เดิม
ทว่ายังไม่ทันที่จะได้กลับไปยังที่ของมันในตอนแรก เจ้าอรุณก็รีบเรียกเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยว อย่าเพิ่ง”
เถาวัลย์เถานั้นหยุดชะงักทันควัน เจ้าอรุณเม้มปากแน่น คิดอยู่ครู่หนึ่งว่าควรทำดีไหม ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปาก
“ขอมือ... ขอเถาหน่อย”
ขอมือหน่อยนั่นมันหมา แต่นี่ไม่ใช่เลยเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทัน
ที่ตัดสินใจทำอย่างนี้ก็เพราะต้องการความมั่นใจว่าที่เขาคิดในตอนแรกนั้นไม่ผิด