เจ้าอรุณว่าไปตามที่เห็น โจเซตีมือตัวเองดังป้าบให้เจ้าอรุณรู้ว่าตัวเองตอบถูก
“ถูกต้อง นี่ไงล่ะที่แปลก”
แปลกตรงไหนกัน เถาวัลย์จะมีเถาอื่นงอกแตกแขนงออกมามันก็เรื่องปกติ ส่วนไอ้การมีดอก พวกพืชตระกูลไม้เลื้อยตระกูลเถาวัลย์บางวงศ์ก็มีเหมือนกัน เขาไม่เห็นว่ามันจะแปลกสักนิด
คิดแต่ไม่พูด ส่งสายตาเสียดแทงให้หัวหน้างานแทน โจเซเหลือบมองก็รู้แล้วว่าเจ้าอรุณคิดอะไรก่อนรีบดักคอ
“ฉันรู้น่าว่านายจะบอกว่ามันไม่แปลก ใช่ ไอ้มีเถาวัลย์เถาอื่นแตกแขนงกับมีดอกน่ะอาจจะไม่แปลก แต่ที่แปลกคือนี่...”
พูดจบก็หันไปคว้าเอาไม้เรียวยาวที่วางอยู่บนพื้นขึ้นมากระชับในมือ แล้วยื่นมันเข้าไปสะกิดเข้ากับเถาวัลย์เถาหนึ่ง เถาวัลย์เถาที่ถูกสะกิดสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนมันจะขยับขึ้นในอากาศ หลบซ่อนจากการสัมผัสอย่างช้าๆ
ภาพที่เห็นทำเอาเจ้าอรุณเบิกตาโต หันขวับไปมองหน้าโจเซที่ยิ้มเผล่ให้เขาอย่างรวดเร็ว
“มันขยับได้”
โจเซว่า แล้วก็ลองเอาไม้ไปสะกิดเข้ากับเถาวัลย์เถาใหญ่อีกเถา พลันเถาวัลย์เถานั้นก็ขยับขึ้นอย่างอิสระราวกับมีชีวิต
“อย่างกับต้นมิโมซา พูดิก้า[1]”
“ใช่ แต่อันที่นายพูดถึงน่ะมันเป็นพืชล้มลุก นี่ไม่ใช่ มันเป็นเถาวัลย์”
ใช่เถาวัลย์แน่หรือเปล่าก็ไม่รู้แต่ลักษณะภายนอกดูใช่ โจเซจึงทึกทักเอาอย่างนั้น
“ตอนแรกฉันก็นึกว่าเป็นเพราะลมพัดหรือพื้นสะเทือน เถาวัลย์มันถึงได้เคลื่อนไหว แต่พวกนักสำรวจที่เอามันมาบอกว่าไม่ใช่ มันเคลื่อนไหวได้เองอย่างอิสระ ต่อให้ไม่มีอะไรไปกระตุ้น มันก็เคลื่อนไหวเองได้ ทีนี้นายว่ามันแปลกหรือยังล่ะ”
“ก็แปลกครับ”
เจ้าอรุณยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข ตั้งแต่เขาทำงานด้านนี้มา เจอพืชพรรณประหลาดมาก็มาก แต่ก็เพิ่งจะเคยเจอพืชพรรณที่เคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิตจริงๆ อย่างนี้
โจเซยิ้มอย่างพอใจที่ทำให้ชายหนุ่มรุ่นน้องเชื่อได้ เพราะเขาหมายมั่นในใจแล้วว่าจะมอบหมายภาระหน้าที่ให้กับเจ้าอรุณรับช่วงต่อ ทว่ายังไม่ทันพูดอะไร อีกฝ่ายก็คล้ายว่าจะรู้ทัน พูดดักคอขึ้นมาก่อน
“ที่ด็อกเตอร์รีบเรียกผมมา คงจะอยากให้ผมช่วยดูแลมันสินะครับ”
โจเซไม่เถียง พยักหน้ารับหงึกหงัก ว่าต่อยาวเหยียด
“ใจจริงฉันก็อยากจะดูแลมันเองแหละนะ แต่นายก็รู้นี่ว่าช่วงนี้ฉันมีงานให้รับผิดชอบเยอะ นี่ก็เพิ่งจะได้รับมอบหมายให้ช่วยดูงานวิจัยของพวกนักศึกษามาหมาดๆ ฉันเช็กมาแล้วว่าตารางของนายยังพอจะยัดงานลงไปได้ก็เลยอยากให้นายช่วย”
เจ้าอรุณย่นคิ้ว ใจจริงอยากจะเบ้หน้าใส่ให้รู้ไปเลยว่าไม่พอใจ
ต่อให้จริงอย่างที่โจเซพูด ตารางงานของเขาจำพวกงานดูแลพืชพรรณชนิดเพื่อการศึกษาวิจัยมันยังไม่เต็ม แต่ก็เกือบจะเต็ม ตอนนี้มันแน่นถึงขนาดที่เขาแทบไม่ต้องหลับต้องนอนแล้วนะ ทว่าเขาก็เข้าใจความยุ่งในงานของโจเซเช่นเดียวกัน เพราะนอกจากโจเซจะเป็นผู้อำนวยการขององค์กรนี้แล้ว เขายังรับหน้าที่เป็นอาจารย์กิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติในสาขานี้ด้วย เรียกได้ว่าเขาตารางแน่นกว่าเจ้าอรุณเสียอีก
“ผมก็ไม่รับปากนะครับว่าจะทำได้อย่างเต็มที่”
ถึงจะเลี่ยงไม่ได้ เจ้าอรุณก็อดตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ไม่ได้ เขาเหนื่อยนี่นา ถึงจะดูเป็นคนเอาจริงเอาจังกับงาน วันๆ หมกมุ่นอยู่แต่กับพืชมากกว่ามนุษย์ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่อยากพัก
โจเซรู้อยู่แล้วว่าเจ้าอรุณต้องมาไม้นี้เลยงัดทีเด็ดที่เตรียมมาออกมาใช้ทันควัน
“เอาน่าอรุณ ช่วยหน่อย องค์กรเราขาดทุนสนับสนุนจากรัฐบาลมาหลายปีแล้วนะ หากงานวิจัยของนายครั้งนี้ประสบความสำเร็จ มันจะกลายเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติทันที นายก็รู้นี้ว่างานอนุกรมวิธาน[1]มันยังไปไม่ถึงไหน ยังมีพืชอีกมากมายที่ตกหล่น ถ้านายค้นพบล่ะก็ นอกจากทางเราจะได้ทุนสนับสนุนงานวิจัยของนายแล้ว ไม่แน่นายก็ไม่จำเป็นต้องทนทำงานที่นี่เพื่อใช้ทุนปริญญาโทก็ได้นะ แบบว่าทางรัฐบาลยกให้ฟรีๆ เลยอะไรแบบนี้ ไม่ดีหรือไง”
ได้ยินคำว่ายกทุนให้ฟรีๆ เจ้าอรุณก็หูผึ่ง เขาเบื่อกับการใช้ชีวิตอยู่ในประเทศบราซิลเหมือนกัน เรียนก็ปาไปสองปีแล้ว ทำงานชดใช้ทุนก็ผ่านไปแล้วสองปี และดูทีท่าว่าคงจะต้องทำงานชดใช้ไปอีกระยะใหญ่ทีเดียวกว่าจะได้กลับไปลงหลักปักฐานที่ประเทศบ้านเกิด
“นะอรุณ ขอฝากไว้หน่อย ความหวังขององค์กรนี่ฉันฝากไว้ที่นายเลยนะ”
ไม่ใช่แค่ความหวังขององค์กร ความหวังในอนาคตของเจ้าอรุณก็เช่นกัน ตอนแรกก็ไม่อยากจะรับหรอกนะงานนี้ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ลองดูก็ได้ ถ้างานวิจัยของเขาประสบผลสำเร็จและเป็นที่ยอมรับจนเขาหมดภาระหน้าที่กับที่นี่ มันก็น่าลองเสี่ยง
“เวลาด็อกเตอร์มอบหมายหน้าที่ให้ผมมา มีครั้งไหนที่ผมปฏิเสธได้ด้วยเหรอครับ”
เจ้าอรุณตอบกำกวมเป็นเชิงว่าเขาไม่สามารถปฏิเสธคำขอร้องของโจเซได้ ซึ่งมันก็จริง เขาไม่เคยปฏิเสธหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากโจเซ เพียงแต่งานบางงาน เขาไม่ได้ทุ่มเต็มที่เท่านั้น แต่เมื่อมาอย่างนี้แล้ว โจเซก็รู้เลยว่าเจ้าอรุณเตรียมตัวเตรียมใจทุ่มเทกับงานนี้อย่างเต็มที่ ถ้าเขาไม่สนใจก็จะรับงานไปโดยไม่พูดอะไรสักคำเหมือนกับในตอนนี้
“งั้นก็ฝากด้วยนะ นายอยากได้ทีมไหม เดี๋ยวฉันจัดคนให้มาเป็นผู้ช่วยนาย”
อุตส่าห์ตอบรับคำขอร้องของเขาทั้งที โจเซก็เสนอหาคนมาช่วยงาน ทว่าเจ้าอรุณกลับส่ายหน้ายิก
“ไม่ล่ะครับ ผมชอบทำงานคนเดียว ทำงานหลายคนมันน่ารำคาญ”
เป็นปกติของเจ้าอรุณ เขาไม่เคยขอให้ใครมาช่วยงานอยู่แล้ว โจเซก็รู้ดี แค่ถามเป็นมารยาทไปอย่างนั้นแหละ
“โอเค ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรบอกฉันแล้วกัน ฉันยังคงไปๆ มาๆ ที่นี่อยู่ ไว้เดี๋ยวฉันจะมารับรายงานเป็นระยะนะ”
[1] อนุกรมวิธาน เป็นการจัดจำแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็นหมวดหมู่ตามสายวิวัฒนาการ การกำหนดชื่อสากลของหมวดหมู่และชนิดของสิ่งมีชีวิต และการตรวจสอบชื่อวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิต โดยการจัดหมวดหมู่แบ่งสิ่งมีชีวิตในโลกออกเป็น 5 ประเภท คือ อาณาจักรสัตว์ อาณาจักรพืช อาณาจักรโพรทิสตา (กึ่งพืชกึ่งสัตว์) อาณาจักรฟังใจ (เห็ดรา) และอาณาจักรมอเนอรา (แบคทีเรีย)
[1] มิโมซา พูดิก้า (Mimosa pudica) เป็นชื่อเรียกที่ถูกพูดถึงครั้งแรกอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ.2296 โดยคาโรลัส ลินเนียส มีความหมายว่า ‘เหนียมอาย’ หรือ ‘หดตัว’ ในประเทศไทยรู้จักกันดีในชื่อ ‘ไมยราบ’ เป็นพืชล้มลุก ต้นสีน้ำตาลแดง ลำต้นมีหนามขนาดสั้น ใบประกอบ ดอกเป็นช่อกลมสีชมพู ก้านดอกยาว ฝักยาวเรียวแบน มีขนเหนียวติดมือ เมล็ดสีน้ำตาลอ่อน เป็นพืชที่มีปฏิกิริยาเมื่อถูกสัมผัสหรือเขย่าโดยการหุบใบประกอบเพื่อป้องกันตนเองจากภัยคุกคามต่างๆ และจะบานออกอีกครั้งเมื่อผ่านไปราวหนึ่งนาที