บทที่ 1 อุบัติเหตุ
“รินถึงไหนแล้ว เราเอาเอกสารสำคัญมาให้พี่ ใกล้จะถึงหรือยัง”
“ถึงแล้วค่ะพี่รัล รินกำลังขับรถจะยูเทริน์ที่แยกหน้าบริษัทชาร์โตค่ะ”
“ถึงแล้วเหรอ อืมก็ดี ว่าแต่ทำอะไรให้มันไวกว่านี้หน่อยได้ไหม เธอนี่มันไม่ได้เรื่องจริง ๆ”
นอกจากจะไม่ขอบคุณน้องสาวอย่างเฌอริน เฌอรัลกลับตัดสายด้วยความไม่พอใจ
.....
เสียงเม็ดฝนที่ตกกระทบลงพื้นถนนอย่างหนักหน่วงในช่วงกลางฤดูฝน ทำให้เฌอรินทำความเร็วบนท้องถนนได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่กระนั้นเธอก็พยายามใช้ความเร็วอย่างเต็มที่เพื่อเอาเอกสารสำคัญไปให้พี่สาวของเธอที่ชื่อเฌอรัล หรือ รสรัล ดิษสถาวงศ์
นี่เป็นการเจรจาธุรกิจครั้งสำคัญ ซึ่งจะเป็นการชี้วัดได้เลยว่าบริษัทของตระกูลดิษสถาวงศ์เลยว่า จะได้อยู่หรือไปต่อในวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ทว่าขนาดมันสำคัญขนาดนี้ เฌอรัล กลับบอกเธอว่าลืมเอกสารบางอย่างที่สำคัญ ในการนำเสนอตัดหน้าบริษัทคู่แข่งอย่างตระกูลอัครวรเดช ที่แย่งชิงผลประโยชน์ทางธุรกิจกันมานาน
เฌอริน หรือ รสริน เป็นลูกสาวคนเล็กของตระกูลดิษสถาวงศ์ เธออายุ 21 ปีเพิ่งเรียนจบมาช่วยงานที่บริษัทของมาบ้าน เธอเป็นที่เด็กที่หน้าตาน่ารักเหมือนจิตใจที่บริสุทธิ์และอ่อนโยน ความเป็นคนมองโลกในแง่บวกทำให้ใครต่อใครก็รักเธอ
ทุกอย่างดูเหมือนเป็นข้อดีของเฌอริน แต่ทว่ากลับกลายเป็นจุดอ่อนด้วยเช่นกัน เพราะเฌอรัล พี่สาวมักจะอิจฉาในความน่ารักของน้องสาวตัวเองอยู่เสมอ
เฌอรัล พี่สาวต้องใช้ความพยายามทุกอย่างในการทำให้ทุกคนยอมรับ แต่ในขณะเฌอรินน้องสาวไม่ต้องพยายามอะไรเลย ความน่ารักราวตุ๊กตาบาร์บี้ที่บอบบาง ทำให้ใครต่อใครก็รักและเอาใจแต่น้องสาว เมื่อมีโอกาสเฌอรัลจึงพยายามข่มน้องสาวของตัวเองอยู่เสมอ อย่างน้อยเธอก็เรียนเก่งกว่า ทำงานเก่งกว่า และพ่อกับแม่ต้องรักเธอมากกว่าเฌอรินให้ได้
ครั้งนี้ก็เช่นกัน เฌอรัล รู้ดีว่า การเจรจาที่ต้องแข่งขันกับตระกูลภัควรเดช มันเป็นไปได้ยากที่จะเอาชนะบริษัทที่มีชื่อเสียงกว่า แต่ถึงกระนั้นแม้คุณพ่อของเธอจะบอกว่าให้วางใจว่าการเจรจาครั้งนี้ว่าตระกูลดิษสถาวงศ์ของเธอต้องได้งานโปรเจคพันล้านมาครอบครอง แต่เฌอรัลก็ยังไม่วางใจ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเอาชนะได้อย่างไงในเมื่อบริษัทคู่แข่งมีความพร้อมมากกว่าบริษัทกลาง ๆ อย่างบ้านเธอ
ที่สำคัญถ้าการเจรจาพ่ายแพ้ คุณพ่ออาจจะมองว่าเธอไม่มีความสามารถมากพอ ซึ่งเป็นเรื่องที่เธอยอมรับไม่ได้ จากการเพียรพยายามทำตัวดีมาตลอด
เฌอรัลมองออกไปนอกกระจกผ่านสายฝนที่ตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา มือเรียวกำโทรศัพท์แน่นเพราะเพิ่งวางสายจากน้องสาว
“บ้าจริง รินมาทันได้ยังไงกันนะ ฝนก็ตกหนักขนาดนี้”
เสียงถอนหายใจออกมาอย่างระบายอารมณ์ อุตส่าห์วางแผนไว้ดิบดีว่าให้น้องสาวกลับไปเอาเอกสารที่บริษัท และแน่นอนมันเป็นแค่การตั้งใจกลั้นแกล้งเพราะเฌอรัลได้เตรียมเอกสารไว้สองชุด ชุดแรกคือชุดจริงที่อยู่กับเธอเองและชุดที่สองคือสำเนาที่เตรียมทิ้งเอาไว้ที่บริษัท
ถ้าการเจรจาพ่ายแพ้ เฌอรัลตั้งใจจะโทษว่าให้เป็นความผิดของน้องสาวที่กลับไปเอาเอกสารล่าช้า นั่นคือสิ่งที่เธอเตรียมเผื่อเอาไว้ แต่ถ้าการเจรจาชนะ สุดท้ายแล้วน้องสาวเธอก็จะไม่มีส่วนร่วมในการประกาศชนะในครั้งนี้อีกเช่นกัน
และเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมง น้องสาวดันบอกว่ามาถึงแล้ว
บ้าที่สุด!! จะมาถึงเร็วขนาดนี้ได้ยังไงในเมื่อฝนก็ตกหนัก
....
เอี๊ยด!! โครม!!
เสียงของรถยนต์สองคันปะทะกันดังสนั่นหวั่นไหว ควันสีขาวลอยคลุ้งที่หน้าฝากระโปรงรถ เฌอรินที่กำลังรีบร้อนไปหาพี่สาว มองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตกใจ เธอไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างกระชั้นชิดขนาดนี้ ความเป็นคนขี้สงสารทำใหเธอรีบเบรกรถก่อนจะตรงเข้าไปช่วยเหลือรถคันหน้า จนลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังรีบมากแค่ไหน
“มีคนเจ็บหนักไหมคะ! เดี๋ยวฉันเรียกรถพยาบาลให้”
เฌอรินรีบร้อนเข้าไปช่วยทั้งที่ฝนด้านนอกยังตกหนัก ร่างบางเปียกชื้นไปด้วยสายฝน แต่เธอกลับไม่ได้สนใจและแทบจะลืมไปเลยว่าพี่สาวของตัวเองยังคงรอเอกสารสำคัญอยู่
“บอสครับ เป็นอะไรมากมั้ยครับ!”
คนขับรถที่เหมือนว่าจะโดนยิงเข้าที่แขนศีรษะแตกจนเลือดอาบค่อย ๆ ประคองตัวเองลงจากรถ ในขณะที่เฌอรินเองเข้าไปประคองคนที่โดนยิงที่เบาะหลัง
“ดูเหมือนเจ้านายผมจะถูกยิงรบกวนคุณช่วยดูเขาให้หน่อยได้มั้ยครับ เดี๋ยวผมจะรีบโทรเรียกรถพยาบาล”
“ถะ ถูกยิง! ดะ..ได้ค่ะ” เฌอรินตกใจเพราะเหตุการณ์มันดูรุนแรงมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้
ใช่...และถ้าดูเผิน ๆ มันดูคล้ายอุบัติเหตุธรรมดา หากแต่ว่าไม่ใช่เพราะนอกจากรถที่ชนท้ายกันยังมีรอยกระสุนฝังเจาะเข้าที่ด้านประตูฝั่งซ้าย เฌอรินแอบหวั่นวิตกเล็กน้อยเพราะไม่รู้ว่าคนร้ายอาจจะย้อนกลับมา และก็เป็นจริงมอเตอร์ไซด์คันนั้นวนกลับมาดูผลงานพอเห็นเป็นเฌอรินอยู่ในรถคันเก๋งคันนี้ด้วย ก็รีบขี่หนีไปทันที
“เจ็บตรงไหนบ้างคะคุณ อดทนไว้ก่อนนะคะ เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว”
เธอเอ่ยกับชายแปลกหน้าที่สวมสูทสีเทา บริเวณหัวของเขามีเลือดสีแดงสดไหลออกมาจนเกือบจะเข้าตา และดูเหมือนว่าเขาน่าจะสูญเสียเลือดจำนวนมาก ดูจากบาดแผลที่มีเลือดไหลจำนวนมาก เดาว่ากระสุนน่าจะเฉียดโดนไปที่เอวเพราะเฌอรินเห็นเลือดไหลที่ด้านข้างเอวของเขา
เขาหลับตาพิงตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของเฌอริน เห็นดังนั้นเธอเลยถือวิสาสะหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนเองมาห้ามเลือดให้กับเขา
“อึ่ก!”
“ขะ..ขอโทษค่ะ ฉันมือหนักไปเหรอคะ”
สีหน้าของชายหนุ่มดูแย่มาก ใบหน้าขาวที่ซีดจนไม่เห็นสีเลือด ทว่ายังปรากฎโครงหน้าที่หล่อเหลาราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย แต่ไม่สิ นี่ไม่ใช่ที่เวลาเฌอรินจะสนใจ
“ขอบคุณครับ ผมไม่เป็นไร” เสียงทุ้มตอบกลับอย่างอ่อนแรง
“อย่าเพิ่งขยับตัวนะคะ รออีกนิดนะคะรถพยาบาลน่าจะใกล้มาถึงแล้ว คุณไม่เป็นไรเชื่อฉัน”