“ที่นี่ไม่มีไฟฟ้าหรือไง”
นับทรายนิ่งเงียบไปเป็นเวลานานนับชั่วโมงเพื่อกินอาหารและงีบหลับพักเอาแรง
พอเธอลืมตาตื่นขึ้นในเวลาค่ำมืดที่รอบตัวมืดไปหมดมีเพียงแต่แสงสว่างจากตะเกียงที่ทำขึ้นจากขวดแก้วง่ายๆเท่านั้น
หญิงสาวก็นั่งคิดไตร่ตรองถึงการหาหนทางที่จะหนีต่อไปอีกครั้ง เพื่อจุดหมายที่ยิ่งใหญ่คือการหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้
แต่ทว่ายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเย็นหลังวูบๆ เป็นระยะๆ ด้วยความมืดนั้นมันเกาะกินหัวใจทำให้เกิดความกลัวผีขึ้นมา
เธอเลยจำต้องตะโกนออกไปด้านนอกเพื่อถามหาแสงสว่างมาเพิ่มเติมให้กับห้องขังเล็กๆ นี้
“ฉันถาม ไม่ได้ยินหรือไง”
แต่กลับได้แต่ความเงียบตอบกลับมาราวกับพูดคุยอยู่เพียงคนเดียว ทั้งที่มีคนนั่งเฝ้าเธออยู่ตรงด้านนอกนั้นอีกคนเธอรู้ดี
เธอก็เลยตะคอกดังออกไปอีกหวังให้เด็กหนุ่มที่น่าจะอายุน้อยกว่าเธอไม่กี่ปีนั้นกลัวเธอ และก็ตอบเธอกลับมาบ้าง
“โธ่โว้ย ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยวะ กรี๊ด”
เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านนอกยังคงเงียบไม่ตอบเธอกลับมา ไม่รู้ว่าถูกฝึกมาดีหรือว่ากลัวเจ้านายที่เป็นโจรนั้นจนหัวหนก็ไม่รู้
ทำเอาเธอโมโหหยิบของใกล้มือที่ได้แก่ปิ่นโตใส่อาหารขึ้นมาขว้างปาไปที่ประตูชุดใหญ่ จนปิ่นโตนั้นกระจัดกระจายเต็มหน้าประตูห้อง สร้างความเลอะเถอะไปทั่วบริเวณ
ทำเอาหญิงสาวที่จำต้องอยู่กับความเลอะเทอะที่ตัวเองก่อเอาไว้ กรีดร้องขึ้นมาอีกระลอกใหญ่เพื่อระบายอารมณ์
แล้วเธอก็จำต้องเงียบเสียงไปเพราะว่าหมดแรง และนั่งนิ่งๆ ต่อสู้กับแสงสว่างอันน้อยนิดต่อไป
“ฉันหนาว ขอผ้าห่มหน่อยได้ไหม”
เป็นเวลาดึกสงัด กะๆ ดูแล้วก็น่าจะเกือบเที่ยงคืนเห็นจะได้ หญิงสาวเอ่ยเสียงเบาๆ ขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้เธอใช้น้ำเสียงอ่อนหวานบวกกับปรับให้ดูอ่อนแรงไปด้วยเอ่ยออกไป เพื่อให้อีกฝ่ายที่เป็นผู้ชายนั่งฟังอยู่จะได้ใจอ่อนยอมพูดกับเธอ
นี่เป็นการใช้มารยาหญิงของเธอเป็นครั้งแรกนับจากที่ใช้แต่ลูกเล่นของมาเฟียอย่างขาดสติมาหลายครั้งแล้ว
เธอไม่ค่อยคาดหวังว่ามันจะได้ผลสักเท่าไหร่ เพราะมันเป็นทางที่เธอไม่ถนัดที่จะทำเลย เรียกได้ว่าถ้าให้จับปืนจะง่ายกว่านี้ด้วยซ้ำไป
“ฉันหนาวจะตายแล้วนะ ขอผ้าห่มหน่อยได้ไหม”
ร่างบางที่ยังคงอยู่ในชุดนอน ชุดเดิมและชุดเดียวที่มีติดตัวมาของเธอขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงไม้แข็งๆ เดินเข้าไปหาประตูบานเล็ก
เธอกระซิบเบาๆ ผ่านบานประตูนั้น เพื่อให้มีเสียงผ่านไปเพียงเล็กน้อย ให้ฟังดูน่าสงสารมากที่สุด
นับทรายก็เงียบเสียงไปไม่พูดไม่จาอะไรมากไปกว่านั้น รอฟังว่าด้านนอกจะขยับตัวหรือไม่
แล้วก็แทบกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจเมื่อได้ยินเสียงขยับเท้าเดินของคนด้านนอกนั้น
เธอรีบกลับไปนอนรอบนเตียงอย่างคนหนาวเหน็บในทันที นอนกอดตัวเองทั้งที่มีเหงื่อไหลซึม ทำตัวเหมือนกับเผชิญความหนาวที่อุณหภูมิติดลบ
“ผ้าห่ม”
ไม่นานนักเซลก็เดินเข้ามาภายในห้องขังเล็กๆ พร้อมกับผ้าห่มสองผืนที่มายืนให้กับเธอ
เขาพูดกับเธอสั้นๆ แล้วก็รีบออกไป จัดการล็อกประตูอย่างแน่นหนาเหมือนกับที่นายหัวของเขาทำเอาไว้ก่อนหน้านี้
การเข้าไปของเขาก็ไม่ใช่เข้าไปโดยอำเภอใจ แต่ก่อนจะเข้าไปนั้นเขาได้ขออนุญาตนายหัวแล้ว และผ้าห่มนั้นแม่บ้านของนายหัวก็เป็นคนวิ่งเอามาให้เอง
“ขอบใจ”
หญิงสาวตีหน้าเศร้ารับผ้าห่มมาจากมือของชายหนุ่ม รีบกางผ้าห่มออกห่อคลุมร่างกายให้เขาได้เห็น
แล้วนอนซุกตัวไปกับผ้าห่มผืนหนาทั้งสองไม่ได้สนใจอะไรภายนอกราวกับต้องการความอบอุ่นให้กับร่างกายอย่างเร่งด่วน
เธอนอนทนร้อนอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเสียงประตูปิดลงไปได้สักพักใหญ่จึงลุกขึ้นจากเตียงนอน
พร้อมกับสะบัดผ้าห่มออกจากตัวเพื่อระบายความร้อนออกอย่างเร่งด่วนก่อนที่จะร้อนตายก่อนจะหนีออกไปได้
ร่างบอบบางขยับกายลุกขึ้นนั่งบนเตียงไม้ที่แสนแข็งจนรู้สึกเจ็บไปทั้งตัวในทุกครั้งที่ขยับตัว
และเมื่อทรงตัวได้ดี ร่างบอบบางนั้นก็ขยับกายลุกขึ้นยืนด้วยความมั่นใจด้วยสองขาที่ถึงแม้จะเล็กแต่ก็แข็งแรงของตัวเอง
มือเล็กข้างที่ถนัดจับปลายผ้ากำเอาไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างหอบผ้าห่มส่วนที่เหลือเข้ามาไว้ในอ้อมอก ส่วนผ้าห่มอีกผืนยังคงวางเอาไว้บนเตียงนอน
สองเท้าเล็กขยับก้าวเดินไปข้างหน้าเข้าไปหาตะเกียงเล็กๆ นั้น และเมื่อไปถึงมันเธอก็ยกปลายผ้าที่จับเอาไว้มั่นขึ้นไปจ่อที่เปลวไฟ
นับทรายยืนอยู่ตรงนั้นอย่างใจเย็น ให้ปลายผ้าห่มค่อยๆ ติดไฟทีละนิดๆ
เธอคอยจ้องมองเอาไว้ไม่ห่างตาเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นมาอีก
เพราะนี่คือหนทางการหนีรอดไปจากที่นี่ได้ของเธอ เธอจะไม่มีวันพลาดแล้วพลาดอีกอย่างแน่นอน
“หึๆ”
หญิงสาวยืนเผาผ้าห่มผืนเล็กนั้นจนติดไฟเป็นอย่างดี เธอก็รีบนำมันไปกองไว้ตรงประตูของห้องขัง
แล้วร่างบางก็รีบไปหยิบผ้าห่มอีกผืนมาเติมเป็นเชื้อไฟ เพื่อให้เกิดไฟลุกท่วมห้องขังนี้อย่างที่เธอตั้งใจเอาไว้
ส่วนตัวเธอนั้นก็รีบไปอยู่อีกด้านของห้อง ห่างจากกองไฟที่เพิ่งจุดติดพอสมควรเพื่อไม่ให้ตัวเองนั้นเป็นอันตราย
แต่ยิ่งยืนมองก็เหมือนเปลวไฟที่ติดผ้าอยู่จะดับลงไปในทุกขณะ ความหวังของเธอที่จะออกไปก็ริบหรี่ลงเต็มทน
นับทรายรีบหยิบตะเกียงที่ทำขึ้นจากขวดแก้วออกมาจากฐานที่ตั้งในทันที แล้วเปิดตะเกียงนั้นออก
เธอเทน้ำมันจากตะเกียงใส่ลงไปในกองผ้าห่มจนหมดขวด แล้วก็รีบกลับไปยืนสงบนิ่งรอดูทุกอย่างอยู่ตรงที่เดิม
เพียงพริบตาเดียว เปลวไฟก็ลุกโชนขึ้นดั่งที่หญิงสาวปรารถนาจะให้เป็น แผดเผาทุกสิ่งที่อยู่ใกล้ในทันที
แล้วผนังของห้องขังที่ทำจากไม้ก็ติดไฟในทันที เติมเชื้อไฟให้ลุกโชนโหมแรงขึ้นอีกในช่วงอึดใจเดียว
“ไฟไหม้ ฉิบหายแล้ว”
เซลกระโดดลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ใช้นั่งเฝ้าตรงหน้าประตูห้องขังแทบไม่ทันเมื่อมีเปลวไฟโฉบออกมา
หวิดเกือบจะถูกไฟคลอกตายเสียตรงนั้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว