“วันเฮงซวยชัดๆ เลย กรี๊ด”
เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่เธอจะเดินออกมาจากในห้องน้ำแคบๆ ที่แทบกลับตัวหมุนไปไหนไม่ได้นั้น
ภายในใจเต็มไปด้วยความอัดอั้นจนอยากจะระบายออกมา ถูกจับตัวมาที่ไหนสักแห่งก็ยังไม่รู้ ยังหาทางหนีไปไหนก็ไม่ได้ ดันซวยมาเจอผู้ชายนิสัยไม่ดีและเป็นพวกถ้ำมองอีก
ของสงวนที่ไม่เคยให้ใครได้เห็นมาก่อน ดันต้องมาโชว์เด่นต่อสายตาของผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพวกโจรห้าร้อย
ไม่เรียกว่าวันเฮงซวยก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรอีกแล้ว ก็มันเฮงซวยจริงๆ
“คอแตกหรือยัง”
นิ้วชี้ข้างขวาแหย่เข้าไปในรูหูข้างที่ดับอยู่ แคะวนไปมาเพื่อหวังให้อาการหูดับมันดีขึ้น
ส่วนมือข้างซ้ายก็กระตุกโซ่เส้นเล็กที่มัดมือของเธอเอาไว้ให้มันสั้นขึ้น แล้วพาเธอออกเดินกลับไปยังที่พัก
“เออ ใกล้แล้วโว้ย”
หญิงสาวก้าวเท้าให้ยาวขึ้นเพื่อหวังไปยืนอยู่ตรงหน้าเขา แล้วเธอก็ตั้งท่าประชดประชันเสียงดังใส่เขา ก่อนจะออกเดินนำไปก่อนอย่างลืมไปเลยว่าถูกล่ามข้อมือเอาไว้
เธอเดินตรงกลับไปที่บ้านไม้หลังเล็กที่เขานั้นใช้กักขังเธอ โดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัวเพื่อเตรียมตัวหนีเลย
ความโมโหที่เกิดขึ้นกับเขามันไม่จางหายไปสักที ทำให้เธอขาดสติคิดอะไรไม่ตก ไม่รู้ว่าควรจะฆ่าเขาก่อนดีหรือว่าหนีไปก่อนดี
ชลธรเห็นเธอเดินไปตรงไปยังทางที่ควรจะไป เขาก็เดินตามไป หลีกเลี่ยงการพูดคุยกับเธอ ด้วยเกรงว่าหูของเขานั้นอาจจะหนวกจริงๆ ถ้าเธอกรีดร้องออกมาอีก
เขาไม่ได้จะเกรงกลัวอะไรในตัวเธอหรอก แต่ไม่อยากเสี่ยงที่จะหูหนวกไปก่อนวัยอันควร
นับทรายเดินมาถึงยังบ้านไม้ก็เดินเข้าไปภายในนั้นไม่ได้ขัดขืนอะไร ทำตัวเป็นคนถูกลักพาตัวที่ดี
ด้วยในหัวของเธอกำลังคิดอะไรดีๆ ออก ไม่อยากจะกระโตกกระตากแผนการออกไปให้ใครได้รู้
คราวนี้เธอหนีออกไปได้แน่นอน แผนการของเธอต้องไม่พลาดเป็นครั้งที่สามอีก
เธอวางแผนจะวิ่งหนีออกไปหลังจากที่เขาน่าจะปล่อยเธอให้อยู่กับลูกน้องของเขา เธอสำรวจเส้นทางระหว่างเดินกลับเอาไว้แล้ว
ถึงมันจะดูโง่ไปหน่อยที่จะต้องวิ่งโดยไม่รู้มีจุดหมายปลายทางเป็นที่ใด แต่มันก็คงดีกว่าการต้องมาอยู่ในบ้านที่เหมือนกับห้องขังนี้แน่นอน
“เอาน้ำกับอาหารเข้าไป แล้วก็จุดไฟ”
ชลธรเดินตามเธอเข้ามาภายในบ้านและจัดการมัดปลายโซ่ที่ล่ามข้อมือของเธออยู่กับขาเตียงนอนด้วยตัวเอง
ทำทุกอย่างให้ดูห่างไกลจากคำว่าหนีรอดไปได้กับเธอ เพราะตอนนี้มันเริ่มจะมืดแล้วเขาไม่อยากเสี่ยงเสียเวลามาวิ่งไล่จับเธอ
พร้อมกันนั้นก็สั่งให้ลูกน้องเตรียมข้าวเตรียมน้ำและแสงสว่างมาจัดการวางไว้ให้กับเธอเพื่อที่ก่อนที่เขาจะกลับออกไปจะได้ล็อกห้องด้วยมือของเขาเอง
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ไว้ใจลูกน้อง แต่ทว่าเธอนั้นร้ายเกินกว่าจะให้พวกเด็กๆ เข้าใกล้ได้
“ครับ นายหัว”
เซลขานรับคำสั่งของนายหัวชลธรอย่างหนักแน่นแล้วก็รีบไปจัดการตามคำสั่งทุกคำ
เขาทำทุกอย่างด้วยความว่องไว เพราะอาหารนั้นมีแม่ครัวทำใส่ปิ่นโตเอามาวางไว้ให้ใกล้ๆ แล้ว ส่วนไฟก็หยิบเอาตะเกียงที่ทำจากขวดแก้วมาจุดให้ติดแล้วนำมาวางไว้ภายในห้องที่กักขังหญิงสาว
นับทรายมองทุกอย่างด้วยความขัดใจอยากจะกรีดร้องให้เส้นเสียงมันขาดผึงไปเสียเดียวนี้
แผนของเธอพังไม่เป็นท่าอีกแล้วเพราะเขาไม่ยอมขยับตัวออกห่างจากเธอแม้แต่นิดเดียว
เธอไม่มีโอกาสจะหนีไปได้ เพราะยังหาทางเอาชนะโจรห้าร้อยอย่างเขาไม่ได้เลย ตั้งแต่เจอเขาเธอก็แพ้ทั้งความคิดและก็พละกำลัง
แต่สาบานเลยว่าเธอจะต้องเอาชนะโจรอย่างเขาให้ได้ และหนีไปจากเกาะเฮงซวยนี้ให้จงได้แน่นอน
“ถ้ายังไม่ตายไม่ต้องไปตามกู”
นายหัวที่นับว่ายังหนุ่มยังแน่นในวัยสี่สิบยืนดูลูกน้องจัดการทุกอย่างตามที่สั่งเสร็จสรรพก็ย่างเท้าเดินออกไปเพื่อกลับที่พักของเขา
ปล่อยให้หญิงสาวนั้นอยู่ตามลำพังภายในห้องขังที่ทำจากไม้ทั้งหลัง และปิดล็อกประตูอย่างแน่นหน้าด้วยโซ่และกุญแจดอกใหญ่
ที่นี่บนเกาะของเขามีความปลอดภัยสูง เพราะรอบด้านเต็มไปด้วยเวรยามที่แฝงตัวอยู่กับธรรมชาติเฝ้ารักษาความปลอดภัยอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง จะไม่มีใครมาทำอันตรายอะไรเธอ
เขาไม่มีอะไรต้องห่วง และไม่ต้องคอยเฝ้าเธอตลอดเวลาเพราะเธอจะไม่มีทางหายไปไหนได้แน่นอน
เว้นเสียแต่เธอจะฆ่าตัวตายเอง เธอถึงจะตายได้นั่นแหละ แต่สำหรับเธอที่ดูจะกลัวตายคงไม่ทำอะไรแบบนั้น เขามั่นใจ
“ครับ นายหัว”
เซลที่รับหน้าที่เฝ้าประตูห้องขังของหญิงสาวเอาไว้ขานรับงานในหน้าที่ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และยืนเฝ้ายามจนนายหัวเดินจากไปถึงได้นั่งลงบนเก้าอี้แล้วเฝ้าเธอต่อไป
เขานั่งอยู่ด้วยความเงียบเพื่อฟังเสียงทุกสิ่งรอบตัวตามที่ถูกสอนมาเพื่อระวังภัยให้กับนักโทษของนายหัว
และฟังเสียงของนักโทษด้านในด้วยว่ากำลังทำอะไรอยู่ หรือว่าใกล้ตายหรือยังจะได้ไปตามนายหัวมาดู