ว่าที่เมียท่านแม่ทัพ

1887 คำ
ช่วงเวลาดีๆของกัสกับเขื่อนก็มาถึง ทั้งสองได้มาที่ห้องประชุมชมรมละครเวที ซึ่งทุกคนต่างรอคอยว่าสองคนนี้จะเลือกบทละครตัวไหนกัน “น้องกัสกับน้องเขื่อนตกลงกันได้หรือยังครับ ว่าใครจะเล่นบทอะไร”พีคมองหน้าทั้งกัสและเขื่อนด้วยความอยากรู้ “เราสองคนตกลงกันได้แล้วครับ เขื่อนจะเล่นบทของวิน ส่วนกัสจะเล่นบทของนิว ครับ”เขื่อนเป็นคนพูดส่วนกัสนั่งเฉยๆ ตามนิสัยที่เงียบนิ่งไม่ค่อยพูดเท่าไร “พี่ก็นึกไว้แบบนี้เหมือนกัน เพราะบทของวินจะเด็ดเดี่ยวเป็นคนตรงมาตรงไป ซึ่งก็เหมาะกับเขื่อน ส่วนบทของนิวจะนิ่งๆลึกน่าจะเหมาะกับกัส เอาล่ะซึ่งเป็นอะไรที่ลงตัวมากเลย ต่อไปให้พี่จีน่ากับพี่เกรซอธิบายบทละครให้ฟังนะ”พีคเอ่ยขึ้น “บทละครที่พี่ให้ไปนั้นเป็นแค่บางส่วน น้องๆก็จะรู้เรื่องราวแค่เบื้องต้นเท่านั้น ส่วนเนื้อเรื่องต่อจากนั้น ทั้งวินและนิวจะแตกหักกัน เพราะรักผู้ชายคนเดียวกัน หลังจากนั้นทั้งสองคนก็จะร้ายใส่กัน มันจะเริ่มสนุกกันตรงนี้แหละ เดี๋ยวพี่เกรซพูดต่อก็แล้วกัน” “คือบทของวินนั้นจะร้ายตรงๆ ส่วนบทของนิวจะร้ายลึก เบื้องหน้าจะดูเป็นคนดี ถูกกระทำ แต่ลึกๆร้ายเงียบ ซึ่งบทนี้จะเล่นยากกว่าบทของวินมากๆ เพราะต้องเล่นซ้อนอารมณ์ น้องกัสไหวไหม”เกรซหันมามองหน้ากัส เพียงเกรซเห็นหน้ากัสนั่งนิ่งๆ เธอก็มั่นใจทันทีว่ากัสเล่นได้แน่นอน “คิดว่าเล่นได้ครับ”กัสยิ้มนิดๆ “เขื่อนล่ะ”เกรซหันมองหน้าเขื่อนที่หน้าตาดุดูเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน “ได้ครับ” “พีคล่ะเล่นได้ไหม”เกรซหันมาถามพีคที่นั่งมองสองหนุ่มแล้วยิ้ม “ได้สิ สบายมาก”พีคยิ้มอย่างเบิกกว้าง “พี่พีคเขามือโปรอยู่แล้ว”จีน่าหันหน้ามาแซวเพื่อน “พูดไปนั่นอย่าไปเชื่อพี่จีน่าน่ะ พี่ก็ไม่เก่งขนาดนั้นหรอก” “พอๆอีกคนโดนอวย ส่วนคนโดนอวยก็ถ่อมตัว เอาเป็นว่าวันนี้พอก่อน เดี๋ยวพี่ให้บทเต็มไปอ่านน่ะ ซักสองสามวันค่อยมาซ้อมก็ได้ ตอนแรกพี่กะว่าจะให้ซ้อมวันนี้ แต่คิดอีกทีพวกน้องๆต้องไปทำความเข้าใจบทละครกันก่อน”เมื่อเกรซพูดจบก็นำบทละครเต็มเรื่องยื่นให้ทั้งเขื่อนและกัส “วันนี้น้องสองคนไปไหนหรือเปล่า”พีคเอ่ยถามขึ้น เพราะอยากจะไปสลายพฤติกรรม ทำให้สนิทกันมากขึ้น “เขื่อนต้องไปทำงานที่ห้างน่ะครับ” “ขยันจังเลย พี่ก็กำลังจะไปซื้อของที่ห้างเหมือนกัน น้องกัสล่ะจะไปไหนหรือเปล่า”พีคหันหน้ามามองกัส “กลับห้องครับ” “ไม่ไปเที่ยวห้างกับพี่เหรอ” “กัสต้องทำรายงานครับ”กัสไม่กล้าบอกว่ากำลังเขียนนิยาย เพราะเขายังไม่มั่นใจฝีมือตัวเอง ถ้าเกิดรุ่นพี่ขออ่านกัสคงปฏิเสธไม่ได้แน่นอน “เอาแบบนี้ก็แล้วกัน พีคก็ไปส่งเขื่อนที่ห้างส่วนเราจะไปส่งกัสที่ห้องเอง จะได้รู้จักที่พักของน้องๆด้วย”จีน่าหันมามองกัสแล้วยิ้มให้อย่างเอ็นดู “ตกลงตามนี้น่ะ”พีคเอ่ยขึ้น ใจจริงกัสก็อยากที่จะไปเที่ยวกับพีคในห้าง แต่เขายังติดพันเขียนนิยายอยู่ ถ้าเกิดกัสไปเที่ยวกับพีคอาจจะทำให้นิยายของเขาจบช้าลงไปอีก แต่กัสก็รู้สึกอิจฉาเขื่อนเล็กๆที่ได้ไปเที่ยวกับพีค แต่ด้วยความฝันใฝ่อยากมีนิยายเป็นของตัวเองสักเรื่อง เขาจึงเลือกที่ปฏิเสธและกลับห้องโดยมีเกรซไปส่ง เมื่อกัสมาถึงที่ห้องเขาก็รีบทำธุระเส่วนตัวทันที หลังจากนั้นเขาหยิบบทละครขึ้นดู แค่เห็นชื่อเรื่อง ฉันหรือเธอที่เผลอใจ กัสก็อยากจะอ่านทันที แต่ความต้องการเขียนนิยายมีมากกว่า กัสจึงวางบทละครทิ้งไว้ และหันไปที่แป้นพิมพ์เพื่อลงมือเขียนนิยายต่อทัน ยิวนั่งซึมและหวาดกลัวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ หลังจากวิ่งตามแม่ทัพวิศรุฒจนหกล้มเท้าแพลง จึงทำให้ยิวไม่สามารถเดินตามแม่ทัพวิศรุฒทัน ยิวจึงทำได้แต่นั่งอยู่เพียงลำพัง ในค่ำคืนอันโหดร้ายสำหรับเขา ฟ้าเริ่มร้องฝนเริ่มโปรยปราย ยิวไม่สามารถเคลื่อนร่างกายไปไหนได้ ถึงเขาจะเดินได้แต่ก็ไม่รู้หนทางอันมืดมิดนี้ ไม่ว่ายิวจะตกอยู่ในสถานะอะไร เขาก็หมดหนทางเดินไปข้างหน้า ฝนเริ่มตกหนักขึ้นจนทำให้ร่างกายของยิว เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน พร้อมกับน้ำตาไหลรินรวมเป็นสายเดียวกัน ยิวไม่รู้จะทำอะไรต่อจากนี้ เขาได้แต่นั่งยกเข่าสูงและก้มหน้าชันเข่า “ทำไมไม่หาที่หลบฝน”เสียงเข้มๆห้วนๆ ดังขึ้นข้างหลังของยิว เขาจึงรีบหันไปมองซึ่งเป็นแม่ทัพวิศรุฒยืนเปียกน้ำฝนเช่นเดียวกับเขา “จะให้ไปไหนได้ล่ะ เราหกล้มจนเท้าแพลงเดินไม่ได้” “ไหนข้าขอดูหน่อยซิ”แม่ทัพวิศรุฒก้มลงดูเท้าของยิวที่บวมแดง “นายทำข้าเจ็บนายต้องรับผิดชอบด้วย” “ก็ได้ ขี่หลังข้าก็แล้วกัน” แม่ทัพวิศรุฒนั่งยองๆหันหลังให้ยิว เพื่อจะให้ยิวได้ขี่คอ เพราะเขารู้สึกผิดอย่างมาก ที่ทำรุนแรงและทิ้งยิวในครั้งนี้ ยิวขยับตัวเข้าใกล้แม่ทัพวิศรุฒและใช้สองแขนคล้องคอไว้ ส่วนแม่ทัพวิศรุฒจับสองขาของยิว หลังจากนั้นเขาพยุงตัวลุกขึ้นรีบเดินผ่ากลางสายฝน ไปยังสถานที่หลบฝนไม่ไกลจากป่าแห่งนี้ แม่ทัพวิศรุฒพายิวมายังถ้ำอันมีแสงสว่างจากไฟ ที่ก่อจากกิ่งไม้หลายอันสุมวางทับกันจนเกิดประกายไฟเจิดจ้า แม่ทัพวิศรุฒวางร่างของยิวไว้ข้างๆกองไฟ “ข้าดูตีนอีกทีซิ” “อยากดูก็ดูซิ”ยิวแสร้งทำเป็นไม่สนใจ แม่ทัพวิศรุฒจับเท้าของยิวและค่อยๆลูบ เพราะเขามีแผนที่จะทำอะไรบางอย่าง โดยไม่ให้ยิวได้รู้ตัว “ตีนของเอ็งเล็กมากเลย” “ฮือ” เมื่อแม่ทัพวิศรุฒเห็นยิวเผลอ เขาจึงจับข้อเท้าที่พลิก ทำการกระตุกให้เข้าที่อย่างเดิม จนเสียงดังเปาะ ยิวเจ็บสุดขีดตกใจจนหวีดร้องสุดเสียง “โอ๊ย นายจะฆ่าเราหรือไง”ยิวจับเท้าของตัวเอง “ไม่ได้ฆ่าเอ็ง แต่ช่วยเอ็ง ยังไม่สำนึกอีก” “ช่วยอย่างไง” “ก็ลองขยับตีนดูซิ” ยิวทำตามคำของแม่ทัพวิศรุฒ ขยับเท้าไปมาและลุกขึ้นยืนเดิน ยิวไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย เขาดีใจมากจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองหน้าแม่ทัพวิศรุฒ “ขอบใจนายมากนะ นายเก่งจริงๆท่านแม่ทัพ” “ไม่ต้องมาขอบใจหรอก ข้าทำไปเพื่อมนุษยธรรมต่างหาก” “ก็นั่นแหละ จะเพื่ออะไรก็แล้วแต่ อย่างไงเราต้องขอบใจนายมากๆ” “แล้วแต่เอ็ง” ยิวยืนยิ้มสักพัก หลังจากนั้นเขาก็นั่งลงข้างๆแม่ทัพวิศรุฒที่เปลือยท่อนบน เผยเห็นมัดกล้ามชัดเจนจนยิวต้องหันสายตาไปทางอื่น “ถอดเสื้อนั้นทิ้งไปซะ มันขาดรุ่งริ่งไปหมดแล้ว”แม่ทัพวิศรุฒรำคาญนัยลูกตา เสื้อผ้าที่ฉีกขาดของยิว “ถอดแล้วจะใส่อะไรล่ะ” “ก็ไม่ต้องใส่ไง ผิงไฟก็คลายหนาวได้ ถ้าเอ็งอยากใส่ก็ตามใจ ป่วยขึ้นมาข้าไม่พาไปรักษานะ จะปล่อยให้ตายอยู่ในถ้ำนี่แหละ” “ใจร้าย” “ถ้าข้าใจร้ายคงไม่พาเอ็งมาที่นี่หรอก” “เราอยากรู้จังทำไมนายกลับมารับเราอีก”ยิวถอดเสื้ออกตามคำของแม่ทัพวิศรุฒ “ก็ข้า คือเอ่อ” แม่ทัพวิศรุฒหันหน้ามาได้จังหวะพอดี ที่ยิวถอดเสื้อออกจนหมด เผยเห็นผิวขาวเนียนใสไร้ริ้วรอย มัดกล้ามที่แขนและหน้าอกก็ไม่มี ส่วนหน้าท้องแบนราบหาพุงไม่เจอ แม่ทัพวิศรุฒมองขึ้นบนอีกครั้ง เขามองที่แผ่นอกของยิว เพื่อดูหัวนมสีชมพูอ่อนๆ เพียงแค่ได้เห็นใจของแม่ทัพวิศรุฒถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ “มัวมองแต่เราอยู่นั่นแหล่ะ ยังไม่บอกเลยว่ามารับเราทำไม” “ข้าอยากรู้ว่าสถานที่เจ้ามา ผู้ชายมีเมียเป็นผู้ชายจริงเหรอ แล้วเขาทำกันอย่างไง” “มาถามแค่นี้น่ะเหรอ ก็นึกว่าอยากมีเมียซะอีก”ยิวอมยิ้ม “ก็ใช่น่ะสิ ข้าอยากมีเมียใจจะขาด เพราะตั้งแต่โตเป็นหนุ่มข้ายังไม่ได้สัมผัสผู้หญิงใดเลย เพราะมัวแต่ออกรบทำศึกสงคราม กลับไปครานี้แม่ของข้า เตรียมเมียไว้ให้ข้าได้สมรสแล้วด้วย” “ถ้าอย่างนั้นก็ดีนี่ ไม่ต้องมีหรอกเมียผู้ชาย” “ข้าอยากลองดู ลองแบบลับๆ ไม่ต้องบอกใคร” “ทำตรงนี้ไม่ได้มันกลางป่ากลางเขา” “ข้ายังไม่บอกเลยว่าจะทำที่นี่ เอ็งนี่คิดอุบาทว์ ข้าหมายถึงกลับไปถึงบ้านเมืองข้าก่อน” “อ่อ”ยิวโล่งใจ ถึงเขาจะชอบผู้ชายแต่จะให้มีความสัมพันธ์กับคนที่ไม่ได้รัก ยิวก็ไม่อยากจะทำ แต่ถ้ามันจำเป็นจริงๆยิวก็พร้อมใจที่จะทำ เพื่อเอาตัวรอดจากเมืองสมมุติในนิยายที่เขาอ่าน “อีกไม่นานก็จะสว่าง ไม่ต้องนอนหรอก เพราะเราต้องรีบเดินทางออกไปจากที่นี่โดยเร็ว” “ไปที่ไหนเหรอ” “บ้านเมืองของข้าไง” “แล้วทหารของนายล่ะ” “ป่านนี้น่าจะเดินทางนำพวกเราไปแล้วแหละ” “ถ้าเราไปบ้านเมืองของนาย ให้เราไปในฐานะอะไรล่ะ” “เมียข้าไง” “ฮ่ะ ท่านแม่ทัพพูดจริงเหรอ ท่านแม่ทัพไม่อายทหารและผู้คนใช่ไหม” “อายสิ” “อาย ยังจะเอาเราทำเมียอีกเหรอ” “อย่าพึ่งพูดเรื่องนี้เลย เอาไว้ถึงบ้านเมืองข้าก่อนค่อยว่ากันอีกที แต่ไม่ต้องกลัวหรอกข้าเอาเอ็งเป็นเมียแน่ๆ ข้าอยากรู้ใจจะขาดแล้วว่าเขาทำกันอย่างไร” “ถึงเวลาเดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ แต่ตอนนี้หาเสื้อผ้าให้เราใส่ก่อนได้ไหม” “ใช่ เอ็งต้องใส่เสื้อผ้า เพราะผิวพรรณเอ็งยังกับผู้หญิง ถ้าถอดเสื้อเดินป่าคงลายเต็มตัว เมียข้าจะโดนอะไรกัดขีดข่วนไม่ได้ เดี๋ยวตอนเช้าข้าจะไปหาเสื้อมาให้เอ็งใส่” ยิวนั่งมองแม่ทัพวิศรุฒที่จริงจังกับการมีเมียมาก ซึ่งยิวก็เข้าใจดีเพราะแม่ทัพวิศรุฒมัวแต่ทำศึกสงครามจนลืมความสุขส่วนตัว เมื่อมีโอกาสที่จะได้รับสัมผัสแห่งสุข เขาคงไม่ปล่อยโอกาสนั้นทิ้งไป ถึงแม้โอกาสนั้นอาจจะได้เมียที่เป็นผู้ชาย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม