ตรวนรักวิวาห์ร้าว 03

1904 คำ
ทุกอย่างเป็นตามคาด นั่นคือกอบัวไม่ได้รู้สึกกดดันเพราะข้อสอบ เธอเป็นเด็กดีมาโดยตลอด เชื่อฟังคำสอนของมารดาว่า ทำหน้าที่ของตนให้ดี ตั้งใจเรียนหนังสือแล้วค่อยออกมามีชีวิตเป็นของตนเอง หากถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งก็ให้อดทนสักหน่อย อย่างน้อยอยู่กับพ่อก็ยังดีกว่าถูกส่งไปอยู่กับญาติห่างๆ ที่หวังเพียงเงิน ศักดาเขาก็เป็นผู้ให้กำเนิด แม้ไม่ได้เลี้ยงดูมา แต่ก็น่าจะมีความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง กอบัวเสียใจเหลือเกินที่แม่คิดผิด คุณพ่อทำราวกับว่าเธอไม่มีตัวตน แทบไม่เคยพูดด้วย เรียนได้เกรดดีก็ไม่เคยชื่นชม ในขณะที่ก่อนหน้าคนเป็นแม่ให้กำลังใจอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งโรคร้ายพรากมารดาไปจากกอบัว เธอย้ายมาอยู่กับบิดาก่อนจบมัธยมปลาย แม้จะยังเสียใจอย่างมาก แต่ก็ตั้งใจอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดยไม่สนแม่เลี้ยงที่กดหัวและพูดจาดูถูก บอกว่าเธอไม่มีวันสู้รสรินทร์ที่เรียนจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดังได้ เรื่องคู่ครองเองก็เช่นกัน เธอไม่มีวันสู้ใครได้และสุดท้ายก็คงถูกหลอก เหมือนมารดาของเธอ คุณแม่ของเธอไม่รู้มาก่อนว่าศักดาไม่ใช่คนตัวเปล่า เขามีภรรยาและลูกอยู่แล้ว แต่กลับใช้เสน่ห์ล่อลวงจนได้แต่งงานจดทะเบียนสมรส หลอกให้เชื่อว่ารักจนยอมให้ยืมเงินมรดกไปลงทุน สุดท้ายก็เปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าเธอตั้งครรภ์ มัทนาพาลูกวัยสี่ขวบกลับบุกมาถึงบ้าน ด่าทอมารดาของกอบัวที่กำลังตั้งครรภ์ กล่าวหาว่าคิดมีลูกเพื่อจับผู้ชายให้อยู่ต่อและขู่ให้ไปทำแท้งเพื่อให้ทุกอย่างจบลง มารดาของกอบัวไม่ใช่คนอ่อนแอ รีบขอหย่าและออกมาอยู่ตามลำพัง กลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เข้มแข็ง จนกระทั่งสวรรค์รับเธอไปอยู่ข้างบน กอบัวอยากเข้มแข็งเหมือนแม่ แต่เธอยังเด็กเกินไปจึงทำได้เพียงรอ และในขณะที่รอเธอก็ได้พบเขา คุณเอื้อ… อธิคุณมาที่บ้านบ่อยครั้ง แรกเริ่มเป็นพ่อของเธอที่ชวนมา ได้ยินว่ามีจุดประสงค์อยากให้รสรินทร์คบหากับนักธุรกิจหนุ่ม เพื่อให้เรื่องงานของตนผ่านไปได้ด้วยดี ทุกเขาที่เขาแวะมาก็มักจะเห็นเธออ่านหนังสือทำการบ้าน กอบัวไม่ได้รับอนุญาตให้เรียนพิเศษนอกบ้านเหมือนเด็กรุ่นเดียวกัน เธอจึงต้องขยัน แต่ก็มีบางวันที่เครียดแทบร้องไห้ เพราะไม่มีใครอธิบายจุดที่เธอไม่เข้าใจให้ฟัง จนกระทั่งอธิคุณเข้ามาใกล้ๆ ลูบศีรษะของเธอและอธิบายทุกข้อสงสัยจนกระจ่าง เขาใจดีกับเธอมากจริงๆ มัทนาเห็นเขาคุยกับเธอบ่อยเข้าก็เริ่มไม่พอใจ ตบตีรุนแรง หาว่าทำตัวร่านไม่ต่างจากมารดา เธอเถียงกลับว่าเพราะพ่อไม่เคยบอกสักคำว่ามีครอบครัว แล้วแม่ของเธอจะรู้ได้อย่างไร กอบัวทราบในวันนั้นเองว่ามัทนาเองก็รู้เห็นเป็นใจ ให้สามีที่ไม่ได้จดทะเบียนของตนมาหลอกลวงเพราะต้องการเงินไปพยุงธุรกิจที่กำลังจะล่ม เธอตะโกนเสียงดังเป็นครั้งแรก ด่าว่าผู้ใหญ่ใจร้ายและคงถูกตบอีกหลายรอบ หากเขาไม่เข้ามาห้ามเอาไว้เสียก่อน มัทนายังอ้างว่าด้วยว่าต้องสั่งสอนเด็กแก่แดด อายุไม่ถึงสิบแปดก็อ่อยผู้ชายแล้ว เธอจำได้ว่าอธิคุณแก้ต่างให้ด้วยประโยคที่ทำให้เธอเจ็บปวดอย่างที่สุด ‘บัวคิดกับผมแบบพี่ชาย ผมเองก็เอ็นดูเธอเหมือนน้องสาว ไม่มีอะไรมากกว่านั้น…’ เขาเปลี่ยนคำพูดของเธอ วันนั้นเธอบอกเขาว่าชอบ และไม่ได้บอกว่าชอบในฐานะพี่ชาย แต่ตอนนี้พี่ชายกลับกลายมาเป็นสามี…. เขาเสนอว่าจะทำให้เธอมีความสุข ขอเพียงอยู่กับเขา ตามใจเขา และนั่นคงจะรวมถึงยอมนอนกับเขา กอบัวไม่ได้โง่ เธออ่านสายตาของผู้ชายออก แถมคำพูดยังสื่อชัดเจนขนาดนั้นว่าต้องการอะไร แต่เรื่องพวกนั้นเธอจะยอมง่ายๆ ได้อยู่หรือ “คิดอะไรอยู่บัว!” ญาดาพัชร์ เพื่อนสนิทของกอบัวเพิ่งออกมาจากห้องสอบ ใช้เวลาจนนาทีสุดท้ายเพราะมีข้อหนึ่งที่ไม่มั่นใจ และพอได้คำตอบจากเพื่อนสนิท เธอก็ยิ้มกว้างออกมาทันที “นึกว่าจะตอบผิด รอดตัวไปที ไม่ใช่อะไรหรอกนะ กลัวว่าจะไม่ได้จบพร้อมเพื่อนน่ะ” “ต้องจบพร้อมกันอยู่แล้ว กิจกรรมแน่นบวกเกรดสวยอย่างดาคงได้งานก่อนเพื่อนๆ แน่นอน ไม่เหมือนบัว ไม่เคยได้ทำกิจกรรมอะไรนอกเวลาเลย” บิดาของเธอและมารดาเลี้ยงไม่อนุญาตให้เที่ยวเตร่ หลังเลิกเรียนแล้วต้องกลับบ้าน กอบัวจึงมีเวลาส่วนตัวแค่วันที่อาจารย์ยกเลิกคลาสเรียนเท่านั้น “ห้ามพูดเรื่องเศร้า ปิดหูไม่รู้ไม่ฟังค่ะ แค่จะไม่ได้เรียนด้วยกันก็จะขาดใจตายแล้ว เออ ศุกร์หน้าเขาจัดปาร์ตี้อำลากัน บัวคิดว่าจะขอที่บ้านออกมาได้ไหม” “เดี๋ยวบัวลองขอดู แต่คงไม่ได้… ไม่รู้สิ น่าจะได้นะ” กอบัวลืมไปสนิทว่าไม่ได้อยู่บ้านเดิมและเขาก็เดินทางไปต่างประเทศตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว เหลือแค่คุณแม่บ้านและสาวใช้อีกคนที่อยู่ประจำ ซึ่งก็คงไม่มาขัดอะไร “แต่งตัวสวยๆ เลยนะ อุตส่าห์จะได้ไปเที่ยวครั้งแรกทั้งที ต้องเอาให้คนมอง หมานี่ต้องหอนเลยนะ ไม่อย่างนั้นดาไม่ยอมจริงๆ ด้วย” “ดา นี่บัวเอง เพื่อนค่ะ ไม่ใช่ผี” “แหม หยอกนิดเดียวก็ไม่ได้” กอบัวคุยเล่นกับเพื่อนพักใหญ่ก็ลุกขึ้นเตรียมตัวกลับบ้าน แต่ทันทีที่ทำเช่นนั้นก็ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์แปลก ปรากฏว่าเป็นคนขับรถของบ้านศิริกุลธาดาที่มาส่งเธอในช่วงเช้า เขาถามว่าสอบเสร็จตอนไหน เธอก็ตอบไปตามความจริง นึกไม่ถึงว่าจะมีใครมารับ “ค่ะ บัวจะรีบไป จอดอยู่ที่เดิมนะคะ” เธอปฏิเสธแล้วว่าจะกลับเองเพราะต้องการซื้อของก่อนเข้าบ้าน แต่ลุงสมควรบอกว่าคุณเอื้อไม่อนุญาต หากจะไปไหนก็ต้องใช้รถของที่บ้านเท่านั้น “ก็ดี จะได้ไม่ต้องเปลืองเงินค่ารถ” ทว่าทันทีที่เธอลงจากรถ ลุงสมควรก็ยื่นซองกระดาษเล็กๆ ให้ พร้อมกับบอกว่าคุณเอื้อฝากไว้ก่อนเดินทางไปฮ่องกง เขาให้ทั้งบัตรเครดิตและคนขับรถ กอบัวไม่ดีใจที่ได้รับการดูแล เธอรู้สึกแย่ที่เขาทำราวกับว่าเธอเป็นภรรยาจริงๆ ถึงแม้จะสวมแหวนต่อหน้าผู้ใหญ่ แต่แม่เลี้ยงอย่างมัทนาก็บอกแล้วว่าเธอเป็นแค่ตัวประกันค่าสินสอด เป็นภรรยาชั่วคราวที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส หากเจ้าสาวตัวจริงกลับมา เธอก็หมดหน้าที่แล้ว กอบัวรู้ตัวดี นอกจากมารดาก็ไม่มีใครต้องการเธอแล้ว บิดาผู้ให้กำเนิดอย่างศักดาเองก็เช่นกัน หลังจากซื้อของใช้จำเป็นเสร็จแล้ว กอบัวก็ขอให้ลุงสมควรพากลับบ้าน เธอชวนคุยไปเรื่อยตามประสาจนได้รู้ว่าอธิคุณ หรือ คุณเอื้อนั้นรักสันโดษอย่างมาก คุณพ่อคุณแม่ของเขาย้ายไปดูแลธุรกิจที่ต่างประเทศนานหลายปีแล้ว ส่วนเขาอยู่ดูแลธุรกิจในไทยหลายอย่าง ทำงานหนักจนแทบเรียกไม่มีเวลาพักผ่อน “คุณเอื้อไม่ชอบคนเยอะครับ ที่บ้านจะมีป้าจวบกับหลานสาว แล้วก็ผมที่อยู่ประจำ หลังสี่ทุ่มก็ไม่อนุญาตให้เข้าไปในตัวบ้านแล้วครับคุณบัว” ลุงสมควรแจ้งว่าสาวใช้ที่เหลือไม่ได้นอนค้าง แต่หากหลังสี่ทุ่มอยากได้อะไรก็สามารถโทร. ไปสั่งหลานสาวของป้าจวบได้ กอบัวถามเรื่องต่างๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารที่เขาชอบ เรื่องที่มักทำในเวลาว่าง แต่สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจมากที่สุดคือคุณเอื้อไม่ชอบดื่ม หากจำเป็นก็จะดื่มไวน์เพียงแค่แก้วเดียวเท่านั้น “คุณเอื้อไม่ชอบคนเมา แต่ก็มีครั้งหนึ่งนะครับ ราวๆ เดือนก่อนคุณเขาเมาจนเผลอหลับไปที่บริษัท ผมหลับรอที่ลานจอดรถ เป็นครั้งแรกที่คุณเขาผิดนัดโดยที่ไม่ได้แจ้ง ถ้าคุณกอบัวอยากให้คุณเอื้อชอบ ไม่อยากเลยครับ อย่ายุ่งกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่าพูดเสียงดัง แล้วก็ห้ามผิดนัด” “บัวไม่ได้...” “ถึงบ้านแล้วครับคุณ” กอบัวไม่ได้ถามเรื่องทั้งหมดเพราะต้องการให้เขาชอบ เธอแค่ต้องการรู้ว่าควรทำอย่างไรให้เขาพอใจและอยู่ร่วมกันโดยไม่ลำบาก เธอแค่อยากหลุดจากสถานะตัวประกันสินสอดโดยไม่เสียตัวให้กับผู้ชายที่แอบชอบมานานก็เท่านั้นเอง หลังจากอยู่ในบ้านหลังใหญ่อย่างเหงาๆ นานเจ็ดวัน กอบัวก็ตัดสินใจแล้วว่าจะออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง เธอบอกลุงสมควรซ้ำหลายครั้งว่าไม่ต้องห่วง หากเสร็จจากงานปาร์ตี้เมื่อไหร่ เพื่อนสนิทอย่างญาดาพัชร์จะมาส่งเอง รายนั้นเป็นสายแดนซ์มากกว่าดื่ม รับรองว่าปลอดภัย “ถ้าคุณเอื้อดุ บัวจะรับผิดชอบเองค่ะ” เธอกล่าวย้ำอีกครั้งเมื่อถึงผับย่านทองหล่อว่าไม่ต้องรอ ซึ่งลุงสมควรก็รับคำอย่างไม่สบายใจนัก กอบัวอายุยี่สิบเอ็ดปีแล้ว เธออยากสัมผัสกับอิสรภาพอย่างเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันบ้าง “โหย บัว ทำไมแต่งตัวเรียบร้อยแบบนี้ล่ะ ดาไม่ยอมจริงๆ ด้วยนะ” ญาดาพัชร์เห็นเพื่อนลงจากรถก็ตั้งใจจะถามว่าใครมาส่ง แต่พอเห็นชุดที่เพื่อนใส่ก็ทำใจไม่ได้ ลืมเรื่องทุกอย่างและลากเจ้าตัวไปเปลี่ยนชุดในรถทันที “ไม่ต้องเปลี่ยนกางเกงยีนก็ได้ แต่เสื้อคือแบบ...” “บัวไม่กล้าแต่งตัวมาก กลัวถูกดุ” “เข้าใจแหละ งั้นบัวใส่เสื้อเรานะ กะเอามาเปลี่ยน กลัวเปรี้ยวสู้เพื่อนไม่ได้ แต่ยกให้บัวดีกว่า” “มันจะดีเหรอดา” กอบัวมองเสื้อครอปสีขาวอย่างไม่มั่นใจนัก เธอไม่เคยแต่งตัวโป๊ เสื้อกล้ามยังไม่เคยใส่ด้วยซ้ำ จะให้ใส่เสื้ออวดทรวดทรงคือลืมไปได้เลย “ใส่ไปเถอะ ข้างในมืดจะตาย แต่ถ้ายืนยันว่าจะใส่เสื้อยืดทรงป้าข้างบ้านเข้าไปในคลับ แล้วหนุ่มๆ เห็นของแปลกแต่สวยจนอยากเข้ามาจีบ บัวจะมาโทษว่าเพื่อนไม่เตือนไม่ได้นะ” ญาดาพัชร์ยกเหตุผลอีกมากมายที่ทำให้เพื่อนไม่รู้สึกลำบากใจที่จะสวมมัน แถมยังชมอีกด้วยว่าสวยซ่อนรูป ไม่รู้ว่าเหลือรอดมาจนถึงอายุยี่สิบเอ็ดได้ยังไง อยากบอกเหลือเกินอีกไม่นานเธออาจไม่รอด...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม