ความคิดของหญิงสาวล่องลอยไปก่อนร่างที่เดินออกไป เธอจะหาเงินสามล้านมาจากที่ไหนกัน นั่นคือคำถามที่หมุนวนซ้ำไปซ้ำมา
“ฉันจะต้องแต่งงานจริงๆ หรือ” เสียงรำพึงที่หญิงสาวไม่ต้องการให้ใครได้ยินหลุดออกจากปาก เธอนั่งเหม่อมาร่วมชั่วโมง ยังดีที่เข้าเวรดึก คนป่วยส่วนใหญ่นอนหลับ เลยไม่มีปัญหากับเรื่องงานมากนัก
แต่คนที่นั่งข้างๆ สังเกตอาการเพื่อนสาวเป็นระยะอย่างกันสิตาอดแปลกใจไม่ได้ แต่เธอก็ไม่กล้าถามละลาบละล้วงเรื่องของเพื่อน จนกระทั่งเธอได้ยินเสียงรำพึงออกมาจากปากของคนเหม่อ
“เธอว่าอะไรนะรัณ” แม้จะเป็นเพียงคำพูดที่หลุดออกจากปากแบบเผลอๆ หากแต่หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ได้ยินชัดเจนในความเงียบงัน เธอสังเกตเห็นดารัณยืนทำงานเหม่อลอยมาตลอดตั้งแต่เข้าเวรมาแล้ว
ดารัณพยักหน้าหงึกๆ หันหน้ามาบอกเพื่อนเสียงเนือยๆ
“อืม...ฉันต้องแต่งงานกับเสี่ยภากรเจ้าของโรงงานซีอิ๊ว ผู้ชายที่ฉันยังไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าตา เพื่อแลกกับบ้านที่เป็นของฉัน น่าตลกดีไหมสิตา” ดารัณบอกเสียงราบเรียบเหมือนไม่มีความรู้สึกในเนื้อเรื่องที่เล่า บางทีการได้ระบายกับใครสักคนก็อาจเป็นการทางออกที่ดีกับตัวเธอ เพราะอย่างน้อยก็คงจะลดอาการอัดอั้นอื้ออึงที่สุมอยู่ในอกแทบระเบิดตอนนี้ให้เบาบางลง
“หะ! อะไรนะรัณ” กันสิตาร้องเสียงสูง ‘ขายตัวแลกเงินมันมีแต่ในละครหลังข่าวเท่านั้น’
“เธอฟังไม่ผิดหรอก...ฉันพลาดให้คนที่ฉันไว้ใจที่สุด และทางเดียวที่ฉัน จะเก็บบ้านสวนเอาไว้ได้ก็คือ...แต่งงาน!”
“พลาดอะไร! อย่าบอกนะว่า เธอเสียทีเขาแล้ว ผู้ชายห่วยๆ คนไหน” กันสิตาเขย่าตัวถามเพื่อนกลับทันที ด้วยมีรอยร้าวผสานความเกลียดคนต่างเพศ ผู้ชายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอก็เห็นแก่ตัวไม่ต่างกันสักคน จ้องแต่จะเอาประโยชน์จากผู้หญิง
“เปล่า แต่ฉันเสียทีป้าฉันเอง ฉันเซ็นเอกสารเพื่อรับเงินช่วยเหลือจากป้าโดยที่ไม่อ่านสัญญา”
“แล้วเธอจะแต่งหรือ นายคนนั้นเป็นใครก็ไม่รู้”
“นั่นเป็นสิ่งที่ฉันกำลังคิดไม่ตก เครียดจนสมองจะระเบิดอยู่แล้ว”
“เงินเท่าไรที่เธอต้องการ”
“สามล้าน”
“ตั้งสามล้าน เธอจะหามาจากที่ไหน”
“นั่นน่ะสิ!” ดารัณทอดถอนใจ อย่าว่าแต่สามล้านเลย แค่สามแสนยังไม่มี สำหรับพยาบาลโรงพยาบาลรัฐบาลที่เพิ่งเรียนจบอย่างเธอ
“เออ! จริงสิ!” กันสิตาเหมือนเพิ่งนึกอะไรออกร้องขึ้นมา “เมื่อวาน สิตาเห็นประกาศที่พี่แดงเอามา หาคนสมัครไปเป็นพยาบาลพิเศษไปทำงานที่อเมริกา ค่าตอบแทนสูงเหมือนกัน แต่สิตาไม่ได้สนใจอ่านรายละเอียดก็เลยไม่รู้มากกว่านี้ ถ้ารัณสนใจลองไปถามที่พี่แดงหัวหน้าวอร์ดดูสิ”
“ค่าตอบแทนสูงงั้นหรือ” ดารัณตาโตถามย้ำ หัวใจของเธอเหมือนเพิ่งมีเลือดมาหล่อเลี้ยง
“ใช่...สูง แต่เหมือนคนป่วยจะมีปัญหากับปลายประสาทขาข้างซ้าย คนรวยก็คงจะเรื่องมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าจ้างพยาบาลแพงๆ แถมยังคัดความสูงด้วย ผู้หญิงร่างเล็กอย่างเราคงไม่ผ่านตั้งแต่เกณฑ์แรก” กันสิตาบอกติดตลก กับข้อมูลที่เธอเห็นมาผ่านตาและก็ตกเกณฑ์แรกไปเรียบร้อย
สิ่งที่เพื่อนสาวบอกสร้างความหวังให้กับดารัณอีกครั้ง อยากน้อยในความมืดมนก็ยังมีดวงเทียนเล็กๆ ส่องทางให้เธอพอมีความหวัง
“ขอบใจมากนะสิตา” ดารัณแตะบ่าบอกขอบคุณเพื่อน
กันสิตามองตามหลังอย่างยินดี อย่างน้อยเธอก็ได้ช่วยให้เพื่อนมีความหวังอีกครั้ง หลังจากที่เห็นเหม่อซึมมาหลายวัน
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...ดารัณลากกระเป๋าออกมาหน้าคอนโดโรงพยาบาล ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเซ็นสัญญายอมตกลงไปทำงานแลกเงินที่อเมริกา งานที่เธอไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ยังดีที่พี่แดงพยาบาล หัวหน้าวอร์ดที่เธอทำงานรู้จักกับฝ่ายโน้นอยู่บ้าง นางยอมเซ็นค้ำประกัน การทำงานและขอรับเงินค่าจ้างให้เธอชำระหนี้ป้าของเธอก่อน ทำให้เธอโล่งใจไปได้เปลาะหนึ่งที่ยังรักษาบ้านสวนของเธอเอาไว้ได้
สิ่งที่ดารัณนอนคิดสะระตะมาตลอดสัปดาห์คือเธอต้องสู้กับทุกอุปสรรคที่จะเกิดขึ้น อย่างน้อยเธอยังได้ใช้วิชาชีพที่ร่ำเรียนมาหาเงินในทางสุจริต แม้จะต้องแลกด้วยกฎเกณฑ์หลายอย่างก็ตาม อย่างไรงานหนักที่เธอต้องเจอ แต่ก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงคนอดทนสูงอย่างเธอไปได้
“รัณจะไปไหนหรือ...อย่าบอกว่าจะกลับไปพักที่บ้านสวนน่ะ” คุณหมอกรุณพลถามอย่างแปลกใจ เขาเพิ่งจะเลิกงาน แต่ก็เห็นดารัณลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากคอนโดเสียก่อน ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาเข้าเวรสลับกับดารัณตลอด
“เปล่าหรอก...รัณจะไปทำงานที่อเมริกาสองเดือน” หญิงสาวตอบกลับเพื่อนชายเสียงเรียบ
“หา!...รัณว่าอะไรนะ เกิดอะไรขึ้น ทำไมหมอไม่เห็นรู้เรื่องเลย” หมอหนุ่มร้องตกใจทันทีที่รู้ว่าหญิงสาวจะไปไหน
ดารัณพยักหน้าให้สัญญาก่อนที่จะเดินนำเพื่อนหนุ่มไปที่สวนข้างที่พักแพทย์ ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นให้หมอหนุ่มฟัง ตลอดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เขากับเธอเข้าเวรสลับกันเลยไม่ได้ปรึกษาหรือบอกเล่าให้ฟัง
หญิงสาวตัดสินใจเลือกแล้ว กับทั้งทางด้านนายจ้างใหม่ต้องการให้เธอเดินทางเร่งด่วนและจัดการด้านเอกสารให้ทุกอย่าง ทุกอย่างที่เลือกต้องแลกกับข้อผูกมัดหลายอย่าง ทั้งยอมลาออกจากราชการ หากแต่คราวนี้เธออ่านสัญญาจ้างอย่างละเอียด และจรดปากกาเซ็นสัญญาด้วยหัวใจแน่วแน่
“ทำไมรัณไม่บอกหมอก่อน เรื่องเงินหมอช่วยรัณได้อยู่แล้ว รัณก็รู้”
“รัณตัดสินใจแล้วค่ะหมอ ขอให้รัณได้หลงเหลือความภาคภูมิใจบ้าง เพียงแค่สองเดือนตามสัญญา ไม่นาน...แล้วรัณก็จะกลับมาอย่างภาคภูมิ กับสิ่งที่รัณรักษาไว้ด้วยตัวรัณเอง”
“เวลานี้หมอคงจะห้ามรัณไม่ได้สินะ”
ดารัณเงยหน้าส่งยิ้มให้หมอหนุ่ม
“ขอบคุณหมอที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้รัณ และเชื่อว่าครั้งนี้หมอก็คงจะยินดีกันการตัดสินใจของรัณด้วย”
“ดักทางหมอได้ทุกทีสิน่า” หมอหนุ่มเย้า เวลาสองเดือนก็ไม่ได้มากมายที่จะรอคอย ยิ่งเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยนี้ล้ำสมัยไปมาก ความไกลด้วยระยะทางก็ไม่เป็นอุปสรรคเท่าใดนัก
“ขอบคุณที่เข้าใจรัณที่สุดเหมือนอย่างทุกครั้ง”
“ให้หมอไปส่งที่สนามบินนะ”
“รัณไม่ได้ไปนานเป็นปีสักหน่อย หมอเองเพิ่งออกเวร พักผ่อนเถอะ รัณเรียกแท็กซี่มารอที่หน้าตึกแล้ว ไปเองสะดวกกว่า” หญิงสาวบอกพร้อมกับลากกระเป๋าหันหลังเดินออกไป
“รัณ!” หมอหนุ่มเรียกหญิงสาวอีกครั้ง ดารัณหันกลับมาตามต้นเสียงพร้อมกับรอยยิ้มที่เคลือบอยู่บนดวงหน้าหวาน หมอหนุ่มรวบรวมความกล้าบอกความในใจออกไป
“หมอรักรัณ...รัณกลับมา เราแต่งงานกันนะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้เขา อีกครั้ง
“เอาไว้รัณกลับมา รัณจะให้คำตอบหมอนะ”
“หมอจะรอรัณ ดูแลตัวเองด้วยแล้วฝากดูแลหัวใจของหมอที่ฝากรัณไปด้วยนะ” หมอหนุ่มบอกตามหลัง กับรอยยิ้มที่ต่างยิ้มออกมา โดยที่อีกคนไม่ได้เห็น
ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ
ดารัณเดินทางมาถึงในเวลาต่อมา หลังจากที่เรียนจบไม่ถึงปีชีวิตของเธอต้องผกผัน ทั้งสูญเสียและไม่เคยคิดเลยสักครั้งว่าเส้นทางชีวิตจะเบี่ยงเบนมาไกลขนาดนี้ เส้นทางเดินและความสุขของหญิงสาวมักแลกด้วยความทุกข์ อีกอย่างเสมอนับแต่มารดาเสีย
หญิงสาวกอดกระชับกระเป๋าใบเล็กที่ติดตัวมาแนบกับอก หวังให้มันเป็นที่พึ่งพิงปลอบโยน เพราะเวลากระชั้นชิดเพียงไม่กี่วันหลังจากจรดปากกาเซ็นสัญญา สมบัติชิ้นเดียวที่หลงเหลืออยู่ แม้ว่าเธอต้องใช้หยาดเหงื่อทุกหยดแลกมันมาเธอก็ต้องยอม ถึงความน้อยเนื้อต่ำใจของเด็กสาวกำพร้าที่แม้แต่ญาติคนเดียวยังเอาสมบัติเธอไปจนหมดตัว ยังดีที่ทางนายจ้างใหม่โอนเงินเผื่อให้เธอติดกระเป๋าสำหรับใช้จ่ายในการเดินทางอีกก้อน ไม่อย่างนั้นทุกอย่างก็คงจะยากกว่านี้