10
“จริงอยู่ไม่มีกฎข้อนั้น แต่ว่าเมื่อวานลูกหว้าเข้างานสายสองชั่วโมง เพราะฉะนั้นจะต้องทำงานทดแทนเวลาที่มาสาย ด้วยการทำงานเวลาเที่ยง กับทำงานล่วงเวลาในตอนเย็น” รัฐภาคย์หาข้อแก้ต่างได้สำเร็จ...ไม่ยอมแพ้
“เออ!! ให้มันได้อย่างนี้สิวะ บริษัทใหญ่โตมโหฬาร แต่เขี้ยวลากดินแบบนี้ เอาไป!! เงินค่ามาสายของลูกหว้าเมื่อวานนี้ แล้วอย่าคิดมาคัดค้านอีกนะไม่งั้นสายตรงถึงญี่ปุ่นแน่ ไปกันเถอะลูกหว้าเที่ยงตรงเป๊ะพอดี”
ธีมไม่ลืมที่จะวางเงินห้าร้อยบาทลงบนโต๊ะตัวเตี้ย เป็นค่าที่หญิงสาวมาสายเมื่อวานนี้ รัฐภาคย์กำมือแน่นด้วยความโกรธ อยากจะประเคนหมัดใส่หน้าของเพื่อนจอมยียวนคนนี้ยิ่งนัก ขู่ได้ขู่ไปคนอย่างเขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก
“ฉันไปด้วย หิวพอดีเลย”
รัฐภาคย์พูดพร้อมกับสาวเท้าเดินตามธีมและลลิลออกไปนอกห้องทำงาน รอยยิ้มนิดๆ ฉายชัดอยู่บนใบหน้าของธีมทันที
การรับประทานอาหารมื้อนี้ลลิลฝืดคอยิ่งนัก เนื่องจากเธอต้องทนแบกรับรังสีพิฆาตของชายหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้ามส่งมาให้ อีกทั้งปลายเท้าของเขาที่สะกิดขาเออยู่ตลอดเวลาที่ธีมเอาอกเอาใจเธอ ทำให้อาหารที่อยู่ในจานพร่องไปเพียงนิดเดียว
“อิ่มแล้วเหรอ? กินไปนิดเดียวเอง” ธีมเอ่ยถามเมื่อหญิงสาวรวบช้อน เป็นสัญญาณว่าเธออิ่มแล้ว
“อิ่มแล้วค่ะ” เธอตอบเสียงเบา
“ถ้าอย่างนั้นคิดเงินเลยดีกว่า เดี๋ยวพี่จะพาลูกหว้าไปซื้อเครื่องสำอางมาแต่งหน้าหน่อย จะได้สวยมากกว่านี้ พี่ไปคุยโวกับเพื่อนพี่บ่อยๆ ว่าพี่มีน้องสาวคนหนึ่ง โสดสนิทไม่มีแฟน สวยราวกับนางฟ้า รอยยิ้มเหมือนเทพธิดา พวกนั้นสนใจกันยกใหญ่เลย”
หากรัฐภาคย์มีหนวดคงกระดิกจนหน้าสั่นแน่ๆ หึ!! ริจะพาตัวประกันของเขาไปย้อมแมวขายเหรอไม่มีทาง เขายังแก้แค้นไม่สมใจไม่มีทางปล่อยให้ไปเสวยสุขแน่นอน
“เพื่อนคนไหนวะที่ว่าสนใจน่ะ บอกเค้าด้วยหรือเปล่าว่าเวลาเข้าใกล้น้องสาวคนสวยคนนี้ ต้องเอาหน้ากากอนามัยมาสวมทับด้วย เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะร่างกายกายของผู้หญิงคนนี้มันทั้งเน่าทั้งเหม็น จนฉันบ้างครั้งอยู่ใกล้เกิดอยากจะอาเจียนตั้งหลายครั้ง”
วาจาของรัฐภาคย์เจาะจงว่าลลิลโดยเฉพาะ ทั้งสายตาที่จิกอยู่ที่ดวงหน้านวล ปากที่แสยะยิ้มเล็กน้อย มันน่าหมันเป็นที่สุด ธีมไม่คิดเลยว่าเพื่อนของเขาจะมีสุนัขนับสิบตัวเดินเพ่นพ่านอยู่ในปาก
“นายเหม็นเหรอ? ฉันไม่เห็นเหม็นเลย หอมจะตาย”
ธีมทำในสิ่งที่รัฐภาคย์ไม่คาดคิด เขาจรดปลายจมูกลงบนแก้มใสของลลิลฟอดใหญ่ ดวงตาคมเข้มแสนน่ากลัวของรัฐภาคย์ขยายกว้างจนแทบจะถลนออกมา ลลิลเองตกใจไม่น้อยที่ถูกธีมหอมแก้ม ก่อนจะหันใบหน้าไปมองรัฐภาคย์ที่นั่งฝั่งตรงข้ามอย่างหวาดกลัว ตอนนี้รัฐภาคย์ลุกขึ้นยืนจ้องมองหน้าของธีมนิ่ง
“ถ้ามึงหาผัวให้ผู้หญิงคนนี้เสร็จเมื่อไหร่ มึงก็พากลับไปทำงานด้วยก็แล้วกัน”
รัฐภาคย์เดินออกไปจากร้านทันทีที่พูดจบ ไม่หันกลับไปมองใครทั้งสิ้น เพราะถ้ามองมีหวังเขาได้ลงมือลงไม้กับทั้งสองเป็นแน่ หากแต่ธีมไม่ยอมให้เพื่อนเดินหนีง่ายๆ ก้าวเดินตามเพื่อนออกไปอย่างลดละ
“เดี๋ยวไอ้รัฐ!! มึงเป็นอะไรของมึง?” ธีมถามอย่างเอาเรื่อง
“เป็นอะไร? ไม่ได้เป็น”
“มึงหึงลูกหว้าใช่มั้ย? ที่มีผู้ชายคนอื่นเค้าเห็นค่าในตัวของลูกหว้ามากกว่ามึง” ธีมถามตรงจุด รัฐภาคย์ยิ้มหยัน ปรายตามองร่างน้อยที่สวยงามมากในวันนี้ด้วยความรู้สึกคันยุบยิบในใจ
“หึง...มึงเอาเท้าคิดเหรอว่ากูจะหึงผู้หญิงอย่างลูกหว้า ผู้หญิงอย่างนี้กูจะเขี่ยทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ หรือว่าจะเก็บไว้สวาปามบนเตียงต่อมันก็เรื่องของกู เธอไม่มีค่าพอที่ทำให้กูหึงหรอกไอ้ธีม” รัฐภาคย์สวนกลับอีกฝ่ายอย่างเดือดดาล
“กูจะคอยดู กูจะคอยดูว่าวันที่ลูกหว้าเดินออกไปจากผู้ชายชั่วๆ อย่างมึง...มึงจะทำหน้ายังไง?”
“กูก็จะยืนหัวเราะให้ดังที่สุดเท่าที่กูเคยหัวเราะมา แล้วจะตะโกนบอกผู้ชายที่กินของเหลือเดนต่อจากกูว่า คิดไม่ผิดที่เลือกเธอคนนี้ เพราะว่าทำถึงใจเป็นที่สุด”
สิ้นคำพูดของรัฐภาคย์กำปั้นอันแสนหนักหน่วงของธีม ประเคนที่แก้มสากของผู้ชายปากพล่อยทันที มีหรือที่ผู้โดนชกจะยอม ปล่อยหมัดเข้าไปที่ใบหน้าของธีมเช่นกัน ลูกน้องทั้งสามได้แต่ยืนมองคุมเชิงเท่านั้น เพื่อนคู่นี้วางมวยกันบ่อยครั้งที่มีปากเสียงเรื่องลลิล จึงไม่ได้วิ่งเข้าไปขัดขวางอย่างที่สมควรจะเป็น แต่มีคนหนึ่งที่ไม่ทำเหมือนลูกน้องทั้งสามคนของรัฐภาคย์
“พี่ธีมอย่าทำพี่รัฐ...อย่าทำพี่รัฐ”
แม้ว่าเขาจะทำให้เธอเจ็บทั้งกายและใจมากเพียงใด ทว่าความรักที่หญิงสาวมีให้เขานั้นมาล้นเช่นกัน ไม่ว่าเขาจะปากพล่อยหรือปากจัดราวกับสุนัขมากแค่ไหน เขาก็ยังเป็นคนที่ลลิลรักอยู่ดี และทนเห็นเขาถูกทำร้ายไม่ได้ หญิงสาวจึงนำตัวเข้าไปขวางทางหมัดที่ธีมปล่อยมาชกที่ท้องของรัฐภาคย์ ส่งผลให้หน้าท้องแบนราบกลายเป็นเป้านิ่งไม่ตั้งใจ สองหนุ่มตกใจไม่แพ้กันที่เห็นร่างของลลิลลงไปนอนเอามือกุมท้อง เพราะความจุกเจ็บ