8
ความสัมพันธ์ที่ดีงามของครอบครัวของลลิลกับรัฐภาคย์เปลี่ยนไป เมื่อรัฐภาคย์แนะนำให้ทุกคนรู้จักกับนิรมลในฐานะของคนรัก หัวใจสาวอย่างเธอในวัยสิบแปดปีเหี่ยวเฉาลงในบัดดลที่ล่วงรู้ ระหว่างที่คนที่เธอแอบรักคบหาดูใจกับนิรมล หญิงสาวไม่แน่ใจว่าพี่ชายของตัวเองนั้นเข้าไปเกี่ยวข้องกับคนรักของเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ หรืออาจเป็นเพราะบ่อยครั้งที่รัฐภาคย์ไว้วานให้ศวิชญ์ไปรับนิรมลที่มหาวิทยาลัยบ่อยๆ หรือไปรับที่บ้าน เนื่องจากรัฐภาคย์มักติดงานสืบเนื่องจากธุรกิจในครอบครัวทั้งหมดอยู่ในความดูแลของเขา
จนกระทั่งสองปีที่แล้วเรื่องที่ไม่ควรเกิดก็เกิดขึ้น ศวิชญ์พานิรมลหนีไปด้วยกัน ทรยศเพื่อนอย่างเลือดเย็น นำพาความโกรธแค้นอย่างสุดแสนให้ก่อเกิดในใจของรัฐภาคย์ ทำลายล้างครอบครัวของเออย่างไม่มีชิ้นดี แม้กระทั่งความสาวที่เธอเก็บรักษาไว้ ถูกเขาปล้นไปอย่างย่อยยับจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
“แต่ถ้าลูกทนไม่ไหวบอกแม่นะลูก ให้ลำบากมากกว่านี้แม่ก็ทนได้” ความลำบากกายยังดีกว่าที่ลำบากใจ นางคิดอย่างนี้
“ค่ะแม่ ลูกหว้าไปทำงานก่อนนะคะ”
หญิงสาวยิ้มให้มารดาอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปจากบ้านหลังเล็ก โดยมีสายตาของประภามองตามด้วยความสงสารจับใจ
“โหน่งจะรู้หรือเปล่าลูก...ว่าน้องทุกข์กายทุกข์ใจมากแค่ไหน?”
ประภาพึมพำกับตัวเอง หลั่งน้ำตาออกมาอย่างสุดจะทานทน ถ้ามีโอกาสได้เจอหน้าลูกชาย นางจะถามลูกชายว่า ‘ทำแบบนี้ทำไม?’
ธีม อิศราภัทร ทายาทห้างสรรพสินค้าเดอะแพลน ที่มีมากกว่าสิบสาขาทั่วประเทศ ยังไม่รวมโรงแรมชื่อดัง เดอะแพลนแปซิฟิก เป็นโรงแรมที่ใหญ่และมีห้องพักมากที่สุดในประเทศไทย เดินเข้ามาในห้องทำงานของเพื่อนสนิทสุดเลิฟนามว่ารัฐภาคย์ด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ในมือถือถุงกระดาษใบใหญ่ มีโลโก้ของยี่ห้อแบรนด์เนมประทับอยู่เกือบสิบถุง
“ว่าไงเพื่อนเลิฟไม่เจอตั้งนาน สบายดีหรือเปล่า?” ธีมทักทายรัฐภาคย์ตั้งแต่เดินเข้ามา ก่อนจะทรุดกายลงนั่งที่โซฟารับแขกโดยไม่ต้องรอคำเชื้อเชิญจากอีกฝ่าย
“บายดี” รัฐภาคย์ตอบสั้นๆ มองถุงหลายใบที่เพื่อนสนิทวางลงด้านข้างลำตัวอย่างสงสัย
“ถ้านายสบายดีงั้นฉันขอตัวก่อนนะ”
รัฐภาคย์งงกับท่าทีของเพื่อนยิ่งนัก มาเร็วไปเร็วยังกับพนักงานเคลมประกัน ไม่ได้เจอกันสี่เดือนมาถามไถ่แค่นี้แล้วจะกลับ ไม่สมกับเพื่อนรักกันเลย
“อะไรของนายวะไอ้ธีม? เข้ามาถามฉันประโยคเดียว นายจะกลับแล้วเหรอ?”
“เดี๋ยวฉันมา...ฉันไปหาลูกหว้าก่อน ซื้อของมาฝากลูกหว้าเยอะเลย ฉันไปก่อนนะเดี๋ยวมา”
ธีมไม่รอฟังคำทักท้วงที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากของรัฐภาคย์ เพราะรู้ดีว่าของจะไม่ถึงมือน้องสาวสุดสวย เนื่องจากของฝากเหล่านี้จะไปนอนเล่นอยู่ในถังขยะแทน ขณะที่ธีมกำลังจะเดินออกไปจากห้องทำงานของเพื่อน ร่างเล็กแสนโสภาของลลิลเดินเข้ามาเสียก่อน พร้อมกับเครื่องดื่มรับรองแขก
“พี่ธีม”
เสียงใสเรียกชื่อแขกของประธานหนุ่ม ไม่คิดว่าจะเจอพี่ชายที่แสนดีอีกคนของเธอที่นี่ รอยยิ้มที่สวยงามจึงส่งผ่านไปให้ชายหนุ่มรูปงามด้วยความดีใจ ทำให้ผู้ชายอีกคนจ้องมองทั้งสองไม่วางตา
“พี่คิดถึงลูกหว้ามากเลยรู้ไหม? ดูสิไม่เจอกันสี่เดือนผอมกว่าเก่าอีก มานี่มาพี่ซื้อของมาฝากลูกหว้าเยอะเลย สวยๆ ทั้งนั้น” ธีมเดินกลับไปวางถุงหลายใบที่โซฟา เดินกลับมาหญิงสาวอีกครั้ง ชิงถือถาดเครื่องดื่มที่อยู่ในมือของ
ลลิลแทน และนำไปวางที่โต๊ะกระจกตัวเตี้ย ก่อนจะเดินมาจูงมือหญิงสาวมาทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา
“นี่ไงสวยมั้ย? พี่กะมาพอดีตัวของลูกหว้าเลยนะ พี่เห็นว่าเสื้อผ้าที่ลูกหว้ามีแต่เก่าๆ เย็บจนไม่รู้จะเย็บยังไงแล้ว พี่ซื้อมาตั้งเยอะ ซื้อมาเผื่อแม่ภากับอ้อด้วย”
ระหว่างที่ธีมกำลังวุ่นวายกับการรื้อเสื้อผ้าออกมาจากถุง ลลิลเหลือบมองไปที่ร่างของรัฐภาคย์ รู้ดีว่าเขาจะไม่พอใจทุกครั้งที่ธีมกับเคนโตะซื้อของมาให้ และจะฉีกขาดจนไม่สามารถใช้การได้ทุกครั้งเช่นกัน นี่คือสาเหตุที่หญิงสาวสวมเสื้อผ้าที่เก่า และมีรอยเย็บจากฝีมือของเขาที่กระชากเสื้อผ้าของเธอฉีกขาดอยู่บ่อยครั้ง สายตาของประธานหนุ่มพุ่งรัศมีความไม่พอใจมาที่เธอนิ่ง รังสีอำมหิตฉายวับอยู่รอบกาย มีหวังเสื้อผ้าที่ธีมซื้อมาให้คราวนี้ คงต้องถูกฉีกขาดอีกตามเคย...เสียดายเงินที่ธีมซื้อมาให้จริงๆ
“รวยนักหรือไงถึงซื้อมาฝากชาวบ้านชาวช่องมากมายขนาดนี้น่ะ?” รัฐภาคย์พูดอย่างคันปาก นึกหมันไส้ทีท่าของเพื่อนคนนี้ยิ่งนัก ขวางหูขวางตาพิลึก
“รวยก็แล้วกัน มีปัญญาซื้อให้ลูกหว้าตลอดชีวิตน่ะแหละ ลูกหว้าลองไปเปลี่ยนชุดนี้นะ ชุดนี้เป็นคอลเล็คชั่นล่าสุดเลย พี่ตั้งใจซื้อมาให้ลูกหว้า ไปเปลี่ยนสิ ไปเปลี่ยนในห้องน้ำเดี๋ยวนี้เลย”
ธีมโต้กลับเพื่อนทันควัน ก่อนจะหันไปคะยั้นคะยอให้ลลิลไปเปลี่ยนชุด หญิงสาวมีอาการละล้าละหลัง เนื่องจากสายตาของรัฐภาคย์มองมาที่เออย่างน่ากลัว แทบจะฆ่าให้ตายด้วยสายตา
“จะลองทำไม...ลองไปก็ไม่ได้ใส่” รัฐภาคย์พูดลอยๆ ใบหน้ายิ้มๆ
“ถ้าคราวนี้มีหมาบ้าฉีกเสื้อผ้าที่พี่ซื้อมาให้ลูกหว้าอีก พี่จะเอาไปฟ้องคุณแม่มิโกะ รับรองหมาบ้าแถวนี้กระเจิง”
ธีมใช้ไม้ตายที่เขาเพิ่งคิดค้นได้ก่อนเดินทางมาที่นี่ รัฐภาคย์ไม่เคยกลัวใคร กลัวอยู่คนเดียวคือ กัญติญา ผู้เป็นมารดา ที่ดุยิ่งกว่าเสือสาวสิบตัวมารวมกันเสียอีก ไม่เช่นนั้นรัฐศาสตร์ผู้เป็นสามีคงไม่เกรงอกเกรงใจมากขนาดนี้ ได้ผลรัฐภาคย์เงียบในเสียงทันที จ้องมองเพื่อนสนิทตาแทบถลน