Love Song 2

1197 คำ
Love Song 02​ “มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน” นี่เขาเป็นอะไรมากหรือเปล่านี่แค่ไปห้องน้ำนะ “อะ เอ่อค่ะ” ฉันเดินห่างจากโต๊ะมาเรื่อยๆสายตาของสาวๆที่นั่งอยู่ในร้านเริ่มมองฉันอย่างไม่ชอบใจ ฉันเลยรีบเดินไปเข้าห้องน้ำพอจัดการธุระเสร็จและกำลังล้างมือก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาและล้างมืออยู่ข้างๆ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะคิดว่าเธอคงเป็นคนที่มาทานหมูกระทะทั่วไป “เธอเป็นอะไรกับเลิฟ” เธอถามขึ้น “คะ?” ฉันครางอย่างไม่เข้าใจ “แต่แค่อยากบอกไว้ ว่าเขาแค่สนุกกับเธอแค่นั้นแหละเขาไม่ได้จริงจังกับเธอหรอก” อ่า แล้วฉันควรจะตอบยังไงล่ะทีนี้ “เอ่อ ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับงงๆก่อนจะรีบเดินออกจากห้องน้ำกลับมายังโต๊ะ จังหวะที่กำลังจะนั่งจู่ๆก็มีคนเดินชนแรงๆยังดีที่เลิฟลุกขึ้นมารับได้ทันก่อนที่ฉันจะล้มลง สายตาน่ากลัวของเขาตวัดมองด้านหลังฉันนิ่งๆ “เจ็บไหม?” เลิฟพยุงให้นั่งลงที่เก้าอี้พรางถามเสียงเรียบ “มะไม่ค่ะ”” “ในห้องน้ำมีใครทำอะไรไหม” “ไม่มี” “มีค่ะ!” เสียงแหลมๆดังจากผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆดังขึ้น เราทุกคนหันไปมองอย่างไม่เข้าใจแต่ฉันกำลังจะปรามไม่ให้เธอพูด เลิฟเหมือนจะรู้ทันเลยยกมือปิดปากฉันไว้แทน “เกิดอะไรขึ้นครับน้อง” เลิฟถามเสียงเข้ม “พี่คนเมื่อกี้บอกพี่ซองว่าพี่เลิฟแค่เล่นสนุกกับพี่ซองไม่ได้จริงจังด้วยค่ะ แล้วเมื่อกี้ก็ผลักพี่ซองด้วย” น้องคนนั้นเล่าออกมาหมด เลิฟหันมามองหน้าฉันแวบหนึ่งก่อนจะหันไปมองเพื่อนๆของเขา ดาวเอื้อมมือมาบีบมือฉันเบาๆอย่างให้กำลังใจ “มันไม่มีอะไรหรอกอย่าคิดมากสิ ทานต่อสิหมูไหม้หมดแล้วนะ” ฉันบอกเพื่อนๆ พอเห็นว่าฉันไม่อยากให้คิดมากทุกคนก็เหมือนจะชวยคุยย่างอื่น แต่เลิฟที่นั่งอยู่ข้างๆกลับนั่งถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์และเขาไม่คุยกับฉันเลยกระทั่งตอนนั่งรถกลับ ภายในรถมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศเลิฟไม่ได้เปิดเพลงและไม่ได้ชวนฉันคุยอย่างที่เป็น “ซอง” “คะ? ฮะอะไรเหรอ” บ้าจริงคิดจะเรียกก็เรียก ฉันที่นั่งเหม่ออยู่ก็ตกใจไปสิ “ในห้องน้ำน่ะ ผู้หญิงคนนั้นพูดอะไร” เลิฟถาม “ก็อย่างที่น้องคนนั้นพูดแหละ แต่ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ” “ไม่ให้คิดมากได้ยังไง ขอโทษนะที่ทำให้เจอเรื่องแบบนี้” เลิฟบอกเสียงเครียด “ไม่เป็นไรหรอก อย่าคิดมากสิ” “สัญญาได้ไหมถ้าเจอแบบนี้หรือมีคนมาทำอะไรให้บอกเรา ได้ไหม?” เลิฟบอกพร้อมๆกับจอดรถบริเวณที่จอดรถของคอนโด “อือ ได้ค่ะ” “สัญญาแล้วนะ รอแปบหนึ่งเดี๋ยวจะลงไปกางร่มให้ฝนตกหนักมากเลย” เลิฟยกมือลูบผมฉันเบาๆแล้วหยิบร่มจากด้านหลังแล้วลงจากรถไป หลายวันถัดมาต้นกับกลุ่มเพื่อนหายหน้าหายตาไปเลย ที่คุยกันในไลน์บอกแค่ว่ามีงานโปรเจ็ค ส่วนเลิฟยังส่งข้อความมาถามไถ่ฉันเรื่อยๆ “พรุ่งนี้หยุดยาวเลยอ่ะ” ดาวเอ่ยขึ้นเมื่อเรากำลังเดินออกจากห้องเรียน “มีใครไปไหนไหม” ตูนถามขึ้น “เรากลับบ้าน” ฉันเอ่ยบอกเพื่อนๆ “อยากไปด้วยอยากไปร้านขนม คิดถึงขนมที่แม่ทำ” ตาลพูดขึ้นพร้อมกับทำตาลอยๆ “ไปด้วยกันไหมพวกแกก็กลับบ้านด้วยเลยไง” ฉันบอกเพื่อนๆ มือก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเมื่อมีแรงสั่นต่อเนื่อง บ่งบอกได้ชัดเจนว่ามีคนโทรเข้ามา “กลับๆ บอกไอ้ต้นด้วยเห็นมันบอกว่างานมันเสร็จแล้ว” ตูนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งข้อความหาต้นส่วนฉันก็เลื่อนหน้าจอรับสายที่โทรเข้ามา “ค่ะแม่” (ซองกลับบ้านไหมลูก?) ปลายสายถามอย่างอารมณ์ดี “กลับค่ะ แต่เพื่อนอยากไปร้านขนมด้วยค่ะได้ไหมคะ” (ได้สิ พวกน้องดาวใช่ไหมพามาเลย พาแฟนมาด้วยนะเราน่ะ) “แม่คะหนูยังไม่มีแฟน” ฉันบอกแม่อย่างงอนๆ แม่ก็รู้นี่ว่าฉันไม่มีแฟนน่ะยังจะแซ็วอีก น่างอนจริง (อ้าวเลิฟล่ะ ไม่ใช่แฟนเราหรอกเหรอ) “ไม่ใช่ค่ะ แม่อ่าอย่างแกล้งสิคะ เดี๋ยวถ้าใกล้ถึงจะโทรหานะคะ” (ได้ลูก อ้อถ้ามาแวะมาร้านเลยนะบอกเพื่อนๆด้วยจะให้ลองชิมขนมสูตรใหม่พ่อเขาเพิ่งทำสูตรใหม่ไว้ให้) “ได้ค่ะแม่ แค่นี้นะคะสวัสดีค่ะ” “เฮ้ย! ตกใจหมด” ฉันสะดุ้งตกใจเมื่อวางสายจากแม่ก็ต้องพบกับสายตามีหวังของเหล่าเพื่อนๆ “แม่บอกว่าถ้าไปให้เข้าไปร้านเลยมีขนมสูตรใหม่” “กรี๊ด! น่ารักที่สุดเลย” เพื่อนทั้งสามโผเข้ามากอดฉันอย่างดีใจ “ไปด้วยๆๆ ไปปาร์ตี้กัน” เสียงต้นดังจากด้านหลังพวกเราเริ่มคุยกันว่าจะทำอะไรกินกันตอนเย็น สรุปเราก็แยกย้ายกันกลับและฉันก็ต้องกลับบ้านพร้อมกับเลิฟส่วนคนอื่นๆแยกกันกลับและไปเจอกันที่ร้านขนมเลยส่วนตอนเย็นเราก็กลับบ้านใครบ้านมันยกเว้นเพื่อนกลุ่มต้นที่จะค้างที่บ้านของต้น เกือบสี่ปีที่รู้จักกันมาเพื่อนๆทั้งเพื่อนฉันกับเพื่อนฝั่งต้นต่างมาที่ร้านฉันบ่อยบางครั้งมานั่งกินขนมเล่น หรือบางทีคนเยอะแล้วพนักงานไม่พอเพื่อนๆก็จะช่วยด้วย ฉันรู้สึกขอบคุณพวกเขามากจริงๆที่ช่วยฉันตั้งหลายอย่างและช่วยหลายๆเรื่องด้วย “ไม่แวะเอาเสื้อผ้าก่อนเหรอ?” ฉันเอ่ยถามเลิฟอย่างสงสัยเมื่อได้เห็นว่าเขาขับรถออกไปอีกทางที่ไม่ใช่ทางไปคอนโด “มีติดรถอยู่สามสี่ตัวอยู่น่ะ ถ้าไม่พอจะแย่งไอ้ต้นใส่เอา” เลิฟตอบกลับมา “ระวังต้นจะด่าเอา รายนั้นหวงเสื้อผ้า” “ฮาๆๆๆ กลัวอยู่เหมือนกันถ้ามันจะตีเราก็มาช่วยทำแผลหน่อยแล้วกันนะ อ้อเสื้อนิสิตวันนั้นเราซักให้แล้วนะแต่ไม่ได้เอามาด้วยอยู่ห้องอ่ะ” เสื้อนิสิต? บ้าจริง! ฉันลืมได้ยังไงกันตั้งแต่วันที่ฝนตกเสื้อเลิฟก็ยังอยู่ที่ห้องฉันแต่น่าอายตรงที่เสื้อนิสิตฉันอยู่กับเขานี่แหละ “ขอโทษนะ น่าอายอ่า” “หึหึ อายอะไรไม่เห็นน่าอายเลย” ไม่น่าอายยังไงล่ะเพราะความสะเพร่าของตัวเองเลยทำให้เลิฟต้องซักชุดนิสิตให้ทั้งที่เป็นแค่เพื่อนกันน่ะ “แล้วจะกลับคอนโดวันไหน” “วันมะรืนมั้ง ทำไมเหรอ” “ก็จะมารับ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม