ฟุบ~
ร่างบางถูกวางลงบนเตียงด้วยความเบามือ ใบหน้าเรียบเฉยจ้องมองยังคนบนเตียงแววตานิ่งยากจะคาดเดา เขาเอาแต่ยืนมองเธออยู่แบบนั้น นำทัพถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวหันหลังให้
ทว่า...
“เจ็บ~” น้ำเสียงแผ่วเล็ดลอดออกมาจากลำคอของคนที่กำลังหลับใหล เธอละเมองั้นเหรอ?
“….” เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอแต่กลับมีเสียงพูดแทรกออกมา จะบอกว่าแกล้งคงเป็นไปไม่ได้ ผมนอนกับเธอทุกคืนรู้ว่าเวลาหลับมิลินเป็นยังไง
“มะ ไม่ทำ ลินกลัวแล้ว~ อย่าทำลินเลยนะ ฮึก!” ละเมอจริงด้วย เธอกลัวอะไร กลัวเขางั้นเหรอ
“….”
“ลินเจ็บ ลินยอมแล้ว..” ดวงตาคมยังคงจ้องมองไปที่หญิงสาว
“….”
“อยากไปหาแม่” ทว่าประโยคถัดมาของเธอทำเขาชะงักไปเล็กน้อย เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย
“น่าสมเพช” จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป คงคิดว่าเขาจะไปปลอบใจแล้วกล่อมให้นอนหลับต่อสินะ ฝันไปเถอะ เขาคงไม่เสียเวลากับผู้หญิงอย่างเธอหรอก
“พรุ่งนี้นายจะเข้ากาสิโนไหมครับ” ผมตวัดสายตาไปมองไอ้ไบค์
“ทำไม” ไม่มีงานอะไรมันจะให้ผมเข้าไปทำไม
“มีพวกไม่ยอมใช้หนี้หลายคนเลยครับ” ก็นึกว่าอะไร ที่แท้ก็พวกชอบชิ่งหนีหนี้สินะ มันอยากหนีให้มันหนีไป แต่ถ้าจับได้เมื่อไหร่คงจะรู้ว่าจุดจบพวกมันจะเป็นยังไง
“เล่นกับพวกมันหน่อย” สงสัยต้องการเพื่อนเล่น
“เป็นหรือตาย”
“หึหึ” อย่างมากก็แค่เลี้ยงไม่โต
“รับทราบครับ”
“....”
“แล้วเรื่องคุณมิลินล่ะครับ” ผมที่กำลังจะยกเหล้าเป็นต้องชะงักมือเมื่อมันถามถึงคนที่ผมเพิ่งพาขึ้นไปนอนบนห้อง
“มิลินทำไม” ขยับสายตาไปที่มันอย่างช้า ๆ
“ผมอยากให้นายเบามือกับเธอหน่อย ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง ผมสงสารเธอ” สงสาร.. หึ~
“ที่พูดมา..ต้องการให้กูเบามือหรือเพราะมึงรักเธอกันแน่”
“ผมเห็นคุณมิลินเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น”
“ก็ดี มึงคงรู้ใช่ไหมว่ากูไม่ชอบพวกกินบนเรือนขี้บนหลังคา ถ้ามันไม่รู้จักที่ตัวเองกูก็ไม่จำเป็นต้องเก็บมันไว้ เข้าใจที่กูพูดใช่ไหม?”
“เข้าใจครับ”
“ไสหัวไปได้แล้ว”
“ครับ” ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องรู้สึกสงสารผู้หญิงคนนั้น ถ้าจะสงสารเธอสงสารเหยื่อไม่ดีกว่าเหรอ เธอจะรู้หรือเปล่าว่าคนที่เขาตกเป็นเหยื่อต้องทุกข์ทรมานใจแค่ไหน ต่อให้สิ่งที่เธอเคยทำไม่ได้มาจากความเต็มใจก็ตาม สุดท้ายแล้วมิลินก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนหลอกลวงอยู่ดี
วันต่อมา
ร่างบางพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ดวงตาสองข้างค่อย ๆ ลืมขึ้นมอง ทันทีที่ดวงตาเปิดสนิทใบหน้าสวยก็ขยับมองไปยังที่ข้าง ๆ ตัวเองก่อนจะพบกับความว่างเปล่า
เขาไปไหนกัน
แล้วเหตุการณ์เมื่อคืนก็ฉายเข้ามาในหัวเธอ อยู่ ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอต้องกลายเป็นคนหวาดระแวงไปโดยปริยาย เขาจะรู้ไหมว่าเหตุการณ์เมื่อคืนมันทำให้เธอไม่อยากเจอหน้าเขาที่สุด อยากหนีไปจากตรงนี้ หนีไปจากปีศาจที่ทำร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะอะไรเธอถึงหลุดพ้นไปจากตรงนี้ไม่ได้สักที เธออยากตะโกนออกไปดัง ๆ กับเรื่องราวในอดีตว่าเธอไม่ได้อยากทำมันเลยสักนิด เธอมีทางเลือกด้วยเหรอ หากไม่ทำคนที่ถูกขายก็จะเป็นเธอเอง ไม่ใช่ว่าไม่เคยปฏิเสธ แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับคืนมาก็คือความรุนแรง เธอถูกพี่สาวตบตีรวมถึงถูกขังไม่ให้กินอะไร เคยคิดจบชีวิตตัวเองมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ถ้าเป็นไปได้เธอก็ไม่อยากมีลมหายใจอยู่อีกต่อไปแล้ว
แกร๊ก! เสียงประตูดึงสติคนตัวเล็กให้รีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า หญิงสาวลุกนั่งพร้อมกับเลื่อนสายตามองไปยังคนที่เปิดประตูเข้ามา คุณนำทัพ
“นึกว่าจะนอนถึงพรุ่งนี้” คำขอโทษสักคำยังไม่มีหลุดออกจากปากเขาเลยสักครั้ง สิ่งที่เขาทำเมื่อคืนมันยังฝังอยู่ในหัว ทำไมเธอถึงรู้สึกเกลียดผู้ชายคนนี้นัก
“ลินขอโทษค่ะ” นอกจากคำว่าขอโทษก็ไม่มีคำอื่นที่เธอจะพูดกับเขาได้แล้ว ในเมื่อตอนนี้เธอหนีไม่ได้ก็ต้องเชื่อฟังและทำตามคำสั่งของเขาเท่านั้น แต่เธอก็เชื่อว่าสักวันเธอจะทำมันได้อย่างแน่นอน
“เมื่อคืนสนุกไหม” ถามพลางเลี่ยงไปนั่งที่โซฟาปลายเตียง
“คุณใจร้ายกับลินมากเลยรู้ไหม” เขายังมีความเป็นคนอยู่ไหม ทั้งที่รู้ว่าเธอกลัวแต่เขาก็เลือกที่จะทำมัน เขาไม่แม้แต่จะสนใจเสียงร้องของเธอเลยต่างหาก
“ทำไมถึงบอกว่าฉันใจร้ายล่ะ”
“ให้เขาพาลินไปทำไม ฮึก!”
“แค่เธอพูด..”
“มะ ไม่หรอก ต่อให้ฉันพูดหรืออ้อนวอนคุณก็ไม่คิดที่จะสนใจมันอยู่แล้ว ต่อให้ฉันตะโกนเสียงดังแค่ไหนคุณก็ไม่เคยได้ยินเสียงร้องของฉันเลยสักครั้ง ฮึก~”
“....”
“เมื่อไหร่คุณจะปล่อยลินไปสักที ฮื่ออ”
“อะไรกัน อยากไปจากฉันแล้วเหรอ”
“จะทรมานลินไปถึงเมื่อไหร่”
“อยู่กับฉันไม่มีความสุขเหรอมิลิน ฉันดูแลเธอดีไม่พอสินะ”
“ลินอยากเรียน ฮึก~ อยากมีเพื่อน อยากไปเที่ยวเหมือนคนอื่นเขาบ้าง” วินาทีที่ครูซบอกว่าจะส่งเธอมาเรียนต่างประเทศ ตอนนั้นเธอดีใจมาก เธอขอบคุณเขาทั้งน้ำตา มันเหมือนว่าเธอกำลังจะได้พบกับโลกใบใหม่ที่ไม่คิดว่าจะมีใครมอบให้ แต่แล้วทุกอย่างมันก็ต้องพังทลายลงไปจนหมดสิ้น มิลินต้องออกจากโรงเรียนกลางคันอีกครั้งเพราะคำนินทาและถูกกลั่นแกล้งจากคนทั้งโรงเรียน นั่นจึงทำให้เธอไม่สามารถไปสู้หน้าใครได้อีก สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องมาอยู่เป็นนางบำเรอให้กับเขาอยู่แบบนี้เธอไม่สามารถออกไปไหนได้เลย เธอต้องเจ็บปวดกับมันอีกนานแค่ไหน เมื่อไหร่ทุกคนถึงจะเห็นใจเธอสักที สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือคำพูดเหล่านั้น เธอถูกคนตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงหลอกลวง รวมถึงฆ่าพี่สาวตัวเองทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่เลย ทุกคนเอาแต่โทษเธอทั้งที่ไม่มีใครรู้ความจริง
“ฉันก็ให้เธอเรียนแล้วนี่มิลิน” เป็นเธอเองไม่ใช่หรือไงที่หยุดเรียนไปดื้อ ๆ เขาเองก็ไม่เคยถามสาเหตุว่าเพราะอะไรเธอถึงไม่ไปเรียน ทั้งยังไม่ได้สั่งลูกน้องไปสืบดูด้วย ตอนนั้นคิดว่าแค่ว่ามันไม่ได้สำคัญกับชีวิตตัวเอง ทำไมเราต้องไปเสียเวลากับผู้หญิงที่เอาแต่เรียกร้องความสนใจจากคนรอบตัว
“ใช่ คุณให้ฉันเรียน แต่คุณรู้อะไรไหม..ตลอดเส้นทางนั้นฉันต้องเจออะไรบ้างในแต่ละวัน..ฮึก! ฉันถูกเพื่อนแกล้ง ถูกเอาไปนินทา ถูกขังในห้องน้ำทั้งวันข้าวก็ไม่ได้กิน ถูกเอาของไปซ่อน คุณเคยรับรู้บ้างไหม กลับบ้านมาคำปลอบใจฉันยังไม่เคยได้รับเลย สิ่งที่ได้มีเพียงการกระทำอันแสนโหดร้ายจากคุณ จะทรมานฉันไปถึงเมื่อไหร่ ทำไมคุณไม่ฆ่าฉันไปเลยล่ะ” ภายในห้องปกคลุมไปด้วยความเงียบ และนี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวเผยความในใจออกมาจนหมด เขาไม่เคยรู้มาก่อนเรื่องที่เธอถูกเพื่อนที่โรงเรียนแกล้ง หากเขารู้คงจะจัดการไปตั้งแต่วันนั้น เขาไม่เคยรู้เลย..
“….” นำทัพเอาแต่นิ่งเงียบแล้วมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของอีกคนอย่างไร้ความรู้สึก
“อย่าใจร้ายกับฉันนักเลย..ฮึก~”
“....” นำทัพยังคงเงียบ หญิงสาวร้องไห้อยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณรู้ไหมว่าฉันดีใจแค่ไหนที่เพื่อนคุณยอมส่งฉันมาอยู่ในที่ไกลแสนไกลคนพวกนั้น ตอนนั้นฉันคิดแค่ว่าฉันกำลังจะหลุดพ้นจากทุกอย่าง หลุดพ้นจากพี่สาวที่ใจร้ายกับฉันมาก ๆ แต่สุดท้ายฉันต้องมาเจอคุณ คนที่ทำร้ายฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ต่างกับพี่สาวฉันเลย พวกคุณเห็นฉันเป็นอะไรงั้นเหรอ? ฉันไม่ใช่คนใช่ไหม ฉันมันไม่มีความรู้สึกเลยใช่ไหมถึงได้ใจร้ายกับฉันขนาดนี้ ได้โปรดเถอะนะ อย่าทำให้ฉันเจ็บปวดไปมากกว่านี้เลย..”
“เธออยากกลับไปเรียนไหม” เขาตัดสินใจถามไปตามตรง หากเธออยากเรียนเขาจะให้กลับไปเรียนอีกครั้ง ส่วนเรื่องที่เธอได้รับจากเพื่อนในโรงเรียนเขาจะเป็นคนจัดการเอง
“จะให้ฉันกลับไปสู้หน้ากับใคร คุณคิดว่าคนพวกนั้นเขายังอยากคบฉันอยู่เหรอ”
“เธอจะกลัวอะไร” เขาอยู่ตรงนี้เธอจะกลัวอะไร
“คุณไม่เป็นฉันคุณไม่รู้หรอกว่ามันเป็นยังไง” ทุกคำพูดของคนเหล่านั้นยังคงก้องอยู่ในหัวของเธอ ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะลืมมันไปได้สักที
“….” แล้วเขาก็เงียบไปอีกครั้ง
ภายในห้องมีเพียงเสียงสะอื้นเบา ๆ ของคนตัวเล็กโดยมีนำทัพนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองเงียบ ๆ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เขาเอาแต่นั่งเฝ้าหญิงสาวร้องไห้ กระทั่งเธอหลับไปในที่สุดเขาจึงตัดสินใจออกจากห้องไปทันที
ช่วงบ่าย
“มิลินหายไปไหน” ร่างสูงเอ่ยถามลูกน้องที่ยืนอยู่หน้าบ้าน เขาไปดูในห้องก็ไม่พบเธอ ห้องน้ำก็ไม่มี สวนหลังบ้านก็ไม่อยู่ซึ่งไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน
“ไปซื้อของครับ” ลูกน้องตอบกลับเจ้านายเสียงดังฟังชัด
“กับใคร ที่ไหน เมื่อไหร่” ทำไมเขาถึงไม่รู้ ปกติแล้วเธอต้องรายงานเขาสิว่าจะไปไหนกับใคร
“เอ่อ..” ทว่าคำถามของเจ้านายทำลูกน้องถึงกับเงียบไปต่อไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องตอบข้อไหนก่อน ก็เจ้านายเล่นรัวคำถามมาขนาดนี้ใครมันจะไปตอบทัน
“ตอบกูมา”
“เฮียไบค์ครับ” ไบค์และคาเรนเป็นหัวหน้าลูกน้อง ทุกคนจึงเรียกทั้งสองว่าเฮีย
“ใครอนุญาตให้มันพามิลินไป”
“ไม่ทราบครับ”
“....” มาเฟียหนุ่มขบกรามแน่นด้วยอารมณ์หงุดหงิดอยู่ภายในใจ ไม่จำเป็นต้องขอเขาที่เป็นเจ้านายแล้วสินะเวลาจะไปไหนมาไหนกัน
ปัง! (ปิดประตูรถ)
“ฉันคงใจดีกับเธอมากเกินไป” เขาพาตัวเองขึ้นมานั่งบนรถก่อนจะขับออกจากบ้านไปด้วยความรวดเร็วโดยไม่มีลูกน้องตามประกบเหมือนอย่างทุกครั้ง
ณ ห้างสรรพสินค้า
ตึก
ตึก
“พี่ไบค์ ลินขอดูของใช้ตรงนี้นะคะ” คนตัวเล็กหันไปบอกชายหนุ่มที่เป็นคนพามาเดินห้างในครั้งนี้ เนื่องจากของใช้ส่วนตัวของเธอและนำทัพหมดจึงจำเป็นต้องออกมาซื้อด้วยตัวเอง เพราะมันเป็นคำสั่งเด็ดขาดของนำทัพที่ให้เธอเป็นคนจัดการในส่วนนี้ ของที่เขาใช้ทุกอย่างต้องเป็นมิลินเท่านั้นที่ดูแล
“ได้สิ งั้นพี่ไปรอที่ร้านกาแฟนะ” คนตัวเล็กมองตามมือบอดี้การ์ดหนุ่มไปก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ
“ได้ค่ะ”
“เอาของมา” ไบค์รับของจากมือคนตัวเล็กไปถือก่อนที่เขาจะเดินไปรอยังร้านกาแฟที่อยู่ไม่ไกล ไม่อยากให้เธอรู้สึกกดดันหากมีเขาเดินตามอยู่ตลอดเวลา จึงแยกตัวออกมานั่งรอดีกว่า
“อยู่ไหนนะ” ด้านมิลินยังคงเดินหาของที่ตัวเองต้องการ เธอเดินวนไปวนมาอยู่สามรอบก็ยังไม่เจอ เมื่อคิดได้ว่าควรไปถามพนักงานเธอจึงหมุนตัวเพื่อจะเดินไปหาพนักงานทว่า.. หางตากลับเหลือบไปเห็นของที่ต้องการพอดี แต่มันดันอยู่สูงเกินไป หญิงสาวมองซ้ายมองขวาว่ามีที่ให้ปีนขึ้นไปหยิบไหม
“ทำไงดี” ซึ่งในขณะนั้นเอง..
“จะเอาของเหรอครับ” เสียงทุ้มอบอุ่นของใครบางคนดังอยู่เหนือศีรษะทำให้ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองด้วยความตกใจก่อนที่เธอจะถอยห่างอัตโนมัติ
“ชะ ใช่ค่ะ” เหมือนอาการแพนิคจะกำเริบ เธอกลัวทุกครั้งที่คนแปลกหน้าเข้าหาแบบนี้ อาการของเธอแสดงออกชัดเจนว่ากำลังตื่นกลัวคนตัวโตตรงหน้า
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เม็ดเหงื่อตามกรอบหน้าสวยทำอีกคนสงสัยอยู่ไม่น้อย ทั้งที่ในห้างแอร์เย็นขนาดนี้ทว่าอีกคนดันมีเหงื่อ มันดูไม่ปกติเอาเสียเลย
“ฉะ..ฉัน อึก~” ร่างบางทรุดตัวนั่งหอบหายใจอย่างยากลำบาก
“คุณใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ หายใจเข้าออกลึก ๆ แล้วมองหน้าผม” เขาสังเกตว่าอาการของเธอมันดูแย่กว่าเดิม
“ฉะ ฉันกลัว”
“ไม่เป็นอะไรครับ มองหน้าผมนะ” เขาส่งยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน พยายามชวนคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหญิงสาว เมื่อเห็นว่าอาการอีกคนดีขึ้นแล้วเขาจึงลุกขึ้นไปหยิบของที่เธอต้องการมาให้
“ขอบคุณค่ะ” เธอขอบคุณคนเขาที่ช่วยเธอเอาไว้
“คุณเป็นแพนิคสินะ” เขารู้ได้ยังไงกัน
“คะ คุณรู้เหรอคะ”
“ผมเป็นหมอครับ” ใช่.. ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้เป็นหมอ อาการแค่นี้มองผ่าน ๆ ก็รู้แล้วว่าเธอเป็นอะไร แต่เท่าที่สังเกตเขาคิดว่าเธอควรรีบรักษามันก่อนที่จะแย่ไปมากกว่านี้ จากที่ดูก็ไม่น้อยนะ เธอดูหวาดระแวงและตื่นตระหนกอยู่ตลอดเวลา ขืนยังปล่อยไว้คนที่แย่จะเป็นตัวเธอเองนั่นแหละ
“ฉันไม่มีเงินรักษา” เธอก้มหน้าตอบเสียงเศร้า มือถือเธอยังไม่มีใช้เลย นำทัพยึดมันไปตั้งแต่วันนั้น เรื่องเงินคงไม่ต้องพูดถึงว่าเธอจะเอามาจากที่ไหน ให้ขอเขาก็คงจะเป็นไปไม่ได้แน่นอน
“หืม? งั้นเอาแบบนี้ไหมครับ”
“...” เงยหน้าสบตาหมอหนุ่ม
“วันเสาร์นี้คุณว่างไหม” เพราะมันตรงกับวันหยุดเขาพอดี เขาจะช่วยเธอเองหากเธออยากหายไปจากอาการนี้จริง ๆ เขาอยากช่วยเธอโดยไม่คิดค่ารักษาแม้แต่บาทเดียว ไม่รู้สิ.. มันแค่อยากช่วยเท่านั้น
“เสาร์นี้เหรอคะ” เธอคงออกจากบ้านไม่ได้แน่นอน
“ติดอะไรหรือเปล่าครับ”
“ละ ลินคงไปไม่ได้หรอกค่ะ”
“ทำไมล่ะครับ งั้นเอาเบอร์คุณมาเดี๋ยวถึงวันนั้นผมจะติดต่อคุณไปเอง” ว่าพร้อมกับส่งมือถือไปให้คนตัวเล็ก
“ลินไม่มีมือถือ”
“ฮะ?” นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ เธอไม่ได้เล่นตลกกับเขาใช่ไหมเนี่ย
“ละ ลินขอตัวค่ะ!” คนตัวเล็กลุกพรวดพราดขึ้นด้วยความรวดเร็วเพื่อจะพาตัวเองหนีไปจากตรงนี้ ทว่า..
หมับ!
“เดี๋ยวครับ” ชายหนุ่มจับเข้าที่แขนเล็กพร้อมกับออกแรงดึงหญิงสาวไม่ให้วิ่งหนีไปได้
“...”
“ผมไมลส์ครับ”
“ส่วนกูนำทัพ”