ตอนที่ 5

1768 คำ
EP 5: เมียท่านประธาน รัญชิดาที่เพิ่งหลับไปสักใหญ่ สะดุ้งเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น หล่อนขยับตัวลุกขึ้นนั่ง และมองไปที่บานประตูห้อง “รัญ... ไม่ออกมากินข้าวเหรอลูก นี่มันจะค่ำแล้วนะ” เสียงของแม่เต็มไปด้วยความห่วงใย คงเพราะหล่อนไม่ได้กินทั้งข้าวเช้า กลางวัน และตอนนี้ก็กำลังจะไม่กินข้าวเย็นอีกมื้อ “รัญไม่ค่อยหิวน่ะค่ะแม่” “ไม่สบายหรือเปล่าลูก” “รัญไม่เป็นไรค่ะแม่ แค่เพลียๆ น่ะค่ะ” “ยังไงก็ออกมากินสักหน่อยนะ แม่เป็นห่วงน่ะ” เพราะเกรงว่ามารดาจะไม่สบายใจ หล่อนจึงจำต้องรับปาก ทั้งๆ ที่ต่อมความหิวมันไม่ทำงานเอาเสียเลย “ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวรัญออกไปนะคะ” “โอเค เดี๋ยวแม่รอนะลูก” “ค่ะแม่” เสียงฝีเท้าของมารดาเดินห่างออกไปแล้ว ใบหน้าของรัญชิดาที่พยายามปั้นยิ้มก็ค่อยๆ กลับมาเป็นเศร้าหมองดั่งเดิม หากแม่รู้ว่าวรากรกับโชติกาทรยศหักหลังหล่อน ท่านคงจะโกรธมาก และก็คงจะต้องมีการทะเลาะกับอีกครอบครัวอย่างแน่นอน ซึ่งหล่อนไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น หญิงสาวกัดฟันลุกขึ้นจากเตียง เดินไปหยุดที่หน้ากระจกเงา สำรวจใบหน้าของตัวเองจนมั่นใจว่าไร้คราบน้ำตา จึงก้าวออกไป     “กินเยอะๆ นะรัญ นี่แกงเทโพของโปรดลูก” แม่ตักแกงเทโพกลิ่นหอมกรุ่นใส่จานให้กับหล่อนอย่างเอาใจ “ขอบคุณค่ะแม่” หล่อนฝืนยิ้ม และก็ตัดสินใจบอกเรื่องของตนเองกับวรากร “เอ่อ... แม่คะ รัญมีเรื่องสำคัญจะบอกค่ะ” แม่เงยหน้าขึ้นมองหล่อน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เรื่องอะไรเหรอลูก” “เอ่อ...” หล่อนอึกอักเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็พูดออกมาจนได้ “เรื่องพี่กรน่ะค่ะแม่” “อ๋อ เรื่องพ่อกรนี่เอง มีอะไรล่ะลูก หรือว่าทะเลาะกัน?” “เอ่อ...” หล่อนพยายามตั้งสติ ก่อนจะบอกออกไป “รัญจะถอนหมั้นค่ะ” “ห๊ะ ว่าไงนะรัญ?” หล่อนรู้ดีว่าแม่ตกใจ แต่หล่อนไม่อาจจะทนหมั้นหมายกับผู้ชายที่ไม่เคยรักหล่อนเลยได้อีกแล้ว วรากรคงทรมานใจมากที่ต้องฝืนใจเป็นคู่หมั้นของหล่อน ถึงเวลาแล้วที่หล่อนต้องปล่อยเขาไปเสียที “รัญจะถอนหมั้นจากพี่กรค่ะ” “ทะ... ทำไมล่ะลูก เกิดอะไรขึ้น ไหนเล่าให้แม่ฟังสิลูก” มารดาวางมือบนท่อนแขนขอหล่อน ในขณะที่หล่อนพยายามฝืนยิ้ม ทั้งๆ ที่น้ำตาตกอยู่ข้างใน ตอนนี้หล่อนสับสนเป็นอย่างมาก ตอนแรกคิดว่าเจ็บปวดกับการทรยศของคนรักและเพื่อนสนิท แต่ตอนนี้กลับมีอีกเรื่องหนึ่งแทรกเข้ามา และมันก็ดูจะยิ่งใหญ่มากกว่า ผู้ชายคนนั้น... ผู้ชายที่ปลุกไฟร่านในกายของหล่อนให้ตื่นจากหลับใหล ผู้ชายที่ทำให้หล่อนรู้ว่า แท้จริงแล้วภายใต้ความเฉิ่มเชยของตนเองนั้น มีความหิวกระหายทางเพศมากแค่ไหน มันบ้ามาก... และหล่อนไม่อยากจะยอมรับมันเลย! “รัญ... ไม่อยากฝืนใจตัวเองอีกแล้วค่ะแม่” “นี่รัญพูดอะไรน่ะลูก แม่ก็เห็นรัญยินดีมาตลอดที่ได้เป็นคู่หมั้นของพ่อกร แม่ว่าพ่อกรจะต้องทำอะไรไม่ดี ลูกสาวของแม่ถึงได้ถอดใจ ใช่ไหมลูก?” หล่อนควรจะบอกความจริงออกไป บอกว่าวรากรกับโชติกา แทงข้างหลังของหล่อน แต่เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ทำให้หญิงสาวเลือกที่จะรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง “รัญ... เพิ่งมารู้ตัวค่ะว่าไม่ได้รักพี่กรแบบนั้น” “นี่ลูกหมายถึง... ลูกไม่ได้รักพ่อกรแบบคนเราอย่างนั้นเหรอ” “ใช่ค่ะ รัญ... รักพี่กรแบบพี่ชาย...” หล่อนก้มหน้าหลบสายตาแคลงใจของมารดา ก่อนจะอ้อมแอ้มพูดออกไปอีก “รัญขอโทษนะคะที่เพิ่งมารู้ตัวเอาตอนนี้ แต่รัญก็คิดว่ามันยังไม่สายเกินไป...”  มารดาของหล่อนถอนใจนับครั้งไม่ถ้วน แต่ในที่สุดท่านก็ตามใจหล่อน “แม่จะไปคุยกับคุณป้าให้นะ แต่คงถูกฝ่ายนั้นถอนหงอกเอาหลายเส้นแน่นอน” “รัญขอโทษนะคะที่ทำให้คุณแม่คุณพ่อต้องเดือดร้อน รัญจะเป็นคนไปกราบขอโทษคุณป้าเองค่ะคุณแม่ รัญ...” น้ำตาของหล่อนไหลออกมา แต่ก็รีบป้ายทิ้ง “รัญผิดเองทุกอย่างค่ะ” “ไม่เป็นไรหรอกลูก ดีแล้วต่างหากที่รู้ตัวเร็วก่อนที่จะแต่งงานกัน ถ้าไปรู้หลังแต่งงาน เรื่องคงน่าปวดหัวกว่านี้เยอะ” แม่ของหล่อนก็ยังคงเป็นแม่พระผู้ใจดีสำหรับลูกเสมอ “รัญขอโทษนะคะแม่” “ไม่เป็นไรลูก กินข้าวเถอะ” หล่อนผงกศีรษะตอบรับมารดา และตักข้าวใส่ปาก แต่สักพักแม่ก็ชวนคุย “พรุ่งนี้พ่อเขามีงานเลี้ยงที่บริษัทด้วยนะ เห็นว่าจะพาเราสองแม่ลูกไปด้วย” “รัญ... ไม่ไปได้ไหมคะ” หล่อนปฏิเสธ แต่คนเป็นแม่กลับไม่ยอมง่ายๆ “แม่ว่าลูกควรจะไปเปิดหูเปิดตาหน่อยนะรัญ” “แต่รัญ...” “เชื่อแม่นะลูก ไปเปิดหูเปิดตา ชีวิตจะได้กลับมาสดชื่นสดใสไงล่ะ” หล่อนไม่อยากไปไหนเลย แต่เพราะเกรงว่าแม่จะเสียน้ำใจ หล่อนจึงต้องยอมตกลง “รัญไปด้วยก็ได้ค่ะแม่” “ดีมากลูก แต่งตัวสวยๆ นะ บางที ลูกอาจจะเจอเจ้าชายคนที่ลูกเห็นแล้วใจสั่นในงานเลี้ยงนี้ก็ได้นะ ใครจะรู้จริงไหม” หล่อนรู้ดีว่าแม่พูดเล่น แต่ไม่รู้ทำไมสมองถึงได้ผุดภาพของผู้ชายหน้าตาคมสันคนนั้นขึ้นมา แม้ว่าหล่อนจะไม่มีโอกาสมองเห็นดวงตาของเขา แต่หล่อนก็คาดเดาได้ไม่ยากว่าเขาจะต้องมีดวงตาที่สวยงามไม่ต่างจากใบหน้าแน่นอน บ้าจริง ทำไมหล่อนจะต้องคิดถึงผู้ชายที่ฉวยโอกาสกับผู้หญิงเมาคนนั้นด้วย แม้จะพยายามห้ามปรามความคิดของตัวเองยังไง แต่ร่างกายก็ยังโหยหาสัมผัสร้อนรุ่มของผู้ชายคนนั้นอยู่ดี หล่อนลืมสัมผัสของเขาไม่ได้... สัมผัสจากปาก... ปลายนิ้ว.. ปลายลิ้น... และ... ตรงนั้นของเขา...! โอ้ พระเจ้า! ทำไมแค่คิดถึงยามที่เขาสอดใส่ความใหญ่ยาวเข้ามาในกาย ช่องท้องจะต้องร้อนรุ่มแบบนี้ด้วย แล้วที่เป้ากางเกงชั้นในก็เริ่มแฉะ “เป็นอะไรไปหรือเปล่ารัญ หน้าแดงๆ” หล่อนต้องกราบขอบคุณแม่เลยทีเดียว ที่ช่วยทำให้หล่อนหลุดออกจากไฟสวาทของผู้ชายนิรนามคนนั้นได้ชั่วขณะ “ปะ... เปล่าค่ะแม่” “เปล่าก็ดีแล้ว งั้นกินข้าวต่อเถอะ” หล่อนกับแม่กินข้าวกันตามลำพังสองคนแม่ลูกแทบทุกวัน เพราะพ่อที่ทำงานเป็นคนขับรถของเจ้าของบริษัทใหญ่กลับไม่เป็นเวลา “เอ๊ะ เสียงใครมากดกริ่งน่ะ” แม่ของหล่อนลุกขึ้นยืน และกำลังจะลงไปดูว่าใครมาที่หน้ารั้วบ้าน แต่หล่อนอาสาเสียก่อน “แม่กินข้าวต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวรัญไปดูให้เองจ้ะ” “เอางั้นเหรอรัญ” “จ้ะแม่ รอแปบนะคะ เดี๋ยวรัญมาค่ะ” แล้วหล่อนก็ลุกเดินลงมายังหน้ารั้วบ้าน ร่างสูงของผู้ชายคุ้นตาคนหนึ่งปรากฏตรงหน้า และก็ทำให้หัวใจของหล่อนเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา “พี่กร...” “รัญ... พี่ขอโทษ...” หล่อนฝืนยิ้มให้กับวรากร ก่อนจะบอกเขาออกไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง “อย่าขอโทษในสิ่งที่พี่ตั้งใจทำเลยค่ะ” “พี่...” “และพี่กรกับเฟื่องก็ไม่ต้องลำบากใจด้วยนะคะ เพราะรัญ...” หล่อนสะอื้นเบาๆ “จะเป็นฝ่ายเดินออกมาเองค่ะ” “รัญ...หมายความว่า...” หล่อนช้อนตามองคู่สนทนาที่ยังคงยืนอยู่นอกรั้วบ้านด้วยสายตาที่ว่างเปล่า “รัญบอกคุณแม่แล้วค่ะว่ารัญต้องการถอนหมั้นพี่กร” “แล้ว... รัญบอกไหมว่าเพราะอะไร” หล่อนมองผู้ชายใจร้ายที่ถึงขณะนี้เขาก็ยังเป็นห่วงแต่ตัวเอง ไม่แม้แต่จะไยดีความรู้สึกของคนถูกกระทำเช่นหล่อน “พี่กรสบายใจเถอะค่ะ รัญไม่ได้บอกคุณแม่ว่ารัญไปเห็นอะไรมา” หล่อนเห็นวรากรเป่าลมออกจากปากแรงๆ คล้ายกับโล่งอกโล่งใจ “พี่ขอบคุณรัญมากนะ ขอบคุณที่ไม่ประจานพี่กับเฟื่อง” หล่อนยิ้มเยาะ และเหน็บแนม แต่ดูเหมือนว่าวรากรจะไม่สะทกสะท้าน “รัญไม่ใช่คนใจร้ายอย่างนั้นหรอกค่ะ แม้ว่าคนอื่นจะใจร้ายกับรัญก็ตาม” “พี่ขอบคุณรัญอีกครั้งนะครับ” จริงอย่างที่แม่พูด ดีแค่ไหนแล้วที่หล่อนรู้ความจริงตอนนี้ หากรู้หลังจากแต่งงานกันไป หล่อนก็ยังไม่รู้เลยว่าชีวิตจะหักเหไปทางไหน “พี่กรแค่กลับไปบอกคุณป้า ทำยังไงก็ได้อย่าให้คุณป้าพูดไม่ดีกับครอบครัวของรัญ... รัญขอแค่นี้แหละค่ะ” “โอเค พี่จะพูดกับคุณแม่คุณพ่อให้เข้าใจเอง ขอบคุณรัญอีกครั้งนะครับ” หล่อนไม่ได้ตอบ แต่ปรายตามองไปที่รถของวรากรที่กระจกด้านคนนั่งถูกเลื่อนต่ำลงครึ่งบาน โชติกา อดีตเพื่อนรักอยู่ในนั้น และมองมา แม้จะมองเห็นในระยะไกล แต่หล่อนก็เห็นรอยยิ้มแห่งผู้ชนะของโชติกาได้อย่างชัดเจน เวลาจะช่วยคัดสรรว่าใครควรจะอยู่ต่อในชีวิตของเรา มันคือความจริง “ขอให้พี่กรกับเฟื่องมีความสุขมากๆ นะคะ ต่อจากนี้ไป เราไม่รู้จักกันอีกแล้ว” หล่อนเห็นวรากรหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย แต่เขาก็ยอมรับแต่โดยดี ก่อนจะจากลาด้วยการเดินกลับไปที่รถ และขับออกไป เมฆหมอกมืดดำค่อยๆ จางหายไปพร้อมกับรถยนต์ของวรากร หล่อนจะเข้มแข็ง แม้ว่ามันจะทำได้ยากเย็นแค่ไหนก็ตาม รัญชิดายิ้มให้กับตัวเอง ขณะเดินกลับเข้าไปในบ้าน และไปที่โต๊ะอาหารที่แม่นั่งกินข้าวรออยู่ “ใครมาเหรอลูก” “ใครก็ไม่รู้ค่ะแม่ เขามาผิดบ้าน” หล่อนพยายามไม่แสดงพิรุธใดๆ ออกไป ขณะก้มหน้าตักแกงเทโพหมูสามชั้นใส่ปาก “แต่แม่มองไกลๆ แล้วรู้สึกคุ้นๆ นะลูก” “เขาเป็นคนแปลกหน้าที่รัญไม่เคยรู้จักจริงๆ จ้ะแม่” หล่อนย้ำ และก็ตักแกงเทโพใส่จานข้าวให้กับมารดา “แม่กินข้าวต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวกับข้าวเย็นหมด” หล่อนรู้ดีว่าแม่ยังคงแคลงใจ แต่ท่านก็เลือกที่จะไม่ถามอะไรออกมาอีก  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม