เวลาต่อมา...
“...ของหมดอายุเยอะเลยเดือนนี้” ปานวาดยิ้มรับบาง ๆ ที่ได้ยินอย่างนั้น เธอมองครีมบำรุงผิวที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะทำงานของเจ๊เล้ง หยิบจับนับไปเมื่อครู่ก็เยอะพอตัว ส่วนใหญ่เป็นครีมบำรุงผิวตัวที่ขายไม่ออกแล้วหมดอายุ ซึ่งเจ๊เล้งจำเป็นที่จะต้องเอาทิ้งเพราะขายไม่ได้ หากมีลูกค้ามาซื้อไปก็อาจจะโดนด่าตามมาทีหลัง ทำให้ปานวาดเก็บไปใช้ที่ห้องเช่าของเธอเป็นประจำ ซึ่งพาขวัญก็ชอบมาก เพราะมันก็แพงอยู่พอตัว แต่ของหมดอายุก็ยังพอใช้ได้ ด้วยเหตุนี้ล่ะมั้งที่ทำให้ทั้งเธอและลูกสาวยังมีผิวที่ดีแม้นว่าจะทำงานหนัก
“เอาไว้นี่ก่อนก็ได้ค่อยมาเอาวันหลัง รีบไปทำงานไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะ...ขอบคุณนะคะ” ไม่รู้ว่าจะขอบคุณอย่างไรถึงจะหมดหนี้บุญคุณในครั้งนี้ แม้แต่ผู้ให้กำเนิดแท้ ๆ ของเธอก็ไม่สามารถให้ได้
“รีบไปเปลี่ยนชุดทำงานแล้วก็ไปได้แล้ว”
“ยังเหลืองานอีกชุดหนึ่งจ้ะ”
“ไม่ ๆ เดี๋ยวที่เหลือเจ๊ทำเอง แค่นี้เอง...” ปานวาดพยักหน้ารับ ในบางครั้งก็มีแวบหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่าคนบางคนก็เกิดมาเพื่อทำให้รู้สึกว่าโลกใบนี้ไม่ได้ใจร้ายกับเธอมากถึงขนาดนั้น...แม้นจะมีคนอีกหลายคนที่ใจร้ายกับเธอ
ปานวาดมองดูเวลาผ่านหน้าจอโทรศัพท์เครื่องเก่าที่ตอนนี้หน้าจอแตกจนแทบมองไม่เห็นตัวหนังสือ แต่ก็พอมองออกบ้าง
[หนูไปโรงเรียนละ มาร์ชมารับ]
“ตั้งใจเรียนนะ เย็นนี้รีบกลับบ้านนะ” เธอส่งข้อความกลับหาลูกสาว ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ปานวาดมองดูข้อความอยู่อย่างนั้น หวังว่าลูกจะไปเรียนไม่ได้ไปเถลไถลกับคนเป็นแฟน ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า ตีก็แล้ว ด่าทอก็แล้ว อีกฝ่ายไม่เชื่อเธอเลย
...ปานวาดในวัยสามสิบเอ็ดปียืนแช่อยู่ริมฟุตบาทบริเวณป้ายรถเมล์เพื่อรอไปทำงานในเวลาเก้าโมงเช้าที่คลังสินค้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เธอแต่งกายด้วยเสื้อช็อปของโรงงานซึ่งเป็นเสื้อคอปกสีฟ้าอ่อน สวมกางเกงยีนสีซีดตัวเดิมเมื่อเช้านี้ บนไหล่บางสะพายกระเป๋าใบใหญ่ที่ใกล้จะขาดรอมร่อ ภายในนั้นมีเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนใส่ทำงานสามที่ของเธอ หากว่าเลิกงานไหนก็เปลี่ยนที่นั่น ทว่าเย็นนี้ก็คงไม่ได้กดรับงานทำความสะอาดในแอปพลิเคชันแม่บ้านเพราะต้องพาพาขวัญไปฝังยาคุมกำเนิด
“เฮ้อ...ช้าอีกแล้ว” รถเมล์ยังไม่มา เธอคงอดกินข้าวเช้าอีกแน่นอน หากจะซื้อกินที่นี่ก็มีแต่ร้านแพง ๆ ข้าวเหนียวหมูปิ้งที่โรงงานขายถูกจะตายชัก เธอไม่อยากเสียเงินสักบาทเดียว อดได้ก็จะอด หากหมดกำลังถึงจะกิน ระหว่างทางก็ดื่มน้ำที่กรอกมาจากร้านเจ๊เล้ง
“มาสักที...” หญิงสาวรีบวิ่งไปขึ้นรถเมล์อย่างทุลักทุเล ใบหน้าสวยของเธอโดดเด่นถูกมองมาตลอดทาง แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น
“นี่ค่ะ...” ฝ่ามือบางยื่นเงินให้กับกระเป๋ารถเมล์แปดบาท เธอยืนห้อยตัวอยู่ทางด้านหลัง โดยใช้แผ่นหลังอิงไปกับเก้าอี้ของผู้โดยสายคนอื่นที่ได้นั่ง หญิงสาวไม่ได้อยากเอาเปรียบคนที่ได้นั่ง แต่เธอเลี่ยงไม่ได้ด้วยความที่มีผู้ชายมักเข้ามายืนเบียดเสียดเธอ บ้างก็เอามือมาสัมผัสบั้นท้าย บ้างก็เอาเป้ากางเกงมาเสียดสี โวยวายไปก็เท่านั้นไม่มีใครอยากเสียเวลาด้วย เวลาของคนงานอย่างเธอมันสำคัญมาก เพราะฉะนั้นหญิงสาวถึงปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปโดยไม่ได้สนใจอะไรเลยสักนิด
...ปานวาดลงจากรถเมล์เมื่อรถเคลื่อนมาถึงที่ทำงานของเธอ จุดกระจายสินค้าของห้างสรรพสินค้าเดอะเกรทฟีเจอร์นั้นเป็นโรงงานสำหรับจัดสินค้าไปยังห้างสรรพสินค้าเดอะเกรทฟีเจอร์ที่อยู่ใจกลางกรุงย่านคนเมือง ซึ่งที่นี่อยู่ใกล้กับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หลายบริษัท
ร่างบางมองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ซึ่งก็ไม่ทันเวลาหาอะไรกินแล้ว หญิงสาวหยิบขวดน้ำออกจากกระเป๋าก่อนจะยกขึ้นดื่มอึกใหญ่
“อย่างอแงนะวันนี้...” หญิงสาวพึมพำพร้อมกับลูบท้องของตัวเองก่อนจะเดินไปสแกนบัตรทำงาน ทว่า
“ดูสิ...ใครกัน มาทำงานเกือบไม่ทัน” เสียงนกเสียงกาดังขึ้นเช่นเคย ร่างบางไม่ได้สนใจอะไร เธอเดินเข้าไปในโรงงานขนาดใหญ่นี้เพื่อเข้าไปยังไลน์ผลิตสินค้า
...ปานวาดสวมเสื้อกันเปื้อน ผ้าคลุมศีรษะพร้อมกับใส่ถุงมือ เธอเดินเข้าไปทางด้านหลังเพื่อนชายคนหนึ่ง
“เฮ้!!”
“โอ๊ย!” ปานวาดหัวเราะให้กับเสียงร้องตกใจของแมนเพื่อนชายเพียงคนเดียวของเธอภายในโรงงานแห่งนี้ “ทำแบบนี้อีกเดี๋ยวจะโดน”
“หึ ก็ขวัญอ่อนเองนิ”
“ว่าจะโทรตามแล้ว เกือบไม่ทันแหนะ...มาไม่ทันหัวหน้าพูดใช่ไหม”
“มีอะไรหรือเปล่า”
“ก็ตำหนิไลน์ผลิตเรานิดหน่อย ส่งไปผิดไงทางนั้นเขาก็บ่นมา”
“หืม...ฉันผิดอีกแล้วหรือเปล่า”
“ไม่หรอก ทีมเราก็หลายคน...” ปานวาดผ่อนลมหายใจออกมา อาจจะเป็นเพราะไม่ได้นอนทำให้เบลอ ๆ ซีลสินค้าได้ไม่ดีเท่าที่ควร
...ปานวาดคอตก เธอเดินเข้าประจำตำแหน่งของตัวเอง ยืนมองสินค้าที่ค่อย ๆ ไหลมาตามรางนั้น หญิงสาวมีหน้าที่ในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ของใช้ที่ต้องซีลปิดปากหลังจากที่เครื่องจักรทำงาน ซึ่งบางครั้งเครื่องจักรก็ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ บางรายการจะถูกปล่อยออกมาตามรางของไลน์ผลิต หลังจากนั้นต้องใช้มือทำต่อเอง สายตาต้องไวและคว้าให้ทัน มือจะต้องไวพอที่จะหยิบจับมาซีลมือเองก่อนจะส่งให้กับแผนกแพ็กสินค้าต่อไป
“เอ้อ!...ตอนที่หัวหน้าเรียกรวมพลนะ...ได้ยินว่าประธานบริษัทหายตัวไป”
“ห้ะ...” แมนยกมือขึ้นป้องปากเพื่อบอกอะไรบางอย่างกับเพื่อนสาว
“คุณพาทิศ เกียรติภูมิน่ะ...เขาหายตัวไป” ปานวาดเม้มริมฝีปาก ถ้าเป็นเรื่องจริงคงเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะไม่นานมานี้เพิ่งมีงานเลี้ยงฉลองต้อนรับประธานบริษัทเดอะเกรทฟีเจอร์กรุปคนใหม่ไปเอง
“แต่...ช่างมันเถอะ ไม่ใช่เรื่องของพนักงานต่ำ ๆ แบบเรา ฮ่า ๆ”
“หึ...” ปานวาดหัวเราะตามไปด้วย จริงอย่างที่แมนว่า พนักงานต่ำต้อยแบบเธอไม่เคยเจอเจ้าของบริษัทนี้เลย หากว่าเขามาตรวจไลน์ผลิตซึ่งนาน ๆ มาทีนั้นพวกเธอก็ต้องค้อมศีรษะแทบจะต้องคุกเข่าลงพื้น เพราะอย่างนี้หญิงสาวเลยไม่กลัวว่าจะมีโอกาสได้เจอพ่อของลูกหรือไม่
...เขาเป็นทายาทบริษัทนี้เช่นกัน
วาสนาต่างกันลี้ลับ คนละชนชั้นไม่มีทางหวนมาเจอกัน อีกอย่างก็ไม่ค่อยมีโรงงานไหนรับวุฒิม.3อย่างเธอเข้าทำงาน ส่วนใหญ่จะรับผู้ชาย พอที่นี่เปิดรับสมัครงานเธอก็มาสมัครโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แม้นว่าจะโดนกดค่าแรงเพียงแค่ 250 บาทต่อแปดชั่วโมงตามวุฒิการศึกษาที่จบมาก็ตามที เธอยอมทำอะไรก็ได้ขอให้ได้เงินไว้ให้ลูก...
จากเช้าของวันก่อนมาถึงเย็นของอีกวัน ยี่สิบกว่าชั่วโมงนั้นทำเอาพาวินท์อ่อนแรง แม้นว่าเครื่องบินลำหรูจะสบายมากก็ตามที ทว่าการนั่งไม่ติดเก้าอี้นั้นทำให้เขารู้สึกอ่อนเพลียมากเลยทีเดียว
“ถึงแล้วครับบอส” พาวินท์ไม่ได้มีเวลาสำรวจบ้านหลังใหญ่หลังจากไม่ได้กลับไทยมาหลายปี ส่วนใหญ่จะเป็นพ่อแม่ที่แวะเวียนไปหา เขาลงจากรถยนต์คันหรูรีบสาวเท้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่โตโอ่อ่านี้ทันที
“วินท์! อึก วินท์มาแล้ว” มารดามองเห็นเขาคนแรก ซึ่งตอนนี้มีผู้ชายในชุดสูทหลายคนที่นั่งอยู่หายในห้องรับแขก มีป้ายห้อยคอที่บ่งบอกว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
“แม่...” ชายหนุ่มยื่นแขนไปข้างหน้าเมื่อมารดาวิ่งเข้ามากอด แผ่นหลังบางสั่นเทา เธอโอบกอดลูกฝาแฝดคนที่สามด้วยความคิดถึงระคนหวาดกลัว เกรงว่าจะไม่ได้เห็นหน้าลูกชายไปอีกคน
“ฮึก วินท์...พาทิศ อึก เรายังไม่เจอพาทิศเลย”
“ไม่เป็นไรนะครับ พี่ไม่เป็นอะไรหรอก พี่พาทิศเก่งจะตาย” ฝ่ามือหนาลูบแผ่นหลังบางของคนเป็นแม่ที่สั่นเทานี้ ผมเผ้าของท่านก็ยุ่งเหยิง ขณะที่พ่อของตนมีสีหน้านิ่งเรียบ เอ่ยพูดอะไรไม่ออกสักคำ
...พาวินท์นั่งลงโซฟาฝั่งตรงข้ามของผู้เป็นพ่อหลังจากที่ตำรวจกลับไปแล้ว สิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่จากตำรวจทำเอาหัวใจวอดหัวใจวาย
“ไม่พบศพ ไม่พบอะไรเลย เจอแค่รถ...สูบน้ำออกจนหมดก็ไม่เจอพาทิศ” พ่อของเขาเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก
“แล้ว...พี่พาคินณ์ล่ะ”
“ไม่รับโทรศัพท์เลย”
“ตอนนี้ก็ยังไม่รับเหรอครับ” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ ปัญหาของพี่ชายทั้งสองนั้นเรียกได้ว่าคอขาดบาดตายเลยก็ว่าได้
“พรุ่งนี้พ่อจะไปหาพาทิศเอง...ตอนนี้รอฝากงานกับลูกเลยไม่ได้ไป วินท์...พ่อฝากงานได้ไหม”
“พ่อไม่ต้องห่วง ผมทำได้ทุกอย่าง” น้ำเสียงของคนเป็นพ่ออ่อนแรง ดูท่าแล้วเจ้าตัวกลั้นอารมณ์ความรู้สึกเสียใจมาโดยตลอด
“แต่ลูกบอกไม่อยากทำงานที่นี่”
“ไม่เป็นไรครับ ผมทำได้” อิทธิกรได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้ารับด้วยความดีใจที่บุตรชายคนเล็กยอมกลับมาทำงานที่ไทย หลังจากที่ทำโปรเจกต์งานร่วมกับบริษัทต่างชาติมานานนม
“แล้วงานที่นั่นล่ะ”
“มันโอเคแล้วล่ะครับ แค่บินไปดูก็พอแล้ว” เขาหมายถึงการส่งออกสินค้าในเครือบริษัทเดอะเกรทฯกับซูเปอร์มาร์เก็ตที่อเมริกา ซึ่งเขาทำงานอยู่ที่นั่นและมีคลังสินค้าของบริษัทอยู่ที่อเมริกามาร่วมสิบปีตั้งแต่เรียนจบ
...แม้นจะไม่อยากทำงานที่นี่เพราะใครบางคน แต่ตอนนี้พ่อของเขาและคนเป็นแม่ไม่ไหวเลย มองจากแววตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจนี้ เขาไม่อยากสร้างความลำบากใจให้พวกท่าน ยกเหตุผลส่วนตัวของตัวเองขึ้นมาก็คงไม่ได้
“ส่วนคินณ์...พ่อไม่รู้ว่าจะพูดยังไง”
“แล้วพ่อรู้ไหมว่าพี่คินณ์อยู่ไหน”
“สัญญาณโทรศัพท์บอกอยู่คอนโดฯ วินท์...พ่อว่าจะให้คินณ์กลับมาทำงาน แต่...พ่อไม่รู้ว่าจะพูดยังไงแล้ว”
“_”
“หมดคำจะพูด...”
“เดี๋ยวผมคุยให้ครับ” พาวินท์ไม่รู้หรอกว่าเขาจะพูดได้หรือไม่ แต่ก็อยากให้คนเป็นพ่อสบายใจไปก่อน
“แต่ถ้าไม่ได้ก็จะให้ลูกชายลุงอัทธ์มาช่วย เฮ้อ...บ้านนี้มันอาถรรพ์หรือไง มีปัญหาทุกที”
“หึ...” พาวินท์หัวเราะให้กับคนเป็นพ่อ ซึ่งตอนนี้แม่ของเขาเป็นลมไปอีกแล้ว คงทำใจยากที่ลูกชายคนโตหายไปขนาดนั้น
“แต่วินท์...”
“ครับ?”
“ถ้าพี่เราหายไปแบบไม่กลับมา...พ่อไม่อยากคิดแบบนั้น แต่เราเลี่ยงมันไม่ได้ พ่ออยากรู้ว่าเราจะทำหน้าที่แทนพี่ได้ไหม”
“หืม...งานน่ะเหรอครับ”
“ไม่ใช่แค่งาน อย่างอื่นด้วย” พาวินท์กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขากำลังคิดถึงเรื่องอีกเรื่องที่พี่ชายคนโตเพิ่งตอบรับผู้เป็นพ่อไปเมื่อเดือนที่แล้วนั้น เขา...
“ผม...”
“แต่งงานแทนพี่ด้วยได้ไหม”
“_”
“วินท์...เรื่องผู้หญิงของลูก ลูกยังทำได้เหมือนเดิม เราคุยกับทางนั้นได้ ม่านฟ้าไม่ว่าอะไรหรอกเพราะเธอต้องการแต่งงานกับใครก็ได้ที่ไม่ใช่คินณ์”
“แต่พ่อ...”
“ลังเลเหรอ เรื่องผู้หญิงของลูกน่ะ ยังทำได้เหมือนเดิมเลย ลูกจะมีสองมีสามเราคุยกับทางนั้นได้”
“ไม่ใช่เรื่องนี้...” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ อยากจะบอกว่าเขากำลังรอใครบางคนอยู่ แต่ไม่กล้าที่จะบอกไป เพราะมันไม่มีทางเกิดขึ้นและตอนนี้พ่อของเขาต้องการสิ่งนี้ ชายหนุ่มรู้ว่าคนเป็นพ่อให้พี่ชายแต่งงานกับม่านฟ้านั้นเป็นเพราะเหตุใด
“แล้วมันคือเรื่องไหน...หรือกลัวว่าคินณ์จะไม่พอใจอีก ถ้าคินณ์ไม่พอใจพ่อก็จะยื่นคำขาดแล้วล่ะ”
“ยังไงครับ”
“ตัดทุกอย่างออกจากคินณ์...รวมถึงมรดก” พาวินท์ส่ายหน้า แม้นว่าพาคินณ์จะเกเรมากแค่ไหนแต่ถ้าพ่อทำแบบนี้อีกฝ่ายก็ยิ่งคิดว่าคนเป็นพ่อไม่รักมากกว่าเดิม
“...ผมยอมครับ ถ้าการที่ผมแต่งงานกับม่านฟ้าแทนพี่พาทิศทำให้พ่อสบายใจผมก็จะทำ...แต่เรื่องตัดพี่คินณ์ออกจากกองมรดกนั้น...”
“ตัดไปเลยสิวะ!” พาวินท์ยังพูดไม่ทันจบ เสียงตวาดดังลั่นก็ดังเข้ามาในห้องรับแขก ก่อนที่คนทั้งคู่จะหันไปมอง
“พาคินณ์...”