แม้นแต่ยุงก็ไม่อาจปรานีโชคชะตาได้ ฝ่ามือบางลูบเบา ๆ ที่ต้นขาเล็ก ปานวาดมองตุ่มเม็ดเล็กที่ผุดขึ้นเหนือผิวหนัง เธอเกาเบา ๆ ให้คลายความคัน ก่อนจะชะโงกศีรษะมองถนนจนสุดสายตา ทว่ารถคันแล้วคันเล่าที่วิ่งผ่านมานั้นก็ไม่เห็นมีวี่แววคนที่เธอรอ รถเมล์หมายเลข 28 ไม่มีสักคันที่ลูกสาวจะลงมา
“ไปไหนนะ มาถึงจะตีให้ตาย” เธอกัดฟันพูด ความเป็นห่วงกลั่นออกมาเป็นความโมโห ฝ่ามือบางกำแส้ไม้ในมือไว้แน่น เธออยากสั่งสอนให้พาขวัญรู้ความ ไม่อยากให้คนเป็นลูกพลาดพลั้งเหมือนกับเธอในอดีต ทว่า
“ปาน...เข้ามานั่งข้างในก่อนก็ได้ ดูสิ...ยุงรุมแล้ว” อยู่ ๆ เสียงทุ้มลึกของเสี่ยเจ้าของอะพาร์ตเมนต์ก็ดังขึ้น ตึกแถวสิบคูหานี้เป็นของเสี่ยภูผา ปานวาดได้ยินอย่างนั้นเธอก็ส่ายหน้าปฏิเสธพัลวัน ก่อนจะลุกขึ้นยืนจากฟุตบาทเมื่ออีกฝ่ายเดินมาหา
“ขอบคุณค่ะ แต่ว่าคุณนายคงไม่พอใจหรอกนะคะ อย่ายุ่งกับฉันจะดีกว่า” เธอว่าเสียงแข็งกร้าว ไม่ได้มีท่าทีเกรงอกเกรงใจแม้นว่าเขาจะเป็นเจ้าของตึกที่เธอเช่าอยู่
“ไม่เอาน่า เราคุยกันได้” หญิงสาวส่ายหน้าอีกครั้ง เสี่ยภูผาต้องตาเธอตั้งแต่วันที่อุ้มลูกน้อยมาอยู่ที่นี่ เขาคอยตะล่อมเธอมาเสมอ
“ขอร้องล่ะค่ะ อย่าให้เป็นเรื่องอีกเลย”
“เสี่ยพร้อมดูแลหนูกับลูก ไม่ต้องตรากตรำทำงานโรงงานงก ๆ หรอกนะ เสี่ยพร้อมดูแลให้ที่อยู่ให้ค่าเทอมพาขวัญ นะ...ส่วนเรื่องของกุ้งนางก็ไม่ต้องห่วง เราอยู่เงียบ ๆ ได้ใช่ไหม” ปานวาดมองใบหน้าของเสี่ยภูผาด้วยสายตารังเกียจ รูปร่างท้วมแถมยังหัวล้าน เธอไม่เคยคิดดูถูกผู้ชายจากภายนอก ทว่าผู้ชายเจ้าชู้พันนี้เธอไม่คิดอยากยุ่งด้วย เรียกได้ว่าเกลียดเข้าไส้เลยก็ว่าได้
“อย่าคิดอะไรแบบนี้เลยค่ะ ถ้าเสี่ยยังไม่หยุดทำแบบนี้ ฉันจะย้ายไปอยู่ที่อื่น”
“อะไรนะ ฮ่า ๆ” เสี่ยภูผาหัวเราะดังลั่น เขายกมือขึ้นกุมหน้าท้องของตัวเองราวกับว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นน่าขำ แถมยังน่าขายหน้าอีกต่างหาก “คิดเหรอว่าจะมีคนให้เช่าเดือนละสองพัน ค่าน้ำ ค่าไฟก็ฟรี นี่เธอยังไม่สำนึกบุญคุณของเสี่ยอีกงั้นเหรอ”
“_” ปานวาดพูดไม่ออก เธอกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ บุญคุณก็ส่วนบุญคุณ “ฉันตอบแทนโดยการทำความสะอาดให้แล้วไงคะ แต่สิ่งที่เสี่ยต้องการ ฉันให้ไม่ได้และไม่คิดอยากไปเป็นเมียน้อยใคร”
“งั้นเหรอ...แล้วถ้าเสี่ยจะไล่เธอออกจากห้องพักล่ะ” เสี่ยภูผาพูดอย่างเหนือกว่า ฝ่ามือป้อมสั้นนั้นเกาพุงตัวเองหย็อย ๆ ขณะที่คำพูดของอีกฝ่ายทำเอาปานวาดหน้าถอดสี เห็นอย่างนั้นเสี่ยภูผาก็นึกสงสาร
“ล้อเล่นน่า หึ...ยังไงเสี่ยก็ยังอยากเห็นหน้าปานอยู่นะ” เสี่ยภูผาก้าวขาเข้ามาใกล้เธอ ขณะที่ปานวาดก็รีบสาวเท้าถอยหลังทันที เธอไม่มีทางไปเป็นเมียน้อยใครหน้าไหนเด็ดขาด แม้นจะต้องตายเธอก็จะไม่ยอมขายศักดิ์ศรีความเป็นคนเพื่อไปเป็นน้อยใคร ทว่า
“เสี่ย!! ทำอะไรน่ะ!!” เสียงตวาดของผู้หญิงร่างท้วมคนหนึ่งดังขึ้น เธอวิ่งออกมาจากห้องพักชั้นล่างสุดที่ด้านหน้านั้นเป็นร้านขายของชำ
“เปล่าจ้ะ...”
“ก็เห็น ๆ อยู่ นังปานแกอ่อยผัวฉันเรอะ!!” กุ้งนางที่มีอายุไล่เลี่ยกับสาวเจ้าเดินเข้ามาใกล้หมายจะยื่นมือไปจิกหัวของปานวาด ทว่าคนเป็นผัวก็ยื่นมือมาคว้าไว้เสียก่อน
หมับ!
“ไม่เอาน่า เสี่ยไม่ได้ทำอะไรหรอก” ปานวาดส่ายหน้าเบา ๆ อย่างอืมระอา เธอมองสองผัวเมียที่ทะเลาะกันเสียงดังเหมือนกับทุกครั้งที่เสี่ยภูผามาคุยกับเธอ ก่อนที่ทั้งคู่จะลากกันเข้าไปในบ้านของตน
“เฮ้อ...” ร่างบางนั่งลงที่ริมฟุตบาทดังเดิม ใบหน้าเล็กนิ่งเรียบ จะเรียกว่าเคยชินจนไร้ความรู้สึกเลยก็ว่าได้ เรื่องนี้เกิดวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า โชคชะตากลั่นแกล้งเธอมาเสมอ ไม่มีเลยสักครั้งที่ทุกอย่างจะง่ายดาย ไม่มีเลยสักอย่าง...ทว่าขณะนั้นเอง
เอี๊ยด...
รถยนต์คันหรูของใครก็ไม่ทราบมาจอดริมฟุตบาท ทำให้ร่างบางของปานวาดลุกขึ้นยืนด้วยความงุนงง คิ้วโก่งเรียวสวยสีน้ำตาลขมวดมุ่น ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“พาขวัญ...” ลูกสาววัยสิบห้าขวบลงจากรถคันหรูคันนั้น โดยมีผู้ชายร่างสูงลงตามมา ซึ่งดูแล้วน่าจะอายุไล่เลี่ยกัน ปานวาดหายใจฮึดฮัดด้วยความโกรธ เธออาบน้ำร้อนมาก่อนทำไมจะไม่รู้ว่าสองคนนี้เป็นอะไรกัน
“พาขวัญ!!” ปานวาดตะคอกเสียงดังลั่นทำเอาเด็กสาวสะดุ้งด้วยความตกใจ เธอเบิกตากว้างพร้อมกับหันไปตามเสียงเรียกนั้น
“แม่...”
“แม่เหรอ...เค้าต้องไปหาแม่ตัวเองหรือเปล่า” เด็กหนุ่มฉีกยิ้มให้กับแม่ของเธอ เขากำลังจะก้าวขาไปหามารดาของแฟนสาว ทว่าพาขวัญกลับเปิดประตูรถพร้อมกับผลักร่างหนาของแฟนหนุ่มให้กลับขึ้นไปบนรถดังเดิม ก่อนที่คนเป็นแม่จะเดินมาถึง
“กลับดี ๆ นะเดี๋ยวเค้าโทรหา”
ปัง!
มาร์ชไม่เข้าใจว่าทำไมพาขวัญไม่ให้เขาไปหาแม่ของตน ซึ่งใบหน้าอ้อนวอนของเธอทำให้เขาไม่กล้าขัดใจ เด็กหนุ่มในวันสิบหกปีขับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ออกไป แม้นว่าตนจะยังไม่มีใบขับขี่ก็ตามแต่
“ใครน่ะ!!” ปานวาดตะคอกเสียงออกมาดังลั่น ใบหน้าของคนเป็นแม่แดงก่ำด้วยความโกรธ ก่อนที่เธอจะมองเห็นลำคอของลูกสาว
“แล้ว...คอลูก” ปานวาดหายใจไม่ทั่วท้อง บริเวณคอของลูกสาวเป็นรอยจ้ำเลือด ดูก็รู้ว่าไปทำอะไรกันมา หญิงที่ผ่านประสบการณ์มาทุกรูปแบบอย่างเธอทำไมจะไม่รู้ ปานวาดยื่นมือไปคว้าคอเสื้อนักเรียนของคนเป็นลูก ทว่า
“อย่ายุ่ง!” พอฝ่ามือของคนเป็นแม่ยื่นมา พาขวัญก็ปัดทิ้งทันที “ทำไม! กลัวหนูจะท้องคาโรงเรียนเหมือนแม่หรือไง”
“พาขวัญ...”
“หึ แม่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ หนูไม่โง่เหมือนแม่!!” ปานวาดตาโตไม่คิดว่าลูกสาวจะต่อว่าตนได้ แถมยังมองเธอราวกับรังเกียจ ท่าทีก้าวร้าวของอีกฝ่ายทำให้คนเป็นแม่ฟาดแส้ไม้ใส่แรง ๆ ที่ต้นแขนของพาขวัญเพื่อสั่งสอนให้รู้เรื่อง
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
“โอ๊ย! หนูเจ็บนะแม่!”
“ทำไมทำตัวแบบนี้ อึก ทำไมไม่เชื่อแม่ แล้ว...ได้กันไหม แม่ถามว่าได้กันไหม!!”
“อย่ายุ่ง...” พาขวัญไม่ได้สนใจว่าคนเป็นแม่จะร้องไห้มากแค่ไหน เธอว่าพร้อมกับคว้าฝ่ามือของคนเป็นแม่ไว้ แววตาแข็งกร้าวของพาขวัญทำให้ปานวาดมือไม้อ่อนแรง เธอทิ้งตัวลงพื้นพร้อมกับร่ำไห้ออกมาด้วยความเสียใจ เลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด...