บทที่ 10 พ่อของหนู 2

1465 คำ
...พาวินท์กระตุกยิ้มให้กับความทรงจำ เขาขอเป็นแฟนกับเธอได้ปีกว่า ระยะเวลาเพียงเท่านั้นก็ทำให้เขาไม่สามารถรักใครได้อีก อานุภาพของรักแรกมันแรงมากจริง ๆ ครืดด ครืดด~ อยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของปานวาดก็ดังขึ้น คนตัวโตรีบคว้ามาดูทันที เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกดรับ ติ๊ด! [ปานไม่มาทำงานเหรอ...] พาวินท์ขมวดคิ้ว เขาหันไปมองนาฬิกาบนผนังห้อง ก่อนจะข่มเปลือกตาปิดลงเมื่อเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาตีสี่ เธอทำงานตั้งแต่ตีสี่เลยอย่างนั้นหรือ “ไม่ไปแล้วครับ เธอไม่ไปแล้ว” [อ้าว!! ทำไมล่ะ ว่าแต่ใครล่ะเนี่ย] “ผัวปานวาดครับ ผัวเธอรวยมากแต่เธอไม่บอกใคร” พาวินท์ว่าอย่างไม่ต้องคิด ทำเอาต้นสายที่โทรมาตกใจ แต่ก็ไม่ทันว่าอะไรอีกเพราะชายหนุ่มกดตัดสายไปเสียก่อน “หึ ถ้าดื้อมากจะใช้ท่าไม้ตาย...” พาวินท์ว่าอย่างนึกโมโห เขามองโทรศัพท์เส็งเคร็งของเธอด้วยสายตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด รู้อยู่แก่ใจว่าเขาร่ำรวยมากแค่ไหน แต่กลับไม่มาเรียกร้องอะไร หากเป็นหญิงอื่นคงกระเตงลูกมาหาเขาแล้ว แต่เป็นเธอที่โคตรดื้อด้าน “หึ...” เพราะอย่างนี้เขาถึงชอบเธอมากไง พาวินท์ส่ายหน้าเบา ๆ เขากดโทรศัพท์ของเธอโทรหาลูกสาวอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวไม่รับ ทว่ารอบนี้กลับรับเสียอย่างนั้น ติ๊ด! [ฮัลโหลแม่ วันนี้วันเสาร์หนูไปเที่ยวกับมาร์ชนะแม่] “ห้ะ! อยู่กับใครนะ ผู้ชายเหรอ!” [ใครเนี่ย! แม่...แม่หนูอยู่ไหน!!] พาวินท์ตาโตด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำคำนี้จากปากเด็กสาววัยสิบห้าขวบ จะว่าอาบน้ำร้อนมาก่อนก็ได้ เขาเดาออกว่าลูกสาวไปนอนอยู่กับผู้ชาย “กลับ! ฉันเป็นพ่อหนู” [อะไรนะ!!] “จะให้คนไปรับ อยู่ไหน” พาวินท์ว่าอย่างเดือดดาลในใจ ซึ่งเสียงของเขาทำให้ปานวาดรู้สึกตัวตื่น เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ “คุณ...” ชายหนุ่มหันหน้าไปมองเธอ ปานวานยกมือขึ้นหาเขา ซึ่งพาวินท์ยังคุยกับคนเป็นลูกไม่แล้วเสร็จดี ทว่า ติ๊ด! “ฮัลโหล! โธ่เว้ย!...” ลูกสาวกลับกดตัดสายไปเสียก่อน ทำเอาพาวินท์กัดฟันกรอด ลมออกหูด้วยความโกรธ เขาหันไปมองใบหน้าซีดเซียวของเธอ “ทำไมถึงให้ลูกไปกับผู้ชายแบบนั้น!” ปานวาดขมวดคิ้ว เธอมองโทรศัพท์ในมือของเขา ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองรอบกายพร้อมกับความรู้สึกวาบหวิวราวกับทั้งเนื้อทั้งตัวไม่ได้สวมใส่อะไร “คุณทำอะไรฉัน” “ปาน เธอเลี้ยงลูกยังไง...” ปานวาดเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา น้ำตาไหลออกมาอย่างช้า ๆ ด้วยความรู้สึกเสียใจ เขาถามมาได้ว่าเธอเลี้ยงลูกยังไง... “คิดว่าฉัน อึก อยากให้เขาเป็นแบบนี้หรือไง” พอเห็นน้ำตาของเธอเขาก็ใจเย็นลงวูบทันที พาวินท์อยากเอามือตีปากตัวเอง มันไวกว่าความคิดเสมอ “ยิ่งบังคับก็ยิ่งไปกันใหญ่ ยิ่งพูดก็ยิ่งต่อต้าน พูดอย่างกับไม่รู้ว่าวัยนี้เป็นยังไง” “_” “ฉันเลี้ยงเขาไม่ดีฉันรู้ แต่ฉันพยายามมากแล้ว ฮึก...” พาวินท์กลืนน้ำลายลงคอก่อนจะนั่งลงบนที่นอนข้าง ๆ เธอ ถึงคราวนี้หญิงสาวก็เพิ่งสังเกตว่าเขาอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำและเธอก็ตัวเปลือยเปล่า “คุณทำอะไรฉัน” พาวินท์เลิกคิ้วสูง ก่อนจะกระตุกยิ้มออกมาเบา ๆ “รำลึกความหลังมั้ง” ทว่า เพียะ! “อ่า เจ็บชะมัด” ฝ่ามือบางกลับตวัดใส่ใบหน้าของเขาด้วยความรวดเร็ว ทำเอาใบหน้าซีกซ้ายชาวาบทันที ก่อนที่เขาจะหันไปมองหน้าเธออย่างช้า ๆ ด้วยแววตาปีศาจ “ตบ...แล้วก็จูบหรือเปล่า” “เหอะ! ถ้าคุณทำอะไรฉันแล้วล่ะก็...” “หึ...แล้วเธอมั่นใจแค่ไหนถึงมาตบหน้าฉัน! คิดว่ามีดีมากหรือไง ผิวก็แห้ง ตามตัวมีแต่รอยแผลเป็น ตัวก็ผอม...มั่นใจแค่ไหนถึงคิดว่าฉันจะเอาเธอลง” ปานวาดอ้าปากเหวอทันที ไม่คิดว่าเขาจะเอ่ยพูดออกมาแบบนี้ ขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด แม้นจะพูดอย่างนั้นแต่เขากลับรู้สึกตรงกันข้ามทุกอย่าง “มีผู้หญิงหลายร้อยรอถ่างขาให้ฉัน มีดีนักหรือไงถึงคิดว่าฉันจะทำอะไรเธอ!” “หึ ไม่รู้สิ ก็มีดีพอให้คนบางคนกอดขาอ้อนวอนล่ะมั้ง” “ปานวาด!” “พาวินท์!!” ชายหนุ่มกัดฟันกรอดทันที กอดขาอย่างนั้นหรือ เธอคงหมายถึงเรื่องในอดีตที่เขากอดขาอ้อนวอนไม่อยากให้เธอทิ้งไป...แม้แต่ตอนนี้เขายังอยากกอดขาเธอเหมือนเดิม พาวินท์ไม่ปฏิเสธสิ่งที่เธอพูดเลยสักคำ “เธอมันไม่ได้มีอะไรดีไง ฉันถึงโกรธตัวเองที่ยังรักเธอ...” เขาว่าพร้อมกับเอื้อมมือไปคว้าต้นแขนของเธอพร้อมกับออกแรงบีบอย่างแรง “รักเหรอ...รักของคุณมันสะกดยังไง สะกดแบบที่มีข่าวกับผู้หญิงทุกวันหรือเปล่า หึ!..” “แล้วไม่รู้หรือไงว่ากำลังประชดอยู่ เธอบอกเองนี่ว่าฉันมันเจ้าชู้...” “ก็จริง...เลว” “_” พาวินท์จ้องเขม็งเข้าในนัยน์ตาของเธอ เขาโกรธจนควันออกหู “อยากรู้ไหมว่าเลวมันเป็นยังไง อยากรู้ไหม!” “จะทำอะไร...กรี๊ดด พาวินท์!!” พาวินท์กระโดดขึ้นเตียงทันทีที่พูดจบ เขาขึ้นคร่อมเธอก่อนจะจูบปิดริมฝีปากบางให้สาสมที่เธอด่าเขา...จะได้ไม่โดนด่าฟรี ๆ “อื้ออ~” ฝ่ามือบางทั้งสองข้างยกขึ้นดันไหล่หนา แต่แรงอันน้อยนิดก็ไม่อาจต้านพละกำลังเหนือสตรีได้ พาวินท์จูบเธออย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ปล่อยให้เธอได้พักหายใจแม้แต่น้อย ...ริมฝีปากบางเฉียบบดขยี้ริมฝีปากรูปกระจับของคนตัวเล็กกว่า เขาใช้เขี้ยวฟันขบลงที่ริมฝีปากล่างให้เธอให้เธอเผยอริมฝีปากให้ ซึ่งปานวาดก็ขัดขืนเต็มกำลังก่อนจะยกเข่าน้อย ๆ ขึ้นแทงใส่เจ้าโลกของเขา ปึก! “โอ้ว~ ซี๊ดดด ปาน!” พาวินท์หน้าเขียวทันที เขานอนตัวงอพร้อมกับกุมเป้าตัวเอง “อึก ลูกพ่อ...” “หึ สมน้ำหน้า!” ปานวาดว่าพร้อมกับยกหลังมือขึ้นเช็ดริมฝีปาก เธอขยี้แรง ๆ ราวกับรังเกียจนักหนา ขณะที่ความปวดหนึบกลางกายของคนตัวโตไม่หายไปสักที พาวินท์จุกเกินจะเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา ...ก่อนที่ปานวาดจะรู้ตัวว่าเธอกำลังเปลือยหน้าอกต่อหน้าต่อตาเขาหลังจากผ้าห่มได้เลิกออกไป ปล่อยให้สายตาคมได้เลื่อนลงมองตามไปด้วย เธอยกมือขึ้นปิดทันที แต่ก็ไม่ทันคนตาไว... “หัวนมตั้งซะด้วย มีอารมณ์เหรอ...” “ไอ้บ้า!!” ปานวาดดึงผ้าห่มขึ้นก่อนที่เธอจะคว้าเอาหมอนใบใหญ่ปาใส่หน้าเขาอย่างแรง ตุบ! “โอ๊ย! จะฆ่ากันหรือไง!...” พาวินท์คว้าหมอนใบใหญ่ไว้ทันที ก่อนจะปาใส่เธอคืนอย่างแรง ตุบ! “เหอะ! นี่นาย...ตีฉันเหรอ?” “เอ้อ! คิดว่าฉันจะยอมเธอหรือไง ทำไม...รู้ว่าฉันรัก แล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ...ปานวาด” “_” “ฉันจะเอาเธอมาเป็นเมียให้ได้เลยคอยดู” “บ้า! ไอ้บ้า ขยับออกไปเดี๋ยวนี้...ฉันจะไปทำงาน” ปานวาดไม่อยากเสวนากับคนไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าตอนนี้พาขวัญกลับห้องหรือยัง อีกอย่างเจ๊เล้งคงถามหาเธอแล้ว “ไม่ต้องไป...ไม่ต้องทำงาน” ปานวาดหันหน้ามามองเขาอีกครั้ง เธอมองตาขวางใส่เขาทันที มองแบบขยี้ ๆ อีกด้วย “ถ้าไม่ทำงานจะเอาอะไรกิน” “มาเป็นเมียฉัน!” “ห้ะ...” “มาเป็นเมียฉัน...ฉันจะเลี้ยงเธออย่างดี ไม่ต้องไปทำงานลำบากลำบนอีกต่อไป...” ปานวาดเหยียดยิ้มมุมปาก ก่อนที่เธอจะปาหมอนอีกใบใส่หน้าเขาอีกครั้ง ตุบ! “ให้ฉันตายยังง่ายกว่า” หญิงสาวไม่เคยคิดอยากพึ่งพาเขาแต่ไหนแต่ไร เธอต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง เลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ไม่คิดหวังพึ่งผู้ชายอย่างเขา...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม