16 ปีที่แล้ว...
“วินท์เอาไอ้นั่นมาด้วยหรือเปล่า...” ภายในโรงแรมม่านรูด ความอยากรู้อยากลองทำให้เด็กหนุ่มจูงมือแฟนสาวเข้ามายังโรงแรมแห่งนี้ แม้นว่าทางโรงแรมจะมีกฎไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดปีเข้ามา แต่เขาก็หอบเงินมาเป็นตั้ง ๆ จนเจ้าของม่านรูดอนุญาตในที่สุด
“เอามาสิ...นี่” พาวินท์ว่าพลางล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงเพื่อเอาถุงยางอนามัยออกมาให้สาวเจ้าดู ใจดวงน้อยของปานวาดสั่นไหว ดวงตากลมโตช้อนมองร่างหนาด้วยความรู้สึกตื่นเต้นระคนหวาดกลัวในคราเดียวกัน
...ใบหน้าใสเกลี้ยงเกลา ผิวบอบบางสีชมพูระเรื่อด้วยเลือดฝาด ใบหน้าของปานวาดเล็กนิดเดียวแต่กลับมีพวงแก้มน่าฟัด เธอเอียงคอด้วยความเขินอายเมื่อถูกแฟนหนุ่มจ้องมองไม่ละสายตาด้วยเสน่ห์หาที่ไม่อาจเลี่ยงได้
“ปาน...กลัวเหรอ”
“อืม...ไม่เคยนี่”
“วินท์ก็ไม่เคย...” เด็กหนุ่มยิ้มให้เธอบาง ๆ เขาและเธอนั่งหย่อนขาที่ปลายเตียง เลือดในกายหนุ่มพลุ่งพล่าน มันสูบฉีดจากหัวใจที่กระหน่ำเต้นรัวและเร็ว พาวินท์ขยับใบหน้าเข้าใกล้เธอ เขายกมือรั้งท้ายทอยเล็กไว้เมื่อเธอเริ่มหดคอหนี ชายหนุ่มแตะริมฝีปากลงเบา ๆ
“หึ....” ทั้งคู่ยิ้มให้กัน แม้นว่าสิ่งนี้จะเรียกว่าแตะริมฝีปากเพียงเท่านั้นแต่เขากับเธอก็รู้สึกดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พาวินท์ขยับกายแนบชิดร่างบางราวกับมีคลื่นแม่เหล็กดึงดูดเข้าหาอย่างอัตโนมัติ ลำคอของเขาแห้งผาก
“เดี๋ยววินท์ถอดเสื้อให้” ปานวาดไม่ได้ว่าอะไร ร่างบางอ่อนปวกเปียก หญิงสาวอยากลองและอยากให้เขาเป็นคนแรกของชีวิต
“...สวยจัง” หน้าอกของเธอเพิ่งตั้งเต้าได้ไม่นาน มันไม่ได้ใหญ่มากเหมือนกับหนังผู้ใหญ่ที่เขาดูมา พาวินท์มองหน้าอกอวบของเด็กสาววัยแรกรุ่นหลังจากถอดเสื้อของเธอออกพร้อมกับเสื้อชั้นใน
“เค้าอายอ่ะ...วินท์อย่ามองนานสิ” เธอยกมือขึ้นดันแผ่นอกของเขาให้ห่างจากกาย เมื่ออีกฝ่ายจ้องมองหน้าอกของเธอราวกับว่าถูกอกถูกใจนักหนา ซึ่งชายหนุ่มก็ขยับเข้าหาอย่างเก้ง ๆ ก้าง ๆ ไม่ประสีประสาเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างไม่เคย จะจับอะไรก็ไม่ถนัด
“หึ...งั้นเค้าจะต้องถอดด้วย” เด็กหนุ่มว่าเสร็จก็ลุกขึ้นถอดเสื้อออก ซึ่งสาวเจ้าก็เห็นบ่อยครั้งเพราะเขาชอบถอดเสื้อโชว์กล้าม แม้นจะไม่ใหญ่โตเหมือนกับนายแบบ แต่ก็เป็นรูปร่างที่เท่มากในสายตาของเธอ ซึ่งร่างของเขายังไม่หนามากด้วยอายุเพียงแค่สิบหกปี
...พาวินท์ขึ้นคร่อมหญิงสาว เขาค่อย ๆ ดันให้เธอนอนราบบนที่นอน ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากจุดไหนก่อนดี จูบริมฝีปากเบา ๆ ไปก่อนอย่างนี้...จูบจนเผลอสอดลิ้นเข้าไป หลังจากนั้นมันก็ไม่ต่างจากไฟบนน้ำมันที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เพราะอย่างนี้กระมังเขาถึงบอกว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ จุดปุ๊บติดปั๊บทันที
...พาวินท์วางมือลงที่หน้าอกอวบขนาดพอดีมือ เขาลูบเบา ๆ เพราะกลัวว่าเธอจะเจ็บ ความนุ่มนิ่มที่ร่างกายชายไม่มีอย่างเขาทำให้เจ้าของร่างหนาตื่นเต้น เขาบีบ เขานวด เขาคลึงเบา ๆ ยิ่งบีบ ยิ่งนวดก็ยิ่งเคลิ้ม...
“อื้ออ~ วินท์”
“เจ็บเหรอ...”
“ปะ เปล่า รู้สึก...แปลก ๆ น่ะ” ปานวาดหอบหายใจใต้ร่างหนา เธอเม้มริมฝีปากให้เขาได้สัมผัสตัวเธออย่างอ้อยอิ่ง เขาเป็นชายที่เธอรัก หญิงสาวยอมให้เขาทุกอย่าง
“หอมจัง...หอมไปทั้งตัวเลยปาน” ยิ่งพูดเขาก็ยิ่งสูดดมกลิ่นกายจากซอกคอเธอเพิ่มมากขึ้น พาวินท์จูบเบา ๆ ที่ต้นคอระหง ทำให้เธอรีบดันไหล่ของเขาออก
“มีรอยหรือเปล่า...ถ้าทำแบบนี้จะมีรอยไม่ใช่เหรอ”
“หืม...มีจริงด้วย”
“แย่แล้ว...พ่อปานเห็นแน่เลย” ปานวาดผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจ แต่พาวินท์ก็ส่ายหน้าบอกเธอ
“ไม่ใหญ่มาก เดี๋ยวมันก็หายมั้ง” ดวงตากลมโตสบกับดวงตาคมสีนิลดำนี้ ปานวาดเอนตัวลงนอนดังเดิม เธอเชื่อเขาแม้นว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันจะหายไปจริงหรือไม่
...พาวินท์ลูบเนื้อตัวนุ่มนิ่มนี้ สรรพางค์กายของเธอน่าสัมผัสไปทุกสัดส่วน มันนุ่มนิ่มต่างจากกายบุรุษอย่างเขา
“อื้ม...สวยจัง” ปานวาดเขินอายให้กับคำชมนี้ เธอโตเร็วกว่าอายุมาก ผิวพรรณก็ถูกดูแลมาอย่างดี
“วินท์...” หญิงสาวพึมพำเรียกชื่อเขาเมื่ออีกฝ่ายไล่จมูกลงสัมผัสเนื้อตัวของเธอ เด็กหนุ่มตื่นเต้นกับประสบการณ์รักครั้งแรกของตน ใจของเขาเต้นตุบตับเลยก็ว่าได้
“อื้ออ...” เช่นเดียวกับเจ้าของร่างบางที่บิดเร้าลำตัวด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ร่างบางสั่นระริกเมื่ออีกฝ่ายรูดกางเกงขาสั้นของเธอออก
“อึก...” พาวินท์กลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออกจนหมด
“วินท์...อย่ามองสิ~” สายตาคมของเขาไล่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า พาวินท์ใจเต้นตึกตัก ขณะที่ปานวาดก็ได้หนีบขาไว้ทันที
“หึ...” เขาหัวเราะอย่างคนกำลังเอ็นดู ชายหนุ่มหยัดกายขึ้นเต็มความสูง เขารูดกางเกงของเขาพร้อมกับบ๊อกเซอร์ลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้ปานวาดรีบหันหน้าหนีทันที
“มองสิ...จะได้หาย ๆ กัน” เขาว่าอย่างไม่อายปาก ขณะที่อีกคนเขินจนไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรแล้ว พาวินท์กอบกุมแก่นกายของตนไว้ เขาชักรูดเบา ๆ มันกำลังแข็งเป็นลำพร้อมออกรบเต็มที
“อ่า...” เด็กหนุ่มครางออกมาเบา ๆ ก่อนที่ปานวาดจะกล้าหันมามองในที่สุด เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนจะหลับตาปี๋เมื่อมองเห็นอาวุธลับของเขา
“หึ...” พาวินท์หัวเราะออกมาอีกครั้ง ท่าทีของแฟนสาวช่างน่ารักน่าเอ็นดู “วินท์ขอนะ ปาน...”
“หืม?” ปานวาดหันมาสบตากับเขาอีกครั้ง ใบหน้าเล็กของคนทั้งคู่แดงซ่านด้วยเลือดฝาดของวัยเลือดร้อน ก่อนที่ปานวาดจะพยักหน้าให้เขา
“ปานรักวินท์นะ...”
“ครับ วินท์ก็รักปาน สัญญาว่าจะรักปานคนเดียวจนตายเลย” พาวินท์พูดออกมาจากใจ ก่อนที่เขาจะคว้าซองถุงยางอนามัยมาฉีก
...ชายหนุ่มฉีกซองถุงยางอนามัยก่อนที่เขาจะนำมาสวมใส่แก่นกายแข็งขืนนี้ตามที่ตนได้ศึกษามา ทว่า
“อ่า...”
“ไม่ได้เหรอ...” ปานวาดก้มหน้ามองแก่นกายของเขา แม้นว่าจะเขินอายแต่พอเห็นเขาทำหน้าเหยเกเธอก็อยากรู้ว่าเพราะอะไร
“มันเล็ก 54 ไม่ได้เลยมันแน่น...” เด็กหนุ่มพยายามแล้ว พอมันแข็งได้ที่มันใหญ่กว่าตอนที่เขาสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองเสียอีก
“ทำไงดี วินท์มีแค่นี้เหรอ”
“อื้ม...อ่า เจ็บ”
“พะ พอแล้วมันเจ็บไม่ใช่เหรอ” ปานวาดนึกสงสาร เหงื่อของพาวินท์แตกพลั่กเลยทีเดียว “ไว้วันหลังก็ได้”
“ไม่เอาอ่ะ เค้าอยากมากเลย” พาวินท์มองหน้าเธอ เด็กหนุ่มอยากรู้อยากลองและอยากได้เธอมาก เขาใจหวิวเลยเมื่อได้ยินเธอว่าอย่างนี้ ซึ่งใบหน้าเสียใจของเขาทำให้ปานวาดใจอ่อนในที่สุด
“งั้น...กะ ก็ได้” เธอว่าเสร็จก็เอนตัวลงนอนให้เขาอีกครั้ง ปล่อยให้เด็กหนุ่มได้ทำตามที่เขาต้องการโดยไม่ได้สวมเครื่องป้องกัน...
ทว่า...ปัจจุบัน
“คุณพาวินท์! คุณพาวินท์คะ!”
“อ๊ะ...ครับ?” ร่างหนาสะดุ้งโหยงหลุดออกจากภวังค์ความคิดเมื่ออยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงตะคอกเรียกชื่อของตน
“ฉันเรียกตั้งนานค่ะ” เจ้าของชื่อมองผู้หญิงสะสวยตรงหน้าด้วยแววตาเรียบนิ่ง เธอเพิ่งเดินเข้ามาในคอนโดมิเนียมของเขา “ฉันไข่มุกที่เลขาฯของคุณติดต่อให้มาหาน่ะค่ะ”
“อ้อ...ครับ”
“ว่าแต่คุณนัดฉันมาพบทำไมคะ คุณจะเลี้ยงฉันอย่างที่เลขาฯของคุณบอกเหรอคะ” พาวินท์เม้มริมฝีปากเล็กน้อย เขายกปลายนิ้วขึ้นมาลูบริมฝีปากอย่างใช้ความคิด เมื่อครู่เขากำลังหวนคิดถึงอดีต วันที่เขาพลาดอะไรบางอย่างกับอดีตคนรัก พาวินท์ส่ายหน้าเบา ๆ ให้กับเจ้าหล่อน
“ไม่แล้วครับ เดี๋ยวผมให้คนโอนเงินค่าเสียเวลาให้” ชายหนุ่มว่าอย่างไม่ยี่หระ เรื่องก่อนหน้านี้ทำให้เขาเปลี่ยนความคิดใหม่ ทว่าสิ่งที่เขาพูดกลับทำให้หญิงสาวคนนี้โกรธขึ้นมา
“หมายความว่าไงคะ! คุณเห็นหน้าฉันแล้วไม่อยากเลยงั้นเหรอ เหอะ!!” พาวินท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาส่ายหน้าเบา ๆ ปฏิเสธสิ่งที่เธอพูดว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด แต่เป็นเพราะเขาคิดว่าตนมีลูกแล้วต่างหาก...
“ไม่ใช่ครับ ไว้ผมติดต่อไป” ไข่มุกมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตายินดีแม้นจะไม่พอใจแต่ก็ต้องเก็บไว้ข้างในเพื่อเอาใจอีกฝ่าย เธออุตส่าห์ดีใจจนเนื้อเต้นที่ได้ยินว่าเขาติดต่อมา หากว่าได้คบหาเจ้าตัวจะมีโอกาสไปได้ไกลถึงดวงดาวที่ใฝ่ฝัน ตำแหน่งพรีเซนเตอร์สินค้าในเครือฯเดอะเกรทเธออยากได้มัน
“ติดต่อมาจริง ๆ นะคะ…” ไข่มุกว่าเสียงอ่อนหวานก่อนที่เธอจะเดินนั่งข้าง ๆ เขา ทว่าชายหนุ่มกลับผุดลุกขึ้นยืนเสียอย่างนั้น ทำเอาหญิงสาวหน้าแตกทันที
พรึ่บ!
“ครับ...แต่ตอนนี้ผมติดงาน…” อยู่ ๆ ก็มีความรู้สึกผิดเกิดขึ้นกับเขา พาวินท์เกรงว่าตนจะพลาดอะไรบางอย่างไป หากเป็นเช่นนั้น…ปานวาดคงรู้สึกแย่
“วินท์!! คุณพาวินท์!!” พาวินท์ไม่ได้อยู่คุยกับเธอ เขาร้อนรนใจรีบวิ่งออกจากห้อง ยิ่งนั่งคิดก็ยิ่งแน่ใจ ยิ่งรู้สึกว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของเขาจริง ๆ
รถคันหรูวิ่งมาจอดเทียบหน้าบ้านอดีตคนรักในเวลาเกือบเช้าแล้ว พาวินท์เปิดประตูลงจากรถแต่ไม่ได้เข้าไปภายในบ้านของเธอ เนื่องด้วยบิดาของเธอหมายหัวเขาไว้นานแล้ว
“ป้าครับ…” พาวินท์มองเห็นหญิงวัยกลางคนเจ้าของร้านขายของชำที่ลุกมาเปิดร้านตั้งแต่เช้ามืด
“ว่าไงพ่อหนุ่ม หลงทางเหรอ” พาวินท์ส่ายหน้าเบา ๆ เขาเดินเข้าใกล้ร่างท้วมของเธอ
“เปล่าครับ ผมมาหาปานวาดน่ะครับ…” คุณป้าเจ้าของร้านชำตาโตขึ้นทันที เธอขยับเข้าใกล้พร้อมกับยกปลายนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองส่งสัญญาณให้พ่อหนุ่มคนนี้เงียบเสียงไว้ ทำเอาพาวินท์มึนงง...ตกใจไปกันใหญ่
“อย่าเสียงดังเชียว เดี๋ยวท่านนายพลได้ยินแล้วเป็นเรื่อง”
“ครับ? ทำไมครับ...” พาวินท์ใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เขากลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอด้วยความรู้สึกบางอย่าง
“ก็หนูปานหนีออกจากบ้านนานแล้ว...”
“อะไรนะครับ!”
“ได้ยินว่าท้องนะ ท่านนายพลก็คงอายล่ะมั้ง เป็นถึงนายพลมีลูกน้องหลายคนแต่ลูกสาวกลับท้องไม่มีพ่อ คนเขาลือกันว่าลูกสาวไม่ฟังคำสอนของคนเป็นพ่อ แล้วอย่างนี้ใครจะไปฟังอะไรท่านได้...คุณ คุณ! พ่อหนุ่มได้ยินไหมเนี่ย...เป็นอะไรไปแล้ว”
“_” พาวินท์ตัวแข็งทื่อ เสียงของป้าร้านขายของชำดังอื้ออึงในหูของเขา ราวกับว่ารอบกายหยุดเคลื่อนไหว ใจของเขาแทบสลายเมื่อลางสังหรณ์บางอย่างบอกกับเขาว่าเธอท้องลูกของเขาแน่นอน
“แล้ว...อึก ตอนนี้เธออยู่ไหนครับ”
“พูดได้ละเหรอ นึกว่าเป็นอะไรไปซะแล้ว...”
“...เธออยู่ไหนครับป้า”
“ป้าไม่รู้สิ วันนั้นเห็นทะเลาะกันใหญ่โตถึงกับชักปืนขึ้นขู่ แต่มันก็นานแล้ว...ต๊ายแล้ว มันกี่ปีแล้วนะ...ถ้าจำไม่ผิดก็สิบห้าปีที่แล้ว ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไงแล้วล่ะ ไม่ตายก็คงตกระกำลำบากน่าดู...เฮ้อ พูดแล้วยังสงสารจับใจไม่หาย...” ป้าเจ้าของร้านชำว่าพร้อมกับใบหน้าสลด ขณะเดียวกันสิ่งที่เธอพูดทำเอาคนได้ยินหัวใจสลายทันที
...พาวินท์ยกมือขึ้นเสยผม แข็งขาของเขาอ่อนแรงราวกับจะล้มลง ชายหนุ่มคิดมาตลอดว่าเธอคงอยู่สุขสบายหลังจากบอกเลิกเขาไป ไม่คิดว่าเธอ...จะมีลูก
แล้ว...เธอมีชีวิตอยู่อย่างไรในตอนนี้