บทที่ 7 ท่านประธาน

1340 คำ
ปานวาดมาทำงานด้วยแววตาเหม่อลอย ข่าวคราวของเขาคนนั้นยังบอกอยู่เลยว่าเขาอยู่ต่างประเทศ ภาวนาไม่ให้เป็นเขาที่เข้ามาทักลูกสาวของเธอ ซึ่งเมื่อคืนพาขวัญก็บอกว่าไม่ได้หลุดปากพูดอะไรออกไป กาลเวลาหมุนผ่าน...พาวินท์เป็นลูกชายมหาเศรษฐีที่มีข่าวอยู่เรื่อย ทำให้หญิงสาวบังเอิญได้ยินและรับรู้ข่าวสารของอีกฝ่ายมาโดยตลอด ซึ่งใบหน้าของเขาต่างไปจากตอนเป็นวัยรุ่นมาก อาจจะเป็นเพราะอยู่เมืองนอกเมืองนา ทั้งอาหารการกิน ทั้งเวลาต่างนำพาให้เขาเปลี่ยนไป แต่ชื่อพาวินท์ เกียรติภูมิก็ยังคงติดตัวเขามาโดยตลอด “ฉันไม่รู้จักเธอ...บ้าไปแล้วหรือไง!! ม่านฟ้า...อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้” “หึ...ผู้ชายหลอกลวง” ปานวาดพึมพำออกมาเมื่อนึกถึงคำพูดของเขาในวันนั้น ทว่าเสียงของเธอกลับทำให้เพื่อนชายอย่างแมนได้ยิน “อะไรเหรอ ด่าใคร...ไอ้เสี่ยเวรนั่นยังไม่หยุดอีกเหรอ” ปานวาดได้สติ หญิงสาวหันไปมองเพื่อนชายที่ยืนทำงานอยู่ข้างกาย “เปล่าหรอก เสี่ยภูผาไม่ทำอะไรฉันหรอก รายนั้นกลัวเมียจะตายชัก...” “แล้วเธอบ่นใครล่ะ ใครกันหลอกลวง?” “ก็...” คนหลอกลวงคนนั้นไง ปานวาดส่ายหน้าอย่างเอือมระอาที่ไม่สามารถสลัดความคิดเกี่ยวกับอดีตของเธอกับเขาคนนั้นได้เลย แม้นว่ากาลเวลาจะหมุนผ่านไปกว่าสิบห้าปีแล้ว “ช่างเถอะงั้น เมื่อเช้ามาไม่ทันหัวหน้าพูดอีกแล้วใช่ไหม...” “แฮะ ๆ รถเมล์มาช้าอ่ะเลยมาสาย แล้วหัวหน้าว่ายังไงบ้าง” “หึ มาสายอีกแล้ว ไม่มีอะไรหรอก...เห็นบอกว่าท่านประธานจะมาดูไลน์ผลิตนะ บอกให้เราอยู่เงียบ ๆ อย่าโผล่หัวออกมา ใส่หน้ากากปิดหน้าแล้วก็อย่ามองท่านประธานด้วย” “อ่อ...โอเค” ปานวาดไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก พวกเธอไม่มีโอกาสได้เห็นใบหน้าของท่านประธานหรอก ก่อนหน้านี้เขาก็มาดูงานแล้วหลายครั้ง ไม่ใช่แค่ท่านประธานแต่ท่านรองประธานก็เคยมาดูงานด้วย เงาของพวกเขาเธอไม่มีโอกาสได้เห็นหรอก “เอ๊ะ? ไหนบอกว่าท่านประธานหายตัวไปไม่ใช่เหรอ” “ชู่ว~ อย่าเสียงดังสิ ไม่รู้ว่ะ...อาจจะกลับมาแล้วล่ะมั้ง” ใบหน้าเล็กพยักหน้าหงึกหงักรับ หญิงสาวทราบเพียงแค่ว่าท่านประธานคือพี่ชายของเขาคนนั้น จากข่าวที่เห็นผ่าน ๆ ตามทีวีบอกเธอว่าบริษัทนี้มีทายาทสามคน ซึ่งสองคนแรกเธอไม่เคยเห็นออกทีวีเลย มีแค่พาวินท์ที่ได้ยินข่าวอยู่ทุกวัน ส่วนใหญ่จะเป็นข่าวกับผู้หญิง แถมเจ้าตัวก็ขยันสร้างข่าวเสียเหลือเกินราวกับกลัวว่าเธอจะไม่รู้ว่าเขานั้นเจ้าชู้มากเพียงใด “ว่าแต่...เอารางวัลไปขึ้นเงินยัง” “หืม...อ้อ! จริงด้วย พอดีเมื่อวานกดรับงานแม่บ้านน่ะ เลยยังไม่ทันได้ไป” ปานวาดว่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนเจ้าตัวจะนึกอะไรบางอย่างออก “โอ๊ย!! แย่แล้ว” “หืม...” “ฉันลืมลอตเตอรี่ไว้ในกระเป๋าเสื้อกันเปื้อน!!” “ห้ะ...เอาไปซักด้วยไม่ใช่เหรอเมื่อวาน” ได้ยินอย่างนั้นเปลือกตาบางก็ข่มลงด้วยความรู้สึกเสียดาย ทว่า “แต่...น่าจะอยู่ในห้องแม่บ้าน เธอลองไปดูก่อนไหม เขาน่าจะยังไม่เอาไปซัก” “จริงด้วย งั้นฉันขอฝากงานด้วยนะ...” ปานวาดถอดถุงมือก่อนที่เธอจะเดินไปหาหัวหน้างาน “ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” ร่างบางรีบวิ่งไปที่ห้องแม่บ้านหลังจากที่หัวหน้างานพยักหน้าให้ ซึ่งพอไปถึงก็เห็นผ้ากันเปื้อนกองพะเนินอยู่บนพื้น “อยู่ไหนนะ...” ปานวาดรื้อผ้ากันเปื้อนของตนอยู่นาน แต่ก็ไม่พบแม้นว่าแผนกของเธอจะมีป้ายชื่อปักไว้ก็ตามแต่ “หาอะไรน่ะหนูปาน...” ฝ่ามือบางชะงักไปเมื่อเสียงของแม่บ้านดังขึ้น เธอหันไปมองในทันที “ป้าเห็นลอตเตอรี่ไหมคะ...” “ไม่นะ ป้ากลับด้านก็ไม่เห็นอะไรเลย เจอแต่ปากกาน่ะสิ บอกแล้วไม่มีใครฟังป้าเลยว่าอย่าเอาปากกาใส่กระเป๋าผ้ากันเปื้อน เฮ้อ...จริง ๆ เลย” ปานวาดคอตกทันที หญิงสาวอุตส่าห์ดีใจจะได้พาบุตรสาวไปกินชาบู แต่ที่ไหนได้...ลอตเตอรี่ดันหล่นหายไปเสียก่อน หลายวันต่อมา... “ที่โรงเรียนบอกว่าเธอไม่ได้เรียนต่อครับบอส ส่วนโรง’บาลทั่วประเทศที่เราไปค้นหาประวัติของเด็กหญิงพาขวัญ เกษามานะ...เธอมีแม่ชื่อปานวาดจริง ๆ ครับ” พาวินท์ไม่แปลกใจที่ได้ยินว่าเด็กสาวคนนั้นคือลูกสาวของปานวาด เพราะเขารับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้จากตัวของเธอ “ส่วนโรงเรียน...ขอเวลาอีกสักหน่อยนะครับ คนของเรายังไม่เจอครับ” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมา นึกเสียดายที่วันนั้นไม่ได้ดูว่าเด็กสาวเรียนที่ไหน ซึ่งการแต่งกายแบบนั้นก็มีโรงเรียนรัฐบาลเท่านั้น แต่โรงเรียนรัฐบาลในประเทศนี้ก็ไม่ใช่น้อย ๆ “...ไปได้ละ เดี๋ยวจะไปหาพี่คินณ์สักหน่อย” ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้หนานุ่ม ตั้งแต่พี่ชายฝาแฝดคนกลางกลับมาทำงานเขาก็สบายมากขึ้นเป็นเท่าตัว ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมคนเป็นพ่อถึงไม่เลือกพาคินณ์ให้เป็นประธานบริษัททั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายเก่งบริหารมากถึงเพียงนี้ ...พาวินท์เดินเข้าไปในห้องทำงานของคนเป็นพี่โดยไม่ได้เคาะประตู ก่อนจะเห็นว่าพี่ชายของตนกำลังทำมิดีมิร้ายเลขาสาวฯที่ไม่นานอีกฝ่ายจะมาเป็นเมียของเขาในอนาคต “ทำอะไรกัน...” “พะ พี่พาวินท์...” ม่านฟ้ารีบดึงคอเสื้อของตนที่ร่นลงขึ้นทันที เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน “ไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะ” “หึ...ขอคุยกับพี่คินณ์ก่อน” พาวินท์เลื่อนสายตาไปมองพี่ชายที่ยังคงนอนแผ่หลาเสื้อผ้าหลุดลุ่ยอยู่บนโซฟาภายในห้องทำงานของตน “ไรวะ คิดว่าเป็นประธานแล้วจะเข้าห้องใครไม่เคาะประตูก็ได้งั้นเหรอ” พาคินณ์ว่าอย่างเซ็ง ๆ ก่อนจะโดนน้ำเสียงเซ็ง ๆ ของคนเป็นน้องตอบกลับ “แล้วไม่ได้เหรอ...” พาวินท์ว่าอย่างไม่ใส่ใจ เพียงเขาเสนอไปว่าม่านฟ้าจะมาเป็นเลขาฯให้ พาคินณ์ก็รีบตอบรับข้อเสนอทันที “ทำตัวแบบนี้ไงเธอถึงไม่ใจอ่อนให้พี่สักที ที่ผมให้พี่กลับมาทำงานก็เพื่อเปิดโอกาสให้เอาชนะใจเธอให้ได้” “ทำไมวะ มึงดู...ยัดเยียดแปลก ๆ ก่อนหน้านี้มึงไม่ได้คิดแบบนี้ไม่ใช่เหรอวะ” พาวินท์ใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม พาคินณ์พูดถูก ตอนแรกเขาอยากใช้งานพี่ชายเลยใช้ม่านฟ้ามาล่อให้มาช่วยทำงาน แต่ตอนนี้เขาอยากให้พี่ชายเอาชนะใจเธอให้ได้เสียแล้ว “ผมรู้สึกว่าผม...มีลูกแล้วว่ะ” “ห้ะ...” “ไม่อยากแต่งงานแล้ว” “กูไม่เข้าใจ” “ช่างมันเถอะ จะมาบอกแค่นี้แหละ เอาชนะใจม่านฟ้าให้ได้ก่อนถึงวันแต่งงานละกัน ผมไปละมีไปดูไลน์ผลิตสินค้าข้างนอก” พาวินท์ไม่ได้อยู่รอฟังคำถามร้อยแปดจากพี่ชาย ซึ่งปัญหาของพาคินณ์ก็คือ...ม่านฟ้ารักพี่ชายคนโตของเขา มันใช่แค่นิสัยเสีย ๆ ของเขาเอง...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม