...ปานวาดยอมกินข้าวกับเขาเพื่องาน ด้วยอายุที่มากขึ้นทำให้เธอไม่อยากหางานใหม่ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเดินหางานในวัยเลขสามเช่นนี้
“กินสิ...” เขาเอ่ยพูดขึ้นเมื่อไม่เห็นว่าเธอจะตักอะไรกิน ด้านหน้ามีอาหารจากภัตตาคารหรูที่ชายหนุ่มสั่งให้มาส่งที่คอนโดมิเนียมของเขา มันละลานตาจนไม่รู้ว่าจะเริ่มตักกินจากตรงไหนก่อนดี
“กิน...ฉันตักให้”
“อย่ายุ่ง”
“อย่าดื้อ...ผอมจะตายอยู่แล้ว”
“มันเรื่องของฉัน...”
“จะเป็นเรื่องของเธอคนเดียวได้ไง เรื่องของฉันด้วยต่างหาก เป็นห่วงนะโว้ย!” พาวินท์ขึ้นเสียง เขาเป็นห่วงจนกินนอนไม่ได้มาหลายวันตั้งแต่รู้ว่ามีลูก
“เป็นอะไร ทำตัวอย่างกับวัยรุ่น” ปานวาดส่ายหน้าเบา ๆ เขาโตแค่ตัวจริง ๆ ทว่าคำพูดของเธอกลับทำให้พาวินท์กระตุกยิ้มอย่างคนพออกพอใจ
“คิดถึงความหลังอ่ะดิ...” ปานวาดชะงักฝ่ามือที่กำลังตักอาหาร เธอส่ายหน้าเบา ๆ ไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด นั่งกินข้าวเงียบ ๆ พยายามไม่แสดงสีหน้าออกมาว่าอาหารตรงหน้ามันอร่อยมากแค่ไหน
“เรื่องพาขวัญ...ทำไมเธอไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ทำไมยังนั่งนิ่งทั้ง ๆ ที่ฉันเพิ่งบอกว่าเธอไปกับผู้ชาย...” ปานวาดเงยหน้าขึ้นมองเขา เธอจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตานิ่งเรียบยากจะคาดเดา
“มันเป็นความสุขเดียวของเธอ...ถ้าคุณเห็นหน้าเธอตอนพูดถึงเด็กผู้ชายคนนั้นคุณจะไม่อยากบังคับเธอเลย ฉันพาพาขวัญไปฝังยาคุมแล้ว” หญิงสาวว่าอย่างอ่อนแรง นี่แหละคือสิ่งที่เธอต้องการจากคนเป็นพ่อในตอนนั้น หากพ่อให้ความสนใจเธอมากกว่านี้ หากท่านแนะนำเธอดี ๆ พาเธอไปฝังยาคุมเรียนรู้เรื่องเพศโดยไม่บังคับตบตี มันก็คงไม่ออกมาเป็นแบบนี้ ซึ่งตอนนั้นเธอเด็กเกินไปที่จะรู้เรื่องราวแบบนั้นด้วยตัวเอง แต่กลับไม่มีใครแนะนำ แถมเอาแต่ตบตี
“ฝังยาคุม?”
“_”
“อ่า...เสียใจชะมัด” พาวินท์รู้สึกเสียใจพอรู้ว่าลูกสาวเสียตัวแล้ว อยู่ ๆ ก็เจ็บจี๊ดแม้ไม่ได้เลี้ยงมากับมือ ความรู้สึกนี้กระมังที่เป็นสายใยพ่อลูก
“ห้ามไม่ได้หรอก...คุณก็รู้ดีนี่” ปานวาดประชด เพราะเขาเองก็ชอบเอาเปรียบเธอบ่อย ๆ ในตอนนั้น ซึ่งวัยรุ่นเป็นวัยที่พูดยากที่สุดแล้ว
“เฮ้อ...เธอน่าจะบอกฉันสักหน่อย” พาวินท์สบตากับเธอ ปานวาดคงเลี้ยงลูกมาอย่างยากลำบาก ไม่ใช่แค่เงิน แต่ต้องคอยรองรับอารมณ์การเปลี่ยนแปลงของเด็กวัยรุ่นด้วย
“...เราเลิกกันไปแล้ว มันจบแล้ว”
“ลูกล่ะ อย่างน้อยก็ให้ฉันทำหน้าที่พ่อ...”
“คุณไม่ใช่พ่อเขา”
“ไม่จริง หึ...อย่าโกหกเลยหน่า ครั้งแรกของเราฉันยังจำได้ดี...เธอท้องตั้งแต่ตอนนั้น”
“_”
“อึ้ง อึ้ง พูดไม่ออกเลยล่ะสิ” ปานวาดไม่อยากพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว เธอนั่งกินข้าวโดยมีสายตาของเขามองพร้อมกับทำปากคว่ำด้วยความน้อยใจที่เธอไม่สนใจแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มตักอาหารให้เธอเมื่อเธอยื่นมือไม่ถึง
“คิดถึงมากเลยรู้เปล่า”
“_”
“มันแย่มากที่ฉันรู้ว่าเธอมีลูก ลำบากเลี้ยงลูกคนเดียวแต่เธอก็ไม่อยากมาเรียกร้องอะไรจากฉัน...”
“_”
“เพราะเธอไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับฉันอีก...” เขาว่าน้ำเสียงน้อยใจ พาวินท์กำลังพร่ำเพ้อขณะที่อีกฝ่ายกำลังทำหูทวนลม
“_”
“ใครมาทำลายข้าวของของเธอ แล้วเธอจะอยู่ยังไง...ฉันซื้อคอนโดให้เอาไหม” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาตาขวาง เธอไม่อยากเจอหน้าเขาแล้ว ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่อยากเซ้าซี้อะไรมาก เขาคิดว่าคนที่จะช่วยเขาได้คือลูกของเขาเอง
“ขอเบอร์พาขวัญหน่อย”
“ไม่ให้ อย่าคิดยุ่งวุ่นวายกับเธอ” ในที่สุดปานวาดก็ปริปากพูดกับเขาจนได้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะคว่ำปากลงอย่างคนนึกหมั่นไส้
“ไม่มีอะไรห้ามฉันได้เธอก็รู้” ปานวาดจ้องเขาเขม็ง ไม่อยากมีปากเสียงกับเขาเพราะอาหารที่เขาสั่งมามันอร่อยมาก เธอไม่ได้กินอะไรแบบนี้มานานมากตั้งแต่หนีออกจากบ้านมา
“กินอีกสิ อิ่มละเหรอ”
“พูดมาก...” หญิงสาวพึมพำออกมา ก่อนจะตักข้าวเข้าปากอีกครั้ง ทำเอาชายหนุ่มนึกขันแต่ก็ต้องเก็บอารมณ์ไว้ในใจ ก่อนที่เจ้าหล่อนจะหันไปมองนาฬิกาบนผนังก็เห็นว่าเหลือเวลาเพียงสองชั่วโมงก็จะถึงเวลาทำงานแล้ว
พรึ่บ!
“ไปไหน...” ปานวาดไม่ตอบเล่นเอาชายหนุ่มโมโหอีกครั้ง “แล้วจะไปไง มีเงินหรือไง”
กึก!
“กระเป๋าตังค์ฉันล่ะ คุณไม่ได้เอามาด้วยเหรอ”
“มีอยู่สองร้อยน่ะนะ”
“นายค้นกระเป๋าฉัน!” พาวินท์ย่นจมูกใส่เธอ เดี๋ยวก็เรียกคุณเดี๋ยวก็เรียกนาย อดใจไม่ไหวอยากให้เธอเปลี่ยนสถานะเรียกผัวในเร็ววัน
“ก็แค่เปิดดู ไม่ได้ค้นสักหน่อย”
“แล้ว...แล้วอยู่ไหน”
“ไม่ได้เอามาด้วย ก็มันมีไม่กี่ร้อย” เขาว่าอย่างไม่ยี่หระ แต่ความจริงแล้วนั้นชายหนุ่มเอากระเป๋าเธอมาด้วยเพราะมันมีบัตรประจำตัวของเธอ หากทิ้งไว้ที่นั่นก็คงไม่ดี แต่ที่ไม่บอกก็เพราะอยากจะใช้เป็นข้ออ้างในการไปส่งเธอ
“แล้ว...”
“ฉันจะไปส่งเธอ...”
“ไม่ต้อง”
“ทำไม”
“_” ปานวาดคิดอยากให้แมนมารับ แต่พอมองดูเวลาแล้วอีกฝ่ายก็คงกำลังไปส่งลูกไปเรียน
“หึ ไม่มีทางเลือกหรอกน่า...รถเท่ ๆ กับฉัน สาว ๆ อยากนั่งด้วยทั้งเมือง”
“ก็เชิญไปนั่งกับสาว ๆ ให้หนำใจ ฉันไม่อยากนั่งด้วย!!”
“อ้าว...ไหงเป็นงั้น” พาวินท์ว่าจะโอ้อวดสักหน่อย แต่กลับโดนสาวเจ้าโมโหใส่ ก็ดูเขาพูดสิ...ไม่พ้นเรื่องผู้หญิงจริง ๆ
“ชิ๊...”
“แต่ยังไงเธอก็ต้องไป ถ้าจำไม่ผิดงานโรงงานน่าจะเก้าโมงเช้าไหมนะ ไหนจะอาบน้ำ ไหนจะแต่งตัว ไหนจะนั่งรถไป ถ้าเธอไปสายโดนหักอีกนาทีละสี่สิบห้าบาท ว้าว...เหลือไม่กี่บาทต่อวัน”
“พูดมาก จะไปส่งก็อย่าลีลาสิ!” ปานวาดโมโหคนท่ามากคนนี้เต็มที ซึ่งคำพูดของเธอทำให้พาวินท์ยิ้มแฉ่งรีบวิ่งไปคว้ากุญแจรถเพื่อไปส่งเธอ...
ขณะเดียวกันที่เกาะล้านซึ่งเป็นเกาะที่หนุ่มสาวมักมาเที่ยวในวันหยุด ด้วยความที่ไม่ไกลจากตัวกรุงเทพฯ พาขวัญได้รับข้อความจากคนเป็นแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าตัวส่งข้อความไปถามว่าแม่อยู่กับใคร ทำไมมีผู้ชายใช้โทรศัพท์
“ทำไมทำหน้างั้นอ่ะ ไม่สนุกเหรอ...” มาร์ชเอ่ยถามแฟนสาว ก่อนที่พาขวัญจะส่ายหน้าปฏิเสธเบา ๆ
“สนุกสิ แต่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”
“เรื่องอะไรเหรอ”
“ก็...ไม่มีอะไรหรอก” หญิงสาวไม่อยากพูดถึงคนที่ใช้โทรศัพท์คนเป็นแม่โทรมาหาก่อนหน้านี้ เขาบอกว่าเป็นพ่อเธอ...แต่แม่ของเธอบอกว่าคนเป็นพ่อตายไปแล้ว
“ยิ้มหน่อยนะงั้น เค้าชอบที่ตัวเองยิ้มที่สุดเลย”
“หึ ยิ้มแบบนี้เหรอ” พาขวัญฉีกยิ้มกว้างให้กับแฟนหนุ่มได้เห็น รอยยิ้มพิมพ์ใจของเธอทำเอาเด็กหนุ่มใจละลาย
“น่ารักที่สุด” มาร์ชเอื้อมแขนมาโอบเอวบาง โดยที่ทางด้านหลังของเขามีกระเป๋าเป้ใบใหญ่สำหรับมาเที่ยวทะเลหนึ่งคืนสองวันกับแฟนสาว
ทว่า
ครืดด ครืดด~
เสียงโทรศัพท์ของเขากลับดังขึ้นเสียก่อน เด็กหนุ่มล้วงออกมาดูก่อนจะเห็นว่าเป็นเบอร์ของคนเป็นแม่ ไม่รอช้าที่เขาจะกดปิดเครื่องไป แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของพาขวัญ
“ทำไมไม่รับอ่ะ” มาร์ชยิ้มให้กับคำถามนี้ เขาไม่ได้บอกเธอเรื่องที่แม่ของเขาไม่ชอบเธอ เด็กหนุ่มไม่อยากให้คนเป็นแฟนเสียใจ
“ก็แม่แค่โทรมาบอกเป็นห่วงแหละ ไม่มีอะไร”
“เหรอ...นั่นสิ เรายังไม่เคยเจอพ่อแม่มาร์ชเลย” เด็กหนุ่มชะงักฝ่าเท้า เขากลืนน้ำลายลงอย่างยากลำบากด้วยความหนักใจ
“พ่อแม่ไม่ค่อยว่างน่ะ ช่วงนี้งานยุ่ง ๆ”
“อ้อ...”
“ขวัญเข้าใจเค้าใช่ไหม”
“เข้าใจสิ ว่าแต่...มาร์ชจะพาเราไปหาพ่อแม่เมื่อไรล่ะ” คำถามของเธอช่างตอบยากตอบเย็น เขายังไม่อยากให้เธอเจอพ่อแม่เขา ซึ่งมารดาพูดอยู่ทุกวันบังคับให้เขาเลิกกับเธอ แต่เขาก็ไม่เลิก
“ไว้เดี๋ยวเค้าลองถามพ่อกับแม่ก่อนนะว่าว่างวันไหนกัน” พาขวัญยิ้มรับคำตอบ ถ้าพ่อแม่เขาไม่รังเกียจเธอก็จะดีมาก หญิงสาวอยากให้เป็นอย่างนั้น เพราะถ้าเธอได้แต่งงานกับมาร์ช นอกจากเธอจะสบายแล้ว มารดาก็จะได้ไม่ต้องทำงานหนัก เธอจะได้เอาเงินไปให้แม่เยอะ ๆ อย่างที่อยากทำมาโดยตลอด...