บทที่ 8 ดูแคลน

1370 คำ
...ดวงหน้าใสไร้เครื่องสำอาง เธอจ้องมองใบหน้าของเขาแม้นว่าตอนนี้ทั้งตัวจะสั่นเทาด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้สัมผัสมานาน ปานวาดทำใจดีสู้เสือมองใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาแข็งกระด้างไร้เยื่อใย ขณะที่สายตาคมกำลังไล่มองใบหน้าจิ้มลิ้มนี้อย่างไม่ลดละ เธอมีดวงตากลมโตสีน้ำตาล ใบหน้าเล็กนี้ยังมีเคล้าเดิมของเด็กสาวที่เคยคบหากับเขาเมื่อสิบหกปีที่แล้ว จมูกโด่งรั้นเล็ก ๆ ของเธอรับกับริมฝีปากรูปกระจับอย่างลงตัว ปานวาดมองเขาตาขวางเหมือนกับเด็กสาวในวันนั้น “ปล่อย...” หญิงสาวสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของฝ่ามือหนา เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ทำไมพาวินท์มีสายตาเวทนาเธออย่างนี้ “ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ” “แต่ฉันไม่มี” “ฉันไม่ได้ถามให้เธอปฏิเสธ” “แล้ว?” “ฉันบังคับ” เขาว่าเสร็จก็ยื่นฝ่ามือไปคว้าต้นแขนของเธอพร้อมกับออกแรงลากอย่างแรง แต่ปานวาดก็ไม่ขยับตาม เธอทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นทันที “จะเอายังงี้ใช่ไหม” “บ้าหรือเปล่า ไม่เห็นหรือไงว่าคนมองอยู่” หญิงสาวกัดฟันพูด คนหลายร้อยคนในโรงงานกำลังหันมามองเขากับเธอเป็นตาเดียว ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปมองรอบกาย เขาตะคอกออกมาเสียงดังลั่นทันที “ไม่มีงานทำหรือไง!!!” ทำเอาพนักงานโรงงานสะดุ้งโหยงไปตาม ๆ กัน รีบหันกลับไปทำงานของตัวเองแทบไม่ทัน ซึ่งปานวาดก็อาศัยจังหวะนี้ลุกขึ้นหมายจะเดินหนีคนตัวโตแต่ก็ไม่ทันเมื่อเขาคว้าตัวเธอพร้อมกับอุ้มขึ้นด้วยพละกำลังเหนือสตรี “กรี๊ดดด! ทำบ้าอะไรของคุณ!!” “ทำบ้าไง! ถ้าไม่บ้าก็ไม่ทำแล้ว” พาวินท์สาวเท้าเดินเมื่ออุ้มคนตัวเล็กขึ้นพาดบ่าได้สำเร็จ ขณะที่การกระทำของรักษาการประธานบริษัทนั้นทำเอาทีมบริหารยืนอึ้งกิมกี่ทำอะไรไม่ถูกอยู่กับที่ ...พาวินท์อุ้มร่างบางเข้ามาในห้องของผู้จัดการโรงงาน ซึ่งตอนนี้ผู้จัดการโรงงานก็ไม่รู้ว่าตนควรทำตัวอย่างไรเช่นกัน เขาไม่ได้ตามหลังคนเป็นนายเข้ามา พรึ่บ! “จะตีให้ตายเลยหรือไง” พาวินท์ว่าขึ้นหลังจากปล่อยคนตัวเล็กลงบนโซฟาตัวยาวภายในห้องทำงานนี้ เขาลูบแผ่นหลังของตัวเองปอย ๆ หลังจากถูกปานวาดระดมทุบตีอย่างแรงไปเมื่อครู่ “หึ่ย! ฉันมีงานต้องทำ” หญิงสาวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ถึงกระนั้นส่วนสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบก็ไม่อาจทำให้สามารถมองใบหน้าของเขาที่สูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบแปดนี้ได้ถนัด “หึ...ได้ยินว่าจะโดนไล่ออกนี่” พาวินท์เหยียดยิ้ม ขณะที่สิ่งที่ได้ยินทำเอาปานวาดพูดไม่ออก บรรยากาศรอบกายมาคุทันที ...สายตาคมเลื่อนมองคนตัวเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งสายตาสงสารปนเวทนานั้นทำให้ปานวาดรู้สึกอับอายในสภาพของตัวเอง เธอเป็นฝ่ายบอกเลิกเขาไป แต่ดูสภาพของคนบอกเลิกอย่างเธอสิ...มันทุเรศทุรังสิ้นดี “เธอท้อง...ทำไมไม่บอกฉัน” “_” “ลูกของฉันทั้งคน” ปานวาดกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แสดงว่าวันนั้นที่พาขวัญพูดถึง...เป็นเขาจริง ๆ ด้วย “ไม่ใช่ลูกของคุณ” “หึ...ฉันทำเองกับมือ กับ...” “...ทะลึ่ง!” ปานวาดตาโตเมื่ออีกฝ่ายก้มหน้าลงมองเป้ากางเกงของตัวเอง เพียงแค่นี้ก็รู้ว่าเขาต้องการสื่ออะไร ไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้ออกมาเสียด้วยซ้ำ “หึ...ชื่อพาขวัญซะด้วย เข้าใจตั้งชื่อลูกนะ...ไม่เหมือนชื่อฉันเลยสักนิด” พาวินท์ประชด เพียงแค่นี้ก็รู้ว่าเธอจงใจตั้งชื่อลูกให้คล้องจองกับชื่อของเขา “เพ้อเจ้อ คนในประเทศนี้ชื่อพาขวัญกันหลายร้อยคน” ปานวาดว่าอย่างเลิ่กลั่ก ทำเอาพาวินท์เหยียดยิ้มทันที ปานวาดของเขาไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด “แต่ไม่มีพาขวัญไหนมีพ่อชื่อพาวินท์ใช่ไหมล่ะ...” “_” “ยอมรับมาซะเถอะ พาขวัญเป็นลูกสาวของฉัน” เขาว่าเสียงเข้ม ไม่ว่าจะให้ทำอย่างไรตนก็จะเอาลูกมาเลี้ยงเองให้ได้ “ก็แล้วแต่จะคิด คุณไม่มีสิทธิ์อะไร” “ไม่มีงั้นเหรอ...ฉันเป็นผัวเธอไง” พาวินท์ยังคงถือตนเป็นสามีของเธอแม้นว่าจะเลิกรากันไปแล้ว ทว่า “เราเลิกแล้วกันไปแล้ว...” คำพูดของเธอทำเอาชายหนุ่มของขึ้นทันที “ใช่!! ฉันไม่เคยลืมว่าเธอบอกเลิกฉันยังไง เธอทำฉันเจ็บมากแค่ไหนปานวาด! ฉันไม่เคยลืม...” เขาเค้นเสียงใส่ใบหน้าของเธอ แววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้นทำให้ปานวาดเสมองไปทางอื่น ก่อนที่ชายหนุ่มจะข่มเปลือกตาปิดลงระงับอารมณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ “แต่ลูกฉัน...ไม่ควรอยู่กับผู้หญิงแบบเธอ” “แบบฉัน? แบบฉันมันยังไง มันเป็นยังไง!” ปานวาดหายใจฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจให้กับคำพูดดูถูกดูแคลนจากเขา “_” ชายหนุ่มไม่ตอบ เพียงแค่ไล่สายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งสายตาที่เต็มไปด้วยความเวทนานี้ทำให้เจ้าของร่างบางยกมือทั้งสองข้างขึ้นผลักอกของเขาอย่างแรง ผลั่ก!! “ถึงฉันจะไม่มีปัญญาเลี้ยงเขา อึก...ถึงฉันจะไม่มีปัญญาเลี้ยงเขาให้อยู่ดีกินดีได้ แต่ฉัน...อึก ไม่มีทางทิ้งเขาแน่” น้ำตาไหลอาบแก้มใสทันทีที่พูดจบ หญิงสาวรู้ตัวดีมาโดยตลอดว่าไม่มีปัญญาเลี้ยงดูให้พาขวัญอยู่สุขสบายได้เท่าเขา แต่ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะมองเธอด้วยสายตาเวทนาเช่นนี้ “เธอพูดอย่างกับฉันเป็นฝ่ายทิ้งเธอไป” “_” “ปานวาด...อย่างน้อยเธอน่าจะบอกฉัน” พาวินท์รับรู้จากสภาพของเธอตอนนี้แล้วล่ะว่าเจ้าตัวปากกัดตีนถีบมากแค่ไหน ใบหน้าที่ผอมซูบไร้สีสัน เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยรอบเย็บที่ไม่รู้ว่าขาดมาแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เขาไม่อยากคิดสภาพเลยว่าลูกสาวของเขาจะเป็นอยู่อย่างไร “ฮึก สะใจใช่ไหม คุณคงสะใจน่าดู...มีความสุขดีนี่...หึ กับผู้หญิงพวกนั้น” “_” “คุณมันดีมากหรือไง! คนแบบคุณ...มันดีมากเลยเหรอ” “ไม่ใช่...ไม่ได้หมายความแบบนั้น” พาวินท์ก้าวขาเข้าหาเธอ แต่ร่างบางก็ขยับถอยหนี เธอมองเขาผ่านม่านน้ำตา “ในบางครั้งฉันก็รู้สึกว่าพาวินท์ที่ฉันรู้จักมันไม่มีอยู่จริง จนวันนี้ฉันเข้าใจแล้วว่า อึก...ฉันคิดถูกจริง ๆ” “_” “ไม่ว่าคุณจะมองยังไง ฉันคนนี้ ฮึก...ก็จะทำทุกอย่างเพื่อลูก ไม่ทิ้งไปไหน” ปานวาดว่าพร้อมกับน้ำตาหลั่งริน เขามองเธอแบบนี้มันไม่ผิดหรอก เธอไม่มีปัญญาเลี้ยงลูกได้เท่าเขา แค่นี้ก็รู้สึกแย่มากพอแล้วยังมาเจอสายตาดูแคลนจากเขาอีก “ไม่ใช่ ฉันแค่คิดว่าถ้าพาขวัญ...” พาวินท์กลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรมันก็ดูเป็นการแก้ตัวที่เขาเพิ่งพูดดูถูกเธอไป ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเพดานห้องเพื่อระงับอารมณ์ความรู้สึก ขณะที่ร่างบางก็ได้ก้าวขาเดินออกจากห้องนี้ไปโดยไม่ได้เหลียวหลังมองเขาอีก ซึ่งชายหนุ่มไม่ได้เดินตามอย่างที่อยากทำ...เขาคิดว่าตัวเองควรพักแล้วคิดทบทวนตัวเองเสียก่อน น้ำตาของเธอ... มันยังคงทำให้เขาเจ็บปวดตามไปด้วยเสมอ แม้นมันจะนานมาแล้วก็ตาม...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม