พอลงมาด้านล่างก็ยังเห็นพวกคนเหล่านั้น เธอไม่แปลกใจกับท่าทีที่ทุกคนแสดงออกต่อผู้ชายที่เดินอยู่เบื้องหน้าของเธอเลยสักนิด ทุกคนก้มหน้าลงต่ำ ท่าทางเคารพนบน้อมชัดเจน เพียงแค่ผู้ชายคนนี้ตวัดสายตามองทุกคนก็พร้อมกันหลบ เธอยังมองเห็นท่าทางสั่นกลัวของพวกเขาชัดเจน อยากรู้จริงๆ ว่า คนคนนี้เป็นใครกันแน่ น่ากลัวมากจนไม่มีคนกล้าสบสายตาเลยหรือ แต่ก็นั่นแหละขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อเงินกู้ คงจะเลวชาติชั่วจนถึงที่สุด ดูจากที่เขาทำกับเธอสิ ไม่เห็นว่าเธอเป็นคนเลยแม้แต่นิดเดียว
ใช้เวลาลงมาจากยอดเขาเกือบสามสิบนาที มนรดาก็ได้เห็นเส้นทางคดเคี้ยวที่สามารถใช้รถสัญจรไปมาได้ ใต้ต้นไม้ใหญ่นั้นมีรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งจอดนิ่งสนิทอยู่ โดยไม่ปล่อยให้เธอซักถามสักคำ คนนิสัยเสียป่าเถื่อนโหดร้ายก็ผลักเธอยัดเข้าไปในรถอย่างไม่ปรานี
หญิงสาวลูบข้อมือที่โดนกระแทกเล็กน้อย แล้วนั่งนิ่ง ไม่ว่าเขาจะพาไปลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ที่ไหน ก็จะไม่โอดครวญให้เปลืองน้ำลายแม้แต่นิดเดียว นั่งมาสักพักก็เห็นเขาเลี้ยวลดลงไปยังตีนเขา ผ่านเทือกสวนที่ปลูกพืชหลากหลายชนิด ทิวทัศน์ข้างทางแม้จะน่าดูเพียงใด แต่สิ่งที่เธอเห็นก็ถูกม่านน้ำตาจางๆ ปิดกั้นไว้อีกชั้นหนึ่ง สุดท้ายก็เลือกจะหลับตาลง จนกระทั่งรถจอดสนิทหน้าบ้านไม้ยกใต้ถุนสูง ด้านข้างๆ แวดล้อมด้วยแปลงผักสวนครัวถึงได้ลงจากรถโดยที่ไม่ต้องรอให้เขาลากลงมา
บ้านหลังนี้เงียบสงัด คล้ายกับบ้านไม้บนยอดเขาที่เคยอยู่ แตกต่างก็ตรงที่ มันใหม่กว่า สะอาดกว่า ดูดีกว่าในทุกๆ ด้านเท่านั้น ดูจากเสื้อผ้าที่แขวนตากอยู่บนราวใต้ถุนแล้ว ล้วนเป็นสีและแบบเดียวกับคนใจร้ายสวมใส่อยู่ ถ้าเธอไม่โง่ก็พอจะเดาออกว่ามันคือบ้านพักของเขา
เมื่อเห็นแววตาสำรวจของหญิงสาวแล้ว ปราณนต์ก็พยายามพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ใส่อารมณ์กระด้างจนเกินไป
“ช่วงนี้พักที่นี่ก่อนก็แล้วกัน ถ้าเธอทำตัวดีๆ ไม่คิดก่อเรื่องอีก ฉันจะใจดีพาเธอไปอยู่บ้านที่สะดวกสบายกว่านี้”
หญิงสาวยกยิ้มน้อยๆ “จะอยู่ที่ไหนมันก็ไม่ต่างกันหรอก ในเมื่อการอยู่กับคุณ มันก็เหมือนกับถูกขังคุกทั้งเป็น”
ชายหนุ่มไม่สนใจถ้อยคำประชดประชัน ทำเพียงเดินขึ้นบ้านไปพักผ่อน ปล่อยให้ผู้หญิงปากดียืนหันรีหันขวางอยู่ด้านล่าง สักพักถึงได้ตะโกนลงมา “จะยืนทึ่มทื่ออยู่ตรงนั้นอีกนานไหม หรือลืมไปแล้วว่าหน้าที่ของเธอคืออะไร”
“คุณจะให้ฉันทำอะไร” มนรดากัดฟันถามด้วยดวงตาแดงก่ำ “จะให้ฉันบำเรอคุณในตอนกลางวันหรือยังไง”
“ขึ้นมา”
คำสั่งห้าวเข้มของคนบนบ้านทำให้หญิงสาวอดที่จะกัดปากสั่นระริกของตัวเองจนห้อเลือดไม่ได้ ไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่าเธอต้องมาทำเรื่องแบบนั้นในช่วงเวลาแบบนี้ ช่วงเวลาแดดจ้า พระอาทิตย์ตรงหัว แถมยังเพิ่งผ่านความตายมาหมาดๆ อีกด้วย เธออยากผ่าหัวสมองของผู้ชายคนนั้นออกมาดูยิ่งนัก ว่ามันยังพอมีหัวคิดของความเป็นคนเหลืออยู่หรือเปล่า แต่ก็นั่นแหละต่อให้เฉือนเนื้อเลาะกระดูกออกมา ก็คงเห็นแต่ความเลวร้ายไร้มนุษยธรรมของเขาเท่านั้น
หญิงสาวหลับตาเพื่อข่มกลั้นความเจ็บปวดในอก ลืมตาขึ้นอีกครั้งก็มีแต่ความว่างเปล่า เดินขึ้นบันไดไปทีละขั้นๆ เธอไม่มองรอบตัวเลยแม้แต่หางตา มาถึงหน้าห้องหนึ่งที่ประตูเปิดกว้างเผยให้เห็นเตียงนอนสีขาวด้านในก็ได้แต่เดินเข้าไป
ผู้ชายสารเลวคนนั้นยืนกอดอกอยู่ด้านข้างประตู เพียงเธอก้าวเข้ามาอีกฝ่ายก็เตะบานประตูจนปิดสนิท ทำให้สะดุ้งสุดตัว แต่พอเผชิญหน้ากับเขา ความหวาดกลัวทั้งหลายก็เหลือเพียงเสียงก่นด่าว่าไอ้ชาติชั่วในใจเท่านั้น
ไม่รู้ว่าชาตินี้ทำเวรทำกรรมอะไรไว้ มีพ่อก็เหมือนไม่มี มีแม่เลี้ยงก็ใจไม้ไส้ระกำ พอจะมีโอกาสใช้ชีวิตของตัวเองสักหน่อยก็ถูกขายแลกหนี้สิน และตอนนี้ เจ้าหนี้เจ้าชีวิตก็กำลังจะเก็บดอกผลที่เคยหว่านทิ้งไว้
ปราณนต์กอดอกมองผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ฝืนทำตัวเข้มแข็ง เขาจ้องมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ครู่หนึ่งถึงได้เดินเข้าไปใกล้ ใช้ฝ่ามืออุ่นร้อนข้างหนึ่งไล้ผิวแก้มที่ยังคงเนียนนุ่มของอีกฝ่ายเบาๆ
“สี่ปีมานี้ฉันปล่อยให้เธออยู่อย่างสุขสบาย มีข้าวมีน้ำให้กินไม่ขาด ตอนนี้ถึงเวลาที่เธอจะทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว และเธอก็ควรจดจำไว้ให้แม่นๆ ว่า ห้ามกัดตรงนั้นของฉันอีก แล้วถ้าคิดเผาบ้านหลังนี้ละก็ ฉันจะจับเธอโยนลงกองไฟให้มันมอดไหม้ไปพร้อมๆ กับไม้ทุกแผ่น ข้าวของทุกชิ้น ฉันจะทำให้เธอตายอย่างทรมาน”
“ฉันไม่กลัวตาย!”
เธอตอบกลับมาแถมยังจับจ้องเขาอย่างท้าทาย “อยากฆ่าก็ฆ่า อย่าดีแต่พูด!”
มุมปากของปราณนต์ถึงกับกระตุกเล็กน้อย เขาลืมไปได้อย่างไรว่าในหนึ่งนาทีผู้หญิงคนนี้อยากตายมากกว่าหกสิบครั้ง จึงยิ้มน้อยๆ แล้วเชยคางอีกฝ่ายขึ้น “ฉันให้เธอตายแน่ แต่ต้องตายแบบช้าๆ ตายอย่างทุกข์ทรมาน หรือว่าเธออยากจะฆ่าตัวตายเองก็ย่อมได้ อยากทำอะไรก็ทำเลย แต่จงจำเอาไว้ให้แม่นๆ ว่า หนึ่งครั้งที่เธอฆ่าตัวตาย หนึ่งครั้งที่ฉันช่วยเธอให้รอดตายได้ ฉันจะให้เธอนอนกับผู้ชายแปลกหน้าหนึ่งคน ฆ่าตัวตายสิบครั้งก็โดนสิบคน”
“คุณมัน...”
“ยังอยากตายอีกไหม”
มนรดาเบือนหน้าหนี ตอนนี้ถ้าเธออยากตายก็คงบ้าไปแล้ว
“อ้อ!”
ปราณนต์ยิ้มน้อยๆ “เมื่อกี้ในลำธารนั่นเธอก็ฆ่าตัวตาย และฉันเป็นคนที่ช่วย ดังนั้นเธอก็ต้องนอนกับฉัน ทำตัวดีๆ อยู่ใต้ร่างของฉัน ถ้าทำให้ฉันพอใจละก็ หลังจากนี้อีกเจ็ดวัน ฉันจะยอมปล่อยให้เธอหนีไปสักครั้ง”
“หนี”
“ใช่ หลังจากเจ็ดวันเธอจะไปไหนก็ได้ ฉันจะไม่ห้าม”
“คุณพูดจริงนะ”
“แน่นอน ถ้าเธอมีความสามารถก็ไปได้เลย ฉันสาบานว่าถ้าเธอหนีไปได้ จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเธออีก”
มนรดาจ้องดวงตาดำเข้มของเขาเขม็ง คล้ายกับว่ากำลังค้นหาสิ่งที่เขาอาจปิดบังซ่อนเร้น แต่เมื่อเห็นเพียงแววตาราบเรียบของเขาก็ได้แต่พยักหน้าตกลง หลังจากนั้นก็ทำเพียงเดินเข้าไปใกล้เขาอีกก้าว แล้ววางมือสัมผัสกับหน้าท้องแข็งแกร่งที่มีเนื้อผ้าบางเบาปกปิด ก่อนจะดึงชายเสื้อขึ้นสูงแล้วเหวี่ยงมันลงไปกองกับพื้น สิ่งที่เธอต้องทำในตอนนี้มีเพียงเรื่องเดียวก็คือ...ใช้ร่างกายบำเรอให้เขาพอใจ