Chapter 17 ดักจับหนู
‘โฮะ! หมอนี่ ใจแคบแล้วยังไม่พอยังมาหลอกด่าฉันอีก’ ทั้งที่โกรธ แต่ฉันก็พยายามปั้นยิ้มและอธิบายต่อ
“แต่ตรงนี้มันเป็นพื้นที่ถนนนะคะ”
“พื้นที่ถนนแต่อยู่ในบริเวณหน้าบ้านของผม” เขาตอบกลับหน้าตาย หันมาหานรานิล
“คุณจะมาโทษผมไม่ได้ เพราะผมเตือนคุณแล้ว แต่ผู้หญิงเห็นแก่ตัวชอบเบียดเบียนผู้อื่นอย่างคุณคงจะคิดว่าผมเห็นแก่ตัวและใจดำ” เขาบอกและเดินผิวปากกลับเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้ฉันกับนรานิลยืนโมโหตัวสั่นเพราะทำอะไรไม่ได้อยู่ตรงนั้น
“ไอ้!...” นรานิลกำหมัดดิ้นเร่าด้วยความโมโห ฝากแววตาคาดโทษเอาไว้ตามหลัง ฉันรีบเดินเข้าไปหาเพื่อนและกระซิบถามอีกครั้ง
“แกเคยมีเรื่องกับเขามาก่อนเหรอ”
“อือ...หมอนั่นเป็นทนายและเป็นเจ้าของสำนักงานทนายความ ถึงได้หัวหมอยกกฎหมายมาขู่ฉันตลอดเวลาไงล่ะ”
“มันก็ไม่น่าจะทำขนาดนี้หรือเปล่า บอกฉันดีๆ ฉันก็เข้าใจนะ” ฉันบอกอย่างหัวเสีย ต้องเสียเวลาไปโรงพักอีก
“หมอนั่นตั้งใจจะแกล้งฉันแหละ”
“แกล้งกันไปแกล้งกันมาแบบนี้ ถ้าตกหลุมรักกันสักวันฉันจะขำให้ เห็นมาหลายรายแล้วนะแก คู่ปรับจับมารัก”
“แหวะ! ไม่ไหวหรอกย่ะ ฉันไม่มีวันเอาหมอนั่นมาทำผัวเด็ดขาด ผู้หญิงทรงเสน่ห์แห่งปีอย่างฉันไม่ตาต่ำขนาดนั้นหรอก แต่สาบานได้ว่าฉันจะตามจองล้างจองผลาญหมอนั่นไปตลอดปีตลอดชาติ”
“อาฆาตแรงขนาดนั้นเลยเหรอวะแก”
“เรียกว่ากรวดน้ำคว่ำขัน เผาพริกเผาเกลือสาปแช่งกันเลยดีกว่า”
“โห ขนาดนั้นเลย แบบนี้หรือเปล่าแกถึงต้องย้ายสำนักงานไปอยู่ข้างนอก”
“อือ...ฉันถอยมาก้าวนึงแล้ว แต่หมอนั่นก็ไม่ยอมหยุด ไม่ยอมอะลุ่มอล่วยในฐานะเพื่อนบ้านที่จะพึ่งพาอาศัยกันได้เลยสักนิด” นรานิลหันหน้าไปมองรั้วบ้านเจ้ากรรมและบอกออกมาอย่างโกรธแค้น หันไปมอง อรอินทร์ตาขวาง พายุเปลี่ยนทิศ
“ทำไมเพิ่งจะมาบอก”
“อรก็เพิ่งจะเข้ามาเจอตอนที่รถถูกยกเหมือนกันค่ะ” อรอินทร์ตอบเจ้านายเสียงอ่อย
นรานิลสบถออกมาอย่างหัวเสีย หยิบกุญแจรถและพาฉันไปที่โรงพัก ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงกว่าที่จะจัดการเรื่องราวเสร็จ กลายเป็นว่าแผนนัดเพื่อนกินข้าวพังพับไม่เป็นท่า หัวข้อสนทนาระหว่างฉันกับนรานิลกลายเป็นคิดแผนและหาวิธีการเอาคืนหนุ่มทนายความข้างบ้านแทน
เช้าวันทำงานในวันต่อมา...ฉันเงยหน้าขึ้นจากเอกสารรายงานการดำเนินการเปิดตัวโครงการของฝ่ายประชาสัมพันธ์ ปกติฉันไม่เคยใส่ใจกับบริษัทที่ว่าจ้างให้ถ่ายทำโฆษณา แต่วันนี้ฉันเหลือบไปเห็นชื่อของหนึ่งในสองของว่าที่สามีของฉันติดเครดิตพ่วงท้ายวีดีโอนำเสนอด้วย
“นี่บริษัทของฉันเคยใช้งานบริษัทโฆษณาของตาหม่อมหลวง เพลย์บอยทำงานด้วยหรือเนี่ย”
...คิดออกแล้ว ฉันยิ้มให้กับความคิดชั่วร้ายของตัวเองอย่างเจ้าเล่ห์ งานนี้ฉันจะต้องได้คืนทบต้นทบดอก ตอบแทนสายตาหมางเมินและวาจาเหยียดหยามของคุณ
“พี่พิมพ์ เข้ามาหาดาวหน่อยค่ะ” ฉันกดอินเตอร์คอมเรียกเลขาหน้าห้องเข้ามาทันที
“สักครู่นะคะดาว”
หลังจากนั้นไม่นานฉันก็ได้ยินเสียงเคาะและประตูก็ถูกเปิดออก พิมพ์วราเดินเข้ามาพร้อมกับแท็บเล็ตพร้อมที่จะรายงานและจดรายละเอียดตามคำสั่งของเจ้านาย
“ดาวอยากได้รายละเอียดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาย้อนไป 5 ปีหลัง พร้อมกับรายการบริษัทที่เราเคยใช้บริการทั้งหมดค่ะ”
“ดาวจะเปลี่ยนเหรอคะ หรือว่าไม่พอใจตรงไหนหรือเปล่า พี่จะได้เรียกผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสารการตลาดมาพบ”
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสารการตลาดที่พิมพ์วราพูดถึงคือ พินทุอร ลูกน้องที่ขึ้นตรงกับฉัน เธอเข้ามาช่วยดูแลงานในส่วนนี้หลังจากที่พ่อเลื่อนตำแหน่งให้ฉันมาเป็นรองประธานและมอบหมายงานให้มากขึ้น ฉันจึงต้องหาผู้ช่วยมาทำด้านประชาสัมพันธ์และดูแลงานสื่อประชาสัมพันธ์ขององค์กร
นั่นก็หมายถึงเวลา 5 ปีที่ฉันวางมือจากแผนกประชาสัมพันธ์และให้ “พินทุอร” ผู้จัดการคนใหม่ดูแลแทน
“ไม่เป็นไรค่ะ ดาวแค่อยากรู้รายละเอียดบางอย่างเท่านั้นเอง”
“งั้นพี่จัดการให้นะคะ ดาวอยากได้อะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า”
“ขอแค่นั้นก่อน ขอบคุณค่ะพี่พิมพ์”
เสียงโทรศัพท์ดังแทรกขึ้นมาขัดจังหวะ ฉันพยักหน้าให้พิมพ์วราเป็นเชิงบอกว่าเสร็จธุระ เมื่อเลขาสูงวัยกว่าเดินออกไปจากห้องฉันจึงกดรับโทรศัพท์ คนที่โทรเข้ามาคือเพื่อนรัก
“ว่าไงพราว”
“คุณทาริกานัดดินเนอร์เธอเย็นนี้ เธอสะดวกมั้ยดาว” พราวลดายังใช้สรรพนามเรียกขานว่าที่แม่สามีว่าคุณด้วยความยำเกรง แม้ว่าท่านจะเอ็นดูเธอเหมือนลูกสาวก็ตาม
หัวใจของฉันเต้นโครมครามเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนนัดหมาย แน่นอนว่าฉันนับวันรอท่านติดต่อมาทุกวัน วันนี้ความฝันของฉันกำลังจะเป็นจริง
“โอเค ฉันสะดวก กี่โมงนัดมาได้เลย”
“6 โมงเย็นที่โรงแรมของเธอ”
“ได้จ้ะ ขอบใจมากเพื่อนเลิฟ”
น้ำเสียงตื่นเต้นของฉันคงจะปิดพราวรดาเอาไว้ไม่มิด ปลายสายถามกลับมาทันทีอย่างเป็นกังวล “เธอคิดจะทำอะไรกันแน่ดาว”
“ฮ่าๆ” ฉันหัวเราะร่วนออกไปตามสายอย่างอารมณ์ดี “บอกเธอแล้วมันจะสนุกอะไรล่ะ แต่สัญญาว่าฉันจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน”
“โอเค”
“เพื่อนรักของเธอไปฮันนีมูนกลับมาหรือยังล่ะ”
“ป่านกลับมาทำงานวันนี้”
“ฉันควรจะไปเจอหน้าเพื่อนหลังกลับมาจากฮันนีมูนเนอะ อยากรู้ว่ายัยป่านถูกเติมน้ำเข้าไปจะมีน้ำมีนวล มีความสุขฉ่ำปอดมากขนาดไหน”
“ฉันว่าอย่าเพิ่งไปยุ่งกับป่านเลย กลับมาก็งานท่วมหัวแทบไม่ได้ลุกจากโต๊ะทำงาน”
“เพราะอย่างนั้นสิฉันถึงต้องไปเห็นกับตา”
“ฉันขอนะดาว”
“เธอก็รู้ว่าห้ามฉันไม่ได้นะพราว แค่นี้แหละ แล้วเจอกัน” ฉันแกล้งยั่วพราวลดาต่ออย่างสนุก เดาว่าพราวลดาต้องโทรไปบอกเจ้าแม่นักจัดฉากวิวาห์ก่อนล่วงหน้าแน่ๆ
แต่หลังจากวางโทรศัพท์ฉันก็นั่งทำงานต่อ โดยไม่สนใจที่จะทำอย่างที่บอกกับพราวลดาไปด้วยซ้ำ
พิมพ์วรากลับเข้ามาในห้องพร้อมกับเอกสารที่ฉันขอภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง พิมพ์วราทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำแบบนี้เสมอ
ฉันใช้เวลาช่วงบ่ายในการดูรายละเอียดของฝ่ายประชาสัมพันธ์ และนั่นทำให้ฉันเห็นความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นภายใน 2 ปีหลังมานี้
“แพงขนาดนี้ยังจ้างอีกเหรอ หรือว่าดีกว่าบริษัทเดิมจนต้องจ่ายแพงขึ้น ก็ไม่น่าจะใช่นะ” ฉันพึมพำกับตัวเอง ในขณะที่อ่านรายงานไปด้วย