Chapter 6 ทำความรู้จักกับเขา
หม่อมหลวงเทวานุพงศ์ลุกขึ้นยืนและจัดสูทให้เรียบร้อย ยิ้มให้ พินทุอรอีกครั้งพร้อมกับส่งการ์ดใบเล็กให้เธอ
“เย็นนี้เจอกันนะครับคนสวยของผม”
เขาทิ้งสายตายั่วยวนทําปากเป็นสัญลักษณ์จูบ
“ค่ะ” พินทุอรตอบรับอย่างเอียงอาย มองตามแผ่นหลังสูงออกไปอย่างมีความหวัง สักวันเธอจะได้ยืนเคียงข้างเขา
‘สักวัน ฉันจะเขี่ยผู้หญิงทุกคนของคุณทิ้งและเป็นที่หนึ่งเพียงคนเดียว’
หม่อมหลวงเทวานุพงศ์ยิ้มร้าย วันนี้เขาทำรายได้ 8 หลักเข้าบริษัทอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเสียเวลาเจรจาต่อรอง การจะตอบแทนคนที่อำนวยความสะดวกให้งานราบรื่นเป็นสิ่งที่เขาควรกระทำที่สุด
อีกฟากของมหานครกรุงเทพฯ
ฉันค่อยๆ ย่อตัวลงนั่งบนเตียงด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง “ฉันจะมีวิธีการไหนไปทำความรู้จักกับหม่อมหลวงเทวานุพงศ์กับคุณทวิชกันเล่า ในเมื่อชีวิตมีแต่คำว่างานกับงาน”
“เฮ้อ! สงสัยกรรมจะตามสนองฉันแล้วล่ะป่าน” เรื่องราวเมื่อวานยังติดตา ในขณะที่ตัวเองก็กำลังเผชิญชะตากรรมที่ไม่ต่างกัน
ช่องทางที่จะทำให้ฉันรู้จักกับผู้ชายทั้ง 2 คนคืออากู๋(Google) ญาติผู้ใหญ่ของฉันที่ปรึกษาได้ทุกเรื่องตลอดเวลา ตั้งแต่สมัยเรียน จนกระทั่งจบมาทำงาน
“อากู๋ช่วยดาวหน่อยนะคะ เอาเรื่องหม่อมหลวงเทวานุพงศ์ก่อนก็ได้ค่ะ ดูมีสกุลรุนชาติมากกว่า เผื่อจะได้วังมาเป็นสินสอดอย่างที่พ่อว่า แต่ดาวไม่ได้หวังสมบัติหรอกนะคะ แค่ก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองเท่านั้น” ฉันเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่หัวเตียงของตัวเองมาเปิดค้นหาข้อมูล
ภาพที่อยู่บนหน้าจอคือผู้ชายหน้าตาดีที่โพรไฟล์ก็ไม่ได้เลวร้าย เขามีข่าวสัมภาษณ์และขึ้นปกหนังสือมานับไม่ถ้วน
“แต่ทำไมเขายังไม่แต่งงาน” ความสงสัยทำให้หลุดคำพูดออกมา นั่นทำให้ฉันยิ่งอยากรู้จักเขามากยิ่งขึ้น
ผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่ฉันจดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรศัพท์เครื่องเล็ก เรื่องราวของหม่อมหลวงเทวานุพงศ์ทำให้อาการเมาค้างง่วงงุนหายไปเป็นปลิดทิ้ง
“โอ้! ดีกรีปริญญาโทจากเมืองนอก ทำไมฉันไม่เคยรู้จักมาก่อนว่ามีผู้ชายคนนี้อยู่ในโลก”
นิ้วมือเล็กของฉันเลื่อนอ่านบทสัมภาษณ์ของเขาไปเรื่อยๆ รวมถึงรูปภาพที่เขาถ่ายขึ้นปกนิตยสาร
“มีข้อมูลการทำงานบ้างหรือเปล่าเนี่ย”
ไม่มีความยากสำหรับการหาข้อมูลบนโลกโซเชียลในยุค 4G แบบนี้ ฉันยังคงเลื่อนอ่านข้อมูลของเขาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสายตาสะดุดที่ข่าว กอสซิปที่ช่างภาพและนักข่าวแอบถ่าย ส่วนมากเขาจะถ่ายคู่กับผู้หญิงในหลายอิริยาบถและสถานที่แตกต่างกันไป ภาพความสนิทสนมบอกได้ในทันทีว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ทุกภาพไม่น่าจะใช่เพื่อนธรรมดา
“พ่อหนุ่มเจ้าสำราญ การงานไม่ปรากฏ คงจะสำส่อนมากกว่าทำงานสินะ” ฉันเบะปากบอกอย่างหมั่นไส้
ข้อมูลของเขาทำให้ฉันก็เริ่มถอดใจ ลมหายใจถูกพ่นออกจากปลายจมูกกี่รอบไม่อาจจะนับได้ ความหนักใจมีมากขึ้น
“ผู้ชายแบบนั้นไม่สมควรจะเอามาทำพันธุ์เป็นพ่อของลูกสักนิด แล้วฉันจะเอาแรงบันดาลใจที่ไหนไปสร้างสถานการณ์ทำความรู้จักกันกันละเนี่ย” ฉันบ่นอย่างเซ็งๆ
“นี่หรือเปล่า...ที่พ่อบอกผู้ชายมีตำหนิเล็กน้อย เล็กน้อยที่ไหนกันพ่อ เพลย์บอยชัดๆ” ฉันเถียงคำพูดของพ่อดังๆ คนเดียว
ปลายนิ้วมือเล็กจิ้มลงบนหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง พิมพ์ชื่อเป้าหมายคนต่อไปของตัวเอง คนหลังข้อมูลน้อยนิดมากจนแทบไม่รู้อะไร อาจจะเป็นเพราะว่าเขาอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก และนั่นก็เป็นความเสี่ยงที่จะได้รู้ตัวตนของเขา
“กรรมของหล่อนแล้วยัยดาว!”
ฉันเริ่มเห็นทางออกที่เลือนรางของตัวเอง จะหันไปปรึกษารินนี่เพื่อนสนิทก็ไม่ได้เพราะเรื่องนี้เป็นความลับ ฉันไม่มีทางเสียหน้ากับใครเด็ดขาด
นึกไปถึงเจ้าแม่ด้านจัดหาคู่อย่างยัยโซดา ดีกรีเจ้าของบริษัทจัดหาคู่ของเธอคงสามารถจัดการเรื่องราวที่ฉันกำลังหนักอกหนักใจได้อย่างไม่ยากเย็น สิ่งที่ฉันต้องการรู้ทุกอย่างแบบละเอียดยิบของผู้ชายที่ฉันอยากรู้จักจะมาถึงมือของฉันภายในเวลาไม่เกิน 3 วัน แต่ตอนนี้เจ้าหล่อนกำลังตะลอนเที่ยวรอบโลกและตัดสัญญาณการติดต่อกับทุกคนเพราะต้องการเป็นอิสระและความเป็นส่วนตัว
ถึงแม้กิจการกำลังจะไปได้สวย แต่เจ้าของบริษัทกลับยังเกาะคานทองเอาไว้แน่นเพราะความหวงชีวิตโสดและต้องการบริหารเสน่ห์ไปเรื่อยๆ
“ฉันคิดถึงแกว่ะโซดา” ฉันก็ได้แต่คิดถึง ไม่สามารถบอกเรื่องราวที่เผชิญอยู่กับใครได้เพราะถ้าเรื่องถึงหูของเพื่อนคนใดคนหนึ่งในกลุ่มก็หมายถึงกระจายข่าวให้รู้ทุกคนอย่างอัตโนมัติ จากนั้นความซวยและความพ่ายแพ้ก็จะตกมาอยู่ที่ฉัน
“อ้อ...ยัยพราวต้องช่วยฉันได้แน่” ไวกว่าความคิดก็คงจะเป็นมือของฉันนี่แหละ ตอนนี้ฉันกดปุ่มโทรออกไปยังเป้าหมายเป็นที่เรียบร้อย
[พราว...ฉันว่าเธอต้องรู้]
[อะไรของเธอเนี่ยยัยดาว อารัมภบทให้ฉันรู้เรื่องก่อนจะได้ไหม งงไปหมดแล้วเนี่ย]
[สามีของยัยป่านชื่อและนามสกุลอะไร] ฉันรีบเข้าประเด็นทันที
[ฉันว่าเธอปล่อยป่านไปสักครั้งเถอะดาว ยังไงป่านก็แต่งงานแล้ว ปล่อยให้ป่านได้มีชีวิตสงบสุขบ้างเถอะ]
[ในสายตาของเธอ ฉันร้ายมากขนาดนั้นเลยเหรอ]
[ร้ายมาก] ฉันหัวเราะไม่ออกเมื่อปลายสายตอบกลับมาทันที
[ฉันก็แค่อยากรู้เท่านั้นเอง ไม่ได้คิดจะทำอะไรสักหน่อย]
[ถ้าป่านคิดว่าพวกเราควรจะรู้ เธอก็บอกเองแหละ แต่ทางที่ดีฉันคิดว่าเธอควรจะเลิกยุ่งกับพวกเขา และใช้เวลาที่เหลือดูแลความรักของตัวเองดีกว่า อีกไม่ถึง 3 เดือนเธอก็จะแต่งงานแล้วนี่]
[OK... เธอไม่บอกก็ไม่เป็นไร ฉันหาทางสืบเองก็ได้]
[ฉันพูดขนาดนี้ เธอยังไม่จบอีกเหรอดาว]
[เธอก็น่าจะรู้จักฉันดีนะพราว บายยยย]
หลังจากวางโทรศัพท์ฉันก็กัดริมฝีปากของตัวเองอย่างคิดไม่ตก สุดท้ายฉันก็เลือกที่จะวางเรื่องของป่านฝันลงและหันมาสนใจเรื่องของตัวเอง เมื่อกี้โดนพราวลดาเหน็บแนมก็เจ็บปวดลึกๆ
“คนอย่างฉันไม่มีทางจนตรอกหรอกย่ะ! ยังไงงานแต่งงานของฉันก็จะเกิดขึ้นแน่นอน” ฉันยักไหล่แบบไม่แคร์
ฉันกดนิ้วลงบนแป้นโทรศัพท์อีกครั้งเพื่อเลื่อนหาเบอร์ที่ฉันใช้บริการเป็นประจำ