บทที่6
เฟิงห่าวอี้มองคนที่ปีนขึ้นเตียงไปด้วยสภาพราวกับไร้สติ เขาซ่อนมือที่เปื้อนเลือดของตนเอาไว้แล้วก็เร่งเข้าไปอาบน้ำ แม้ว่ายามนี้จะดึกมากแล้วแต่เพราะเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นประจำลี่อินจึงเตรียมน้ำร้อนเอาไว้ให้กับเขาแล้ว
ชายหนุ่มได้แค่คิดว่ามีรั่วซีอยู่ในเรือนเดียวกันช่างทำตัวลำบากยิ่งนัก ก่อนหน้านี้เขาคิดว่านางจะเร่งจัดการเขาตามที่ได้รับคำสั่งมาจึงไม่ได้ตระเตรียมเรือนแยกเอาไว้ให้
แต่นี่ดูเหมือนหญิงสาวจะทำตัวเป็นฮูหยินของเขาจริง ๆ เสียแล้ว แม้จะคิดว่าตนเองอาจจะเข้าใจตัวหานรั่วซีผิด แต่ก็เคยเห็นนางฆ่าคนมากับตาจะผิดไปได้เช่นไร ทำไมกันครั้งนี้นางกลับยังไม่ลงมือ แต่เป็นคนมากมายด้านนอกนั้นลงมือแทน หรือว่าเป้าหมายของพรรคพวกนางจะไม่ได้มีแค่เขา
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดเฟิงห่าวอี้ก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นการยั่วยุ หากรั่วซีเป็นนักฆ่าที่ถูกส่งมาแต่งงานเพื่อฆ่าเขาจริง ๆ สามีแกล้งบ้าและตาบอดเช่นเขามานอนอยู่ด้วยก็ย่อมจะต้องลงมือได้ง่ายกว่าปกติ
“หรือเจ้ากลัวว่ามันจะเร็วไปนะ” เฟิงห่าวอี้ถามกับหญิงสาวที่หลับสนิท
เช้าวันถัดมาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวไม่ถามด้วยซ้ำว่าทำไมเขาถึงมานอนอยู่กับนางได้ แล้วเรื่องตาบอดกับเรื่องบ้าที่คนเล่าลือรั่วซีก็ดูจะไม่สนใจเสียอย่างนั้น
“เป็นหญิงสาวเข้านอนก่อนสามีและยังตื่นหลังอีก”
เสียงของเฟิงห่าวอี้ดังขึ้นทันทีที่รั่วซีลืมตาตื่น
“ท่านพี่ เมื่อคืนข้ารอท่านจนหลับไปท่านกลับมาเมื่อใดข้ายังไม่รู้เลย”
เฟิงห่าวอี้ส่งเสียงไม่พอใจ
“อย่างเจ้าจะไปรู้อะไรหลับไม่รู้เรื่อง”
รั่วซีรีบผุดลุกขึ้นมาเช็ดหน้าเช็ดตาเสร็จก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย กับท่าทางโมโหเกินพอดีของสามีในนามของตน
“ท่านจะมาโมโหข้าเรื่องอันใดกันเล่า ข้าก็พยายามแล้ว อีกอย่างในเมื่อท่านพี่มีหญิงที่พึงใจอยู่นอกเรือน ทั้งยังไม่ได้บ้า และตาก็ไม่ได้บอดเหตุใดจึงมาสู่ขอข้าล่ะเจ้าคะ หรือว่าท่านชอบข้าอย่างนั้นหรือ ถ้าชอบจริงก็คงไม่ออกไปหาแม่นางข้างนอกหรอก” รั่วซีถามอีกฝ่ายออกไปตรง ๆ เมื่อนางคิดไม่ออกแล้วว่าจะมีสาเหตุใดอีก
คำถามที่ออกมาจากปากของหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสับสน ตอนนี้เขาไม่แน่ใจแล้วว่าที่จริงหญิงสาวตรงหน้ายอมเข้าพิธีมงคลกับเขาเพราะอะไรกัน
คราแรกเขานึกว่าพ่อกับแม่นางปล่อยข่าวว่าอยากหาสามีที่มีเงินถุงเงินถังให้ลูกสาวแต่กลับปฏิเสธทุกตระกูลที่เข้าไปหา ก็เพราะเขาเป็นเป้าหมายที่ต้องจัดการเสียอีก
เจอกันครั้งก่อนนางก็ยังดูเป็นนักฆ่าอยู่เลยครั้งนี้ทำไมถึงได้ทำตัวแปลก แต่จะเชื่อการเจอกันเพียงไม่ถึงเค่อก็คงจะไม่ได้นี่คงเป็นนิสัยจริง ๆ ของนางเสียมากกว่า
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ย้ายไปอยู่อีกเรือนเสียจะได้ไม่ต้องมานั่งรอข้า”
ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองสามีในนามของตนก่อนจะปล่อยโฮร้องไห้ออกมาจนทำให้เฟิงห่าวอี้ทำตัวไม่ถูก
“ฮือ...เพราะข้าพูดถึงนางท่านก็จะไล่ข้าไป ข้าใช้เวลาตั้งนานกว่าจะเก็บข้าวของเข้าไปตามที่ต่าง ๆ ในเรือนนี้ได้ ไม่ได้เตรียมที่เอาไว้ให้ข้าก็ควรจะบอกตั้งแต่แรก ไม่ใช่ให้ข้าคิดไปเองเช่นนี้”
เฟิงห่าวอี้ขยับเข้าไปหาฮูหยินของตนช้าอย่างกังวล เขาเอ่ยเสียงนุ่ม
“ท่านแม่ก็บอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่าเราแต่งกันแต่เพียงแค่ในนาม” เฟิงห่าวอี้ไม่รู้ว่าทำไมเขาจะต้องกังวลใจก็แค่สั่งให้นางออกไปเสียก็สิ้นเรื่อง
“ข้าไม่ไป ไม่อยากจัดของใหม่แล้ว อยากไปก็ไปเองเลย แต่ปกติก็ไม่กลับมาอยู่แล้วนี่ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
ชายหนุ่มกระพริบตาปริบ นี่เขากลายเป็นคนร้ายไปเสียแล้วหรือ
“เจ้าจะไม่ย้ายก็ได้ แต่นอนเตียงเดียวกันอย่างนี้เจ้าจะเสียหายนะ” แต่เมื่อเฟิงห่าวอี้คิดได้ว่าบางทีนางอาจจะไม่อยากห่างกายเขาก็เพราะต้องการจะสืบข่าวชายหนุ่มก็เกิดรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอีกครั้ง
จากการฆ่าให้ตายคงเป็นการสืบข่าวแทนสินะ เจ้าถึงได้ทำตัวประหลาดเช่นนี้ หานรั่วซีข้าไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเจ้าและคนพรรคฉือเลยจริง ๆ หากรู้เช่นนี้คงไม่ปล่อยเอาไว้ตั้งแต่เจอกันครั้งนั้นแล้ว
คนที่เลือดเย็นขนาดอยากจะฆ่าเด็กน้อยได้ก็คงจะไม่ใช่คนดีสักเท่าไรหรอก เมื่อคิดเช่นนั้นก็ผละออกจากอีกฝ่ายและเดินไปแต่งตัวโดยที่ไม่สนใจหญิงสาวที่ยังคงแสดงบทเรียกน้ำตาอยู่
“วันหลังเจ้าก็ไม่ต้องรอ” เฟิงห่าวอี้บอกออกไปเห็นทีเขาคงต้องเป็นคนย้ายไปนอนที่อื่นอย่างที่นางว่าจริง ๆ เสียแล้ว
ชายหนุ่มเดินออมาจากเรือนก็เจอเข้ากับลี่อิน
“เมื่อวานนางทำอะไรบ้าง” การกระทำทุกอย่างของรั่วซีทั้งหมดถูกบอกให้กับชายหนุ่มได้รับรู้ แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ก็ไม่ช่วยไขความสงสัยในใจของชายหนุ่มหัวหน้าพรรคเฉิงให้กระจ่างได้เลยแม้แต่น้อย ว่าเพราะเหตุใดกัน ทั้ง ๆ ที่นักฆ่าอย่างนางมีโอากาสจะฆ่าเขา อีกทั้งยังสามารถแฝงตัวเข้ามาอยู่ข้างกายเขาได้ขนาดนี้แล้วแต่นางยังทำเหมือนไม่รู้จะลงมืออย่างไรเสียอย่างนั้น หรือนางกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ แล้วสิ่งนั้นคืออะไร เฟิงห่าวอี้ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย