FOREVER รักนิรันดร์ 1

1249 คำ
FOREVER รักนิรันดร์ 1 “หมูปิ้งจ้า หมูปิ้ง คนสวยเอาหมูปิ้งมาฝาก” วันนี้เป็นอีกวันที่ถูกปลุกด้วยน้ำเสียงสดใสของเพื่อนร่วมคอนโด และอย่างที่รู้กันว่าในทุกเช้าเราจะได้หมูปิ้งและน้ำเต้าหู้ร้อน ๆ จากไอริสลูกพี่ลูกน้องที่มีอายุเท่ากับฉัน ที่ไอริสสามารถเอามื้อเช้ามาให้ได้แบบนี้เป็นเพราะว่าเราอยู่ที่คอนโดเดียวกันหมดเลย และเรียกได้ว่าอยู่ชั้นเดียวกันก็ไม่ผิดนัก ทั้งพี่ขอบคุณพี่คนโตฝั่งแม่ลูกชายป้าจิน พี่ซัมเมอร์ พี่ไออุ่น ไอริสจากลูกพี่ลูกน้องของฉันซึ่งเป็นลูกของป้ายินดีพี่สาวของพ่อ ส่วนฉันและพี่ชายน้องชายก็อยู่ที่นี่ ทั้งพี่อุ่นใจและความสุข เรียกได้ว่าคอนโดชั้นนี้พวกเราครองกันเลยทีเดียว เราพักกันคนละห้องเลยนะยิ่งใหญ่สุดในย่านนี้ก็ว่าได้ “ไอริสมันตีห้านะ” ฉันถามคนตรงหน้าด้วยอาการงัวเงีย ฉันง่วงนอนแต่นอนไม่หลับเลยได้แต่ข่มตานอนอยู่แบบนั้น ข่มตาหลับตั้งแต่สี่ทุ่มตอนนี้ตีห้าก็ยังไม่หลับส่วนคนตรงหน้าฉันมักจะตื่นเช้ามืดออกไปซื้อมื้อเช้ามาให้ทุกคนหากไม่ตื่นออกมากก็จะแขวนไว้ที่ประตูห้อง ส่วนของฉันไอริสคงรู้ว่าบางทีอาจจะยังไม่นอนเลยกดกริ่งเรียกแบบนี้ “อื้อ ตีห้า ดังนั้นก็กินนมอุ่น ๆ แล้วนอนพักนะคนสวย” ไอริสส่งถุงอาหารที่อุดมไปด้วยมื้อเช้ามาให้ฉัน “ขอบใจ ไปนอนได้แล้วนึกคึกอะไรตอนตีสามตีสี่ทุกวัน” ฉันบ่นตามหลังลูกพี่ลูกน้องที่อายุเท่ากัน รายนั้นหัวเราะเขิน ๆ ก่อนจะเดินผ่านไปยังห้องความสุขฉันปิดประตูและเดินเอาน้ำเต้าหู้มาเทใส่แก้วกินอุ่น ๆ ก่อนนอนสักหน่อยคงจะดี หลังจากดื่มนมเสร็จก็เดินเอาแก้วเปล่าไปล้างทำความสะอาดจากนั้นก็เดินเข้าห้องนอนตัวเองเพื่อพักผ่อน ดีที่สองสามวันต่อจากนี้ฉันไม่มีเรียนและเป็นวันหยุด นอนเวลานี้เลยไม่เป็นปัญหาแต่พรุ่งนี้คิดว่าน่าจะปรึกษาแม่เรื่องที่อยากจะพบหมออย่างจริงรังแล้วล่ะ ช่วงเที่ยงวันฉันรู้สึกตัวตื่นพร้อมกับความอ่อนเพลีย ฝืนร่างกายไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็ทำได้เพียงแค่ออกมาทิ้งตัวนอนบนเตียงนอนหลังใหญ่เท่านั้น ระหว่างที่มีอาการเวียนหัวหนัก ๆ โทรศัพท์ก็มีสายเรียกเข้ามาราวกับล่วงรู้ว่าฉันนั้นกำลังไม่สบาย “อื้อ ตัว...” ส่งเสียงทักทายปลายสายที่โทรเข้ามาหาฉันในจังหวะนี้ (เป็นอะไร? ไม่สบายเหรอ?) ปลายสายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน พร้อมกับเสียงคนที่อยู่รอบข้างเขาที่ดังแทรกเข้ามาเรื่อย ๆ แม้จะไม่ดังมากแต่ก็ทำให้รู้ว่าเขาอยู่ข้างนอก “น่าจะ เวียนหัวมากเลย” (กินยาหรือยัง?) “ยัง เค้าว่าจะนอนอีกสักนิด” (อย่าเพิ่งนอน เดี๋ยวซื้อข้าวเข้าไปให้กินข้าวก่อนจะได้กินยาแล้วนอนพัก) “ตัวมีเรียนไม่ใช่เหรอ?” ฉันไม่อยากให้เขาเสียการเรียนนะ แม้จะมีอาการแบบนี้บ่อยแต่ฉันก็ไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายเสียการเรียนนี่นา (เรียนเสร็จแล้ว กำลังจะกลับ อดทนหน่อยถ้าไม่ไหวโทรเข้ากลุ่มครอบครัวเรา ไม่มั่นใจว่าเฮีย ๆ จะหยุดอยู่ห้องกันไหม) ระหว่างที่บอกฉันก็ร้องอือตอบอยู่ในคอ (เค้าจะรีบกลับอย่าเพิ่งหลับไปก่อน) นั่นคือสิ่งที่ปลายสายบอกมา ฉันฝืนตัวเองลืมตาได้ไม่นานก็ต้องรีบหลับตาลงและนอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่ สักพักก็ผล็อยหลับไปพร้อมกับอาการวิงเวียนศีรษะและเสียงกระซิบที่ดังอยู่รอบ ๆ ฉันเกลียดอาการแบบนี้ที่สุดเลย!! “ตัวตื่นมากินข้าวก่อนจะได้กินยา ตัว...อิ่มเอม” “...” “อิ่มเอมมากินข้าว” “อือ” กระทั่งรู้สึกตัวตื่นพร้อมกับได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเองจากน้ำเสียงที่คุ้นเคยถึงได้กล้าขานตอบออกมา ปกติแม่จะบอกอยู่เสมอว่าไม่ให้ขานตอบเสียงเรียกที่ไม่คุ้นเคย หากมีเสียงเรียกแล้วไม่มั่นใจให้ดูก่อนอย่าเพิ่งขานตอบ ซึ่งฉันเองก็จดจำเรื่องนี้มาได้อย่างดีเยี่ยม “มานานหรือยัง” ระหว่างถามก็ถูกพยุงให้นั่งบนหัวเตียง พี่ชายคนโตของบ้านเราอย่างอุ่นใจ นั้นคอยช่วยดูแลฉันอยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่าดูแลแทบจะทุกอย่าง ยิ่งมีความสุข ด้วยแล้ว สองคนนี้แทบจะไม่ให้เท้าฉันแตะพื้นเลย อุ้มได้อุ้มฉันไม่เคยล้อเล่น “เพิ่งถึง ออกไปกินข้าวที่ห้องครัวไหวไหม” “ไหว” “งั้นก็ไปกินข้าวจะเตรียมยาไว้ให้ด้วยเลย” อุ่นใจบอกแค่นั้นก่อนจะขยับเข้ามาอุ้มฉันลงจากเตียงและพาเดินไปยังโต๊ะกินข้าวที่มุมห้องครัว เมื่อวางฉันลงบนเก้าอี้อุ่นก็เดินไปหยิบชามข้าวต้มร้อน ๆ มาวางลงบนโต๊ะให้ฉันรวมถึงมีหมูปิ้งที่ถูกอุ่นมาแล้วเรียบร้อย “กินข้าวจะได้กินยานะ” “อื้อ ตัวกินข้าวยัง” “ยัง เดี๋ยวกินด้วยอุ่นข้าวอยู่” อุ่นใจบอกอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก ระหว่างที่เราสองพี่น้องนั่งคุยกันอยู่นั้น โทรศัพท์อุ่นใจที่วางอยู่บนโต๊ะก็ส่งเสียงเรียกเข้าดังขึ้นมา คนที่กำลังวุ่นกับการอุ่นกะเพราราดข้าวก็รีบเอ่ยบอกให้ฉันดูให้ว่าใครที่โทรเข้ามาในตอนนี้ “ว่าไงใครโทรมา” “ชื่อว่า บลู ใครเหรอ?” เงยหน้ามองคนที่เดินถือจานข้าวกลับมานั่งฝั่งตรงข้าม “อ๋อคนรู้จักน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” อุ่นใจปฏิเสธ เป็นการบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเจ้าตัวยังไม่พร้อมที่จะบอก ซึ่งเป็นแบบนี้ฉันเองก็จะไม่เซ้าซี้เขาต่อ “แล้วเย็นนี้นัดที่สุขชวนล่ะ” สุข หรือความสุขน้องชายคนเล็กของบ้านเราเมื่อวานได้อ้อนขอให้พาไปกินหมูกระทะร้านดังฉลองวันหยุดยาวสามวันของเจ้าตัวที่โรงเรียนประกาศหยุด แต่รายนั้นฉลองทุกอย่างแม้กระทั่งเคยชวนฉันและอุ่นใจฉลองที่ลุงยามเปิดประตูโรงเรียนให้ก่อนเวลา เรื่องเล็ก ๆ ที่พบเจอน้องชายฉันนั้นสามารถนำมาเป็นเพื่อนพิเศษประจำวันได้เหมือนกัน “ดูตัวเองก่อนจะหายทันไหม ถ้าไม่ไหวก็ไม่เป็นไรยังไงน้องก็เข้าใจอยู่แล้ว” “แต่ว่า...” ได้สัญญากับน้องแล้วนี่นา “สุขเข้าใจอยู่แล้ว อย่ากังวลเลย หายดีแล้วค่อยไปก็ยังทันนะ” พี่ชายฉันบอกมาแบบนั้นก่อนจะชวนกินข้าวต่อ หลังจากกินข้าวฉันก็ได้ยามาสามเม็ดเป็นยาที่ต้องกินเวลามีอาการ พอกินยาเสร็จฤทธิ์ของยาก็เริ่มที่จะทำให้ฉันเริ่มง่วง แม้จะฝืนตัวเองมากแค่ไหนสุดท้ายฉันก็เผลอหลับไปในช่วงเวลาเกือบบ่ายโมง ==== เปิดเจิมตอนแรกเบาๆ ฝากติดตามด้วยนะคะ ^_^
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม