บทที่ 4 ตอนที่ 2

1400 คำ
ห้องทำงานมืดทึบ...ร่างใหญ่นั่งเอนพิงเก้าอี้ทอดสายตามองออกไปนอกผนังกระจก เงาสะท้อนเลือนรางแต่ก็ยังแลเห็นตัวเองอยู่ในนั้น ด้านนอก...ดวงตะวันค่อยๆ เคลื่อนตัวลาลับหลบเร้นไปกับแนวเขาสูงชัน แสงสีแดงส้มระบายขอบฟ้าให้เจิดจ้าก่อนจะกลบด้วยความมืดมิดทมิฬในอีกไม่ช้า            มือใหญ่ลูบไปตามใบหน้าที่หยาบกร้าน กดเน้นตรงรอยบาดแผลที่บากเอาไว้เหนือคิ้วลากยาวมาจนถึงใต้ตา กรามขบเข้าหากันนูนเป็นสัน ยังรู้สึกเจ็บปวด...กับรอยแผลเป็นนี้ไม่จางหาย            เขา...และปาหนันที่กำลังจะสร้างครอบครัวเล็กๆ ด้วยกันอย่างมีความสุขตามวิถี แต่กลับต้องมาสังเวยความฝันและเส้นทางชีวิตทุกอย่างให้กับเด็กจิตใจต่ำทรามอย่างภาวนา มันยุติธรรมแล้วอย่างนั้นเหรอ          ทุกอย่างย่อยยับ ไม่มีอะไรหลงเหลือเอาไว้ให้จดจำอีกต่อไปแล้ว ชีวิตอันเดียวดายของเขาถูกความทุกข์ความเศร้าตรมหล่อเลี้ยงจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน ซ้ำร้ายยังถูกตามล่าหวังให้เขาหายไปจากโลกเสียอีกคน เพื่อจบทุกอย่าง...เพื่อให้คนผิดได้ลอยนวลอย่างไร้มลทิน            'ถือว่าพี่ขอร้อง...อย่าให้เรื่องนี้บานปลายเลย เอยยังเด็ก นายคิดจะตัดอนาคตหลานได้ลงคอเชียวเหรอ' วาจาเคร่งเครียดดังขึ้นด้านหลังของเขาในค่ำคืนที่พายุกระหน่ำ คืนสุดท้าย...ที่เขาอาศัยอยู่ในบ้านซึ่งได้ขายไปเรียบร้อยแล้ว            'แล้วอนาคตของผมกับเปรี้ยวล่ะ...เอยมีสิทธิ์อะไรมาพรากเอาทุกอย่างไปจากเรา!' เขาเถียงโดยไม่ได้หันไปมองคู่สนทนา สายตาของเขาไม่ยอมละไปจากเม็ดฝนที่โปรยปรายอยู่ด้านนอกหน้าต่างนั่น สีหน้ากราดเกรี้ยวกับการนัดเจรจาในครั้งนี้            'ต้องพูดกี่ครั้งนายถึงจะเข้าใจ ลูกสาวของฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด!'            'ก็ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเขาก็ต้องรับกรรม ต้องชดใช้ความผิดถึงจะสาสม'            'นายก็มัวแต่โยนความผิดให้เอย คิดกลับกันไหมว่าคนทำให้เปรี้ยวตายก็คือตัวนายนั่นแหละ ถ้าไม่พาเปรี้ยวกลับมา ถ้าไม่ดื้อรั้นเอาแต่ใจเปรี้ยวจะตายไหม'            'บ้านหลังนั้นแม่ผมอยู่...เมียผมท้องอยากจะพามาพบคุณลุงกับแม่! ผมผิดด้วยเหรอ'            'แต่นายกำลังเย้ยหยันหยามน้ำใจคนอื่น...'                                   'เอยไม่ใช่เมียผม...เอยเป็นลูกของพี่นับตามศักดิ์ก็เป็นหลานของผม ไม่มีใครคิดทำลายน้ำใจเขานอกจากเขาคิดเอาเอง'         'ไม่ว่าจะพูดยังไง...นายก็จะไม่ยอมรามือไปจากเอยใช่ไหม ทัพไท...' ณราชเอ่ยถามเสียงเข้มดุดัน จ้องร่างใหญ่ของน้องชายบุญธรรมไม่ลดละ พายุยังคงพัดกระหน่ำไม่หยุดหย่อนๆ พอๆ กับใจที่แปรปรวนระส่ำของเขา            'ถ้าผมยังไม่ตาย...เอยจะต้องชดใช้ให้ครอบครัวของผมอย่างสาสม' ทัพไทพูดจบก็หันหน้ากลับมาแล้วเดินผ่านร่างของณราชไปราวกับอีกฝ่ายไม่มีตัวตน            จบการเจรจา...            'ฉันเคยคิดว่า...จะให้อภัยนายสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง แต่นายมันดื้อรั้น ไม่เคยเปลี่ยน ฉะนั้นคนที่ควรชดใช้ให้จบสิ้น ก็ควรเป็นนาย...'            '...' เท้าของทัพไทหยุดชะงัก เขาหันหน้ากลับมามองณราชอย่างขบคิดในความหมายของวาจานั้น พอจะเข้าใจอยู่หรอกว่าความรักของพ่อที่มีต่อลูกสาวมันยิ่งใหญ่ขนาดไหน เพราะเขาก็กำลังจะเป็นพ่อคนเหมือนกัน พ่อ...ที่ไม่มีโอกาสแม้จะได้เห็นหน้าลูกของตัวเอง ไม่มีโอกาสได้อุ้มชูดูปกป้องอย่างที่ณราชกำลังทำอยู่            แล้วใครที่มันกำลังแบกรับความเจ็บปวดมากกว่ากัน            พลั่ก!! 'อ๊ะ!!' ความเจ็บปวดตรงท้ายทอยบวกกับแรงปะทะของวัตถุบางอย่างทำให้ชายหนุ่มทรุดเข่าลงกับพื้นในทันที ก่อนจะล้มลงนอนดิ้นอยู่กับพื้น 'ณ...ราช...' สายตามองกลับไปยังพี่ชายที่กำลังเดินเข้ามายืนค้ำเหนือตัวร่างของเขา ลมหายใจหอบสะท้าน เจ็บลึก เสียงฝีเท้าที่กรูเข้ามาในห้องทำให้เขารู้ว่าณราชเตรียมการสำหรับเรื่องนี้เอาไว้แล้วหากไม่สามารถตกลงกันได้            'วิธีที่ดีที่สุดคือส่งนายไปอยู่เป็นเพื่อนเปรี้ยวซะ...เปรี้ยวจะได้ไม่เหงา แล้วทุกอย่างก็จบแบบไม่ต้องมีฝ่ายไหนต้องยุ่งยาก นายบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าถ้านายไม่ตายเอยก็ต้องชดใช้...ถ้าอย่างนั้นก็ตายซะให้สมใจเถอะน้องรัก'            'ฉันไม่แปลกใจเลย...ว่าทำไมลูกของนายถึงจิตใจอำมหิตนัก ที่แท้...ก็ได้เลือดชั่วมาจากนายนี่เอง'            'ตีโพยตีพายไปก็เท่านั้น ทุกคนย่อมมีความเลวอยู่ในตัวอยู่ที่ว่าจะเลือกใช้กับใคร และตอนไหนก็เท่านั้น เอามันไปจัดการให้เรียบร้อย อย่าให้เหลือซากแม้แต่เถ้าธุลีกลับมาให้ฉันเห็น' บัญชาเย็นยะเยือกจากผู้บงการกล่าวออกมาอย่างไร้เยื่อใย ทัพไทมองเห็นพี่ชายที่เขานับถือราวกับสายเลือดเดียวกันด้วยความเจ็บแค้นเสียยิ่งกว่าบาดแผลจากการถูกฟาดด้วยของแข็ง            ณราชเดินข้ามตัวเขาไป...ชายหนุ่มพยายามฝืนรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายตะเกียกตะกายพยุงตัวลุกขึ้น แต่แล้ว            ตุบ!! ไม้หน้าสามจากชายฉกรรจ์หนึ่งในห้าก็ฝาดแสกเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างจัง ความมึนงง เจ็บปวดแผ่ซ่านร้าวรานอื้ออึงจนไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจของตัวเอง แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆ ดับมืดลงเหมือนดังเช่นวิกาลในคืนอำมหิตนั้น ครืน! เปรี้ยง!! อสุนิบาตพิโรธโกรธาสนั่นหวั่นไหว น้ำฝนที่พรั่งพรูไม่ขาดสายทำให้เนื้อตัวของเขาเปียกปอน ความปวดหนึบทั้งสรรพางค์นำพาให้เขาต้องรวบรวมสติอย่างหนักท่ามกลางความมืดมิดและเย็นชืด        'อา' ดวงตาสองข้างกะพริบปรือผ่านม่านน้ำที่แผ่ปกคลุม ตาข้างหนึ่งไม่อาจลืมขึ้น มือของเขาถูกมัด...ร่างถูกทิ้งให้นอนอยู่หลังกระบะรถรับน้ำฝนที่ตกเทลงมาไม่ขาดสาย รถดำเนินบนเส้นทางถนนด้วยความเร็วสูง เพื่อพาเขาไปยังที่ไหนสักแห่ง เพื่อกำจัดให้สูญสิ้นตามคำสั่งของณราช            'ณราช...ไอ้เลว' ร่างกายของเขาบอบช้ำ บอกให้รู้ว่านอกจากถูกตีจนสลบแล้วหลังจากนั้นเขาคงถูกพวกมันซ้อมต่อไม่มากก็น้อย ร่างใหญ่เริ่มพยุงตัวลุกพิงนั่งกึ่งนอนเพื่อไม่ให้คนที่อยู่ด้านหน้ารถได้เห็น ก่อนจะสำรวจไปรอบๆ ในขณะที่รถยังแล่นอยู่            รอบๆ มืดครึ้มเพราะเป็นยามวิกาลอีกทั้งยังมีห่าฝนปกคลุมไปทั่ว สองข้างทางมีแต่ต้นไม้สูงใหญ่และพงหญ้ารกชัฏ จะหาทางเอาชีวิตรอดจากเพศภัยนี้ดูไม่ง่ายเอาเสียเลย            พวกมันพลาดที่คิดว่าเขาจะไม่ตื่นขึ้นมาระหว่างทาง หรือเอาตัวรอดจากกระบะของรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูงทั้งยังถูกมัดมืออยู่อย่างนี้ ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนอีกครั้งแล้วกลิ้งขนาบไปกับกระบะทางด้านริมถนน แล้วรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีพลิกตัวไต่ขึ้นไปบนขอบ...            "อ๊าก!!" เปรี้ยง!!! ร่างใหญ่หล่นลิ่วตกลงมาข้างทาง แล้วยังถลากลิ้งไปไกลหลายเมตรจากแรงเหวี่ยงของรถ ในขณะที่รถ...ยังคงวิ่งกลืนหายไปกับความมืด พงหญ้ารกสูงรองรับร่างบาดเจ็บของเขาเอาไว้ ร่างกายบาดเจ็บอย่างหนัก แต่ชายหนุ่มก็ยังกัดฟันทน            "อา..." เขาต้องหาทางให้ไกลจากตรงนี้อีกหน่อย อย่างน้อยก็อาจจะหลบเร้นเข้าไปในป่าก่อนที่พวกมันจะรู้ตัวและกลับมาตามหา ความเจ็บปวดไม่เอื้ออำนวยนัก ดีที่มืดถูกมัดรวบเอาไว้ด้านหน้าเขาจึงรีบใช้ปากช่วยในการแกะพันธนาการนั้น            เม็ดฝนโปรยปรายลงมาไม่ขาดระยะ...ร่างบาดเจ็บเดินโซซัดโซเซลากขาเข้าไปในป่ารก โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีโอกาสรอดกลับออกมาหรือไม่ เขารู้แต่เพียงว่า...เขาจะตายก่อนคนที่ทำลายครอบครัวของเขาไม่ได้!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม