ด้านมนัสพงษ์หลังจากนักท่องเที่ยวชายคนนั้นกลับไปแล้ว จึงได้เอ่ยขึ้น
"ผมไม่ยักทราบว่าคุณกรวรรธพูดภาษาท้องถิ่นของแถบประเทศนี้ได้ด้วย" มนัสพงษ์เอ่ยยิ้ม ๆ
"ก็ไปตกยากที่นั่นอยู่หลายปี ก็พอสั่งอาหารกินหรือถามทางคนแถวนั้นได้บ้างหละครับ" กรวรรธเอ่ยยิ้ม ๆ
ตัดมาที่สองสาวแพรพลอยและเพ็ญสุดา
"ขอบพระคุณมากค่ะ คุณกรวรรธคุณเลขาฯ/ขอบพระคุณค่ะคุณผู้ช่วยคุณเลขา" แพรพลอยและเพ็ญสุดายกมือกระพุ่มไหว้แล้วเอ่ยขอบคุณอัศวินขี่ม้าขาวขึ้นพร้อมกัน
"ครับ ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่ต้องปกป้องพนักงานของตนเองอยู่แล้ว อีกอย่างต้องขอบคุณท่านรองฯ ที่รีบส่งข่าวครับ ไม่งั้นพวกเธอสองคนคงต้องทนอึดอัดกันอีกยาว" กรวรรธพูดยิ้ม ๆ แต่แอบส่งสายตาห่วงใยไปหาคนของใจเป็นเชิงถามว่า โอเคไหม กลัวหรือเปล่า ไม่ต้องกลัวนะ ทุกคำพูดมันอยู่ในสายตาที่ส่งมานั้นแล้ว ส่วนอีกคนได้แต่ค้อมตัวเล็กน้อยและยิ้มในหน้าเป็นการรับคำขอบคุณของสองสาว
"ส่วนใหญลูกค้าของเราไม่มีพฤติกรรมแบบนี้นะครับ คงอาจจะดื่มกันบ้างแหละ ไม่ว่าจะชาติไหนถ้าได้เหล้าเข้าปากก็อาจมีเป๋กันบ้าง ยังไงเขาก็เป็นลูกค้าของเรา เขาอาจจะพลั้งเผลอไปบ้างเราก็แค่กระตุกเค้าก็เท่านั้น" มนัสพงษ์กล่าวราบเรียบ และทุกคนในที่นี้ก็เห็นด้วยกับความคิดนี้และไม่คิดจะทำท่าทีรังเกียจเหยียดหยามนักท่องเที่ยวรายนั้นแต่อย่างใด
___________________________
เวลา 23.00 น.
ด้านเพ็ญสุดาเมื่อส่งเวรเรียบร้อยแล้วก็พากันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมตัวกลับบ้าน เธอแอบสังเกตเห็นแพรพลอยที่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ไม่เดินไปที่ลานจอดรถเสียทีจึงเข้าไปทัก
"พี่แพรคะ ไม่รีบกลับบ้านล่ะ ดึกแล้วนะ หรือว่ารถเสีย" เพ็ญสุดาเอ่ยถามอย่างห่วง ๆ
"เอ่อ พี่ไม่ได้เอารถมาน่ะวันพระ ไปเถอะไม่ต้องห่วงพี่หรอก เดี๋ยวพี่มีคนมารับ" แพรพลอยตอบเลี่ยง ๆ
"ใครเหรอ บ้านพี่มีแต่ยายกับตา พี่ไม่มีพี่น้องที่ไหนแล้วใครมารับพี่ล่ะ?" เพ็ญสุดาซักต่ออย่างซื่อ ๆ
"เอ่อ…"/ปริ๊น!!! ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ตอบ ทั้งสองก็ได้ยินเสียงแตรรถดังขึ้น
ปึ่ก กรึ่บ เสียงเปิดปิดประตูรถ
"อ้าวน้องวันพระยังไม่กลับเหรอครับ หรือไม่ได้เอารถมา ให้ผมไปส่งมั๊ย/นะแพรนะ ไปส่งน้องสักหน่อย" มนัสพงษ์ เอ่ยยิ้ม ๆ แล้วหันไปขอความเห็นจากแพรพลอยซึ่งยืนอึ้งอยู่เพราะเธอยังไม่ได้บอกเรื่องของเธอกับเขาให้ใครได้รับรู้แม้แต่เพ็ญสุดาเพื่อนร่วมงานที่รักเหมือนน้องสาวที่สนิทที่สุดในตอนนี้
"เอ่อ..คือ..คุณเลขามาทำอะไรแถวนี้คะ ทำไมยังไม่หลับไม่นอนอีก" แพรพลอยแกล้งถามกลบเกลื่อนพร้อมกับขยิบตาใส่มนัสพงษ์และส่งสายตาอ้อนวอนสุด ๆ ส่วนอีกคนเข้าใจแต่แอบผิดหวังอยู่ลึก ๆ ที่คนตัวเล็กไม่ยอมเปิดเผยเสียที
"อ้อ ผมมาจากห้องพักผ่านมาแถวนี้พอดีเห็นพวกคุณพอดีก็เลยเข้ามาถามเผื่อมีปัญหาอะไรให้ช่วย" มนัสพงษ์พูดปดคำโตเพราะไม่อยากผิดใจกับใครบางคน จนกระทั่ง
ปริ๊น!! เสียงแตรรถยนต์ของกรวรรธดังขึ้น
"นั่น รถของคุณกรวรรธมาแล้วค่ะ งั้นหนูตัวก่อนนะคะ พอดีไม่ได้เอารถมาน่ะค่ะ อาศัยรถเค้ามาทำงาน" เพ็ญสุดาบอกตามตรงอย่างไม่ปิดบัง
กรวรรธเปิดประตูรถและลงมาสมทบกับสามคนที่ยืนคุยกันอยู่
"ยังไม่หลับไม่นอนหรือครับคุณเลขา" กรวรรธแซวยิ้ม ๆ ส่วนอีกคนหันไปมองคนของใจแล้วทำหน้าเลิ่กลั่กนั่นทำให้กรวรรธรู้ว่าฝ่ายหญิงยังไม่พร้อมจะเปิดเผยจึงเงียบปากไว้ก่อน
"พอดีผ่านมาแถวนี้น่ะครับ เห็นสองสาวเลยแวะมาทัก" มนัสพงษ์พูดยิ้ม ๆ แต่เป็นยิ้มที่แห้งเต็มที
"งั้นเหรอครับ/แล้วแพรพลอยล่ะ กลับด้วยกันมั๊ยเดี๋ยวผมไปส่งให้ ยังไงผมก็ต้องไปส่งหลานสาวตาผลกับยายบัวลอยอยู่แล้ว" กรวรรธแกล้งหยั่งเชิงสาวเจ้าเพราะอยากรู้เหมือนกันว่าสาวเจ้าจะตอบอย่างไร
"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวมีคนมารับ นี่ก็กำลังรออยู่" แพรพลอยตอบเลี่ยง ๆ
"งั้นผมไปก่อนนะครับ โชคดีนะครับคุณเลขา หมดเวลาเล่นซ่อนแอบแล้วนะครับ หึหึ" กรวรรธพูดทิ้งท้ายเป็นเชิงบอก
"หนูไปก่อนนะคะพี่แพร พรุ่งนี้เจอกัน/ ไปก่อนนะคะคุณเลขา" เพ็ญสุดาเอ่ยลาคนทั้งสองแล้วเดินมาขึ้นรถที่คนตัวโตเปิดประตูรถรออยู่ก่อนแล้ว
"อื้ม..ไปเถอะ เดี๋ยวพี่ก็จะกลับเหมือนกัน เหนื่อยมากเลยวันนี้" แพรพลอยพูดยิ้ม ๆ แต่นัยน์ตาดูอ่อนล้าเต็มที
ด้านมนัสพงษ์เมื่อเห็นว่ากรวรรธขับเคลื่อนรถออกไปไกลสักระยะแล้วจึงได้ขับรถมาเทียบจอดตรงที่สาวเจ้ายืนอยู่แล้วจอดสนิทและกำลังจะเปิดประตูรถเพื่อลงมาเปิดประตูรถให้สาวเจ้า
"ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูเปิดเองจะได้ไม่เป็นจุดสนใจ" แพรพลอยเอ่ยขึ้นพร้อมกับเหลียวซ้ายและขวาแล้วรีบเปิดประตูฝั่งข้างคนขับเข้าไปนั่งอย่างรวดเร็ว ส่วนอีกคนได้แต่อือออยอมตามแต่ในใจรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาตะหงิด ๆ
"อายคนอื่นเหรอ" มนัสพงษ์เอ่ยขึ้นลอย ๆ ตาก็มองไปตรงหน้าเพราะรถกำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้า
"เอ่อ แพรกลัวว่าคุณเลขาจะเสื่อมเสียต่างหากล่ะ" แพรพลอยพูดมันออกมาเพียงครึ่งเดียว
"อืม เข้าใจแล้ว เหนื่อยก็หลับเถอะ ถึงบ้านแล้วจะปลุก"
……………………………………….