32.แข่ง

1139 คำ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก (เสียงเคาะกระจกโต๊ะจากผู้มาใหม่) "จะบ่ายแล้วนะครับ ไปกินข้าวกัน ผมมีเรื่องอยากปรึกษา" เป็นมนัสพงษ์ที่เอ่ยขึ้น "อ้าว พี่นัสเองเหรอครับ ผมนึกว่าท่านรองเสียอีก" กรวรรธแปลกใจเล็กน้อย "เรื่องเมื่อคืนน่ะครับ คุณเกมก็เห็นและได้ยินไม่ใช่เหรอครับ" มนัสพงษ์พูดอย่างระบายความอัดอั้น "ระหว่างพี่กับคุณแพรเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ" กรวรรธถามอย่างตรง ๆ "ก็เกือบจะเกินเลยละครับ แต่เป็นฝ่ายนั้นที่ปฏิเสธเสียก่อน" มนัสพงษ์เล่ายิ้ม ๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเพดาน ฝ้าไปเรื่อย (เพราะตอนที่พูดอยู่ในห้องทำงานค่ะ) "งั้นพี่นัสไปรถผม หาที่เงียบ ๆ คุยกัน" กรวรรธเสนอ "ได้ครับ" "งั้น ปะ" @ร้านอาหารแห่งหนึ่ง สองหนุ่มพากันเข้ามาในร้านและเลือกที่นั่งที่เป็นส่วนตัวและห่างจากผู้คนพอประมาณ "ว่ามาเลยครับพี่นัส มันมีอะไรกันแน่" กรวรรธเปิดประเด็น "คุณเกมจำวันที่รถสองคนนั้นยางแบนได้มั๊ยครับ" มนัสพงษ์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ "จำได้ซิครับ ก็ผมเป็นคนบงการเอง" กรวรรธพูดกลั้วหัวเราะ ทำเอาอีกคนถึงกับรีบตวัดสายตามามองหน้าอย่างอึ้ง ๆ "…ร้ายนะครับ หึหึ นั่นแหละครับความรู้สึกดี ๆ ของผมที่เก็บเอาไว้มานาน มันเกิดประทุในวันนั้น เธอหลับน่ะครับ ผมอดไม่ได้ก็เลยล่วงเกินเธอไป แต่ไม่ได้ถึงขั้นนั้นหรอกครับ พอดีเธอไม่ยอม ผมก็เลยไปส่งเธอเข้าบ้านก็แค่นั้น" มนัสพงษ์อึ้งไปพักหนึ่ง แล้วเอ่ยแซวคู่สนทนากลับคืนบ้าง จากนั้นก็อธิบายยืดยาวที่สุดตั้งแต่คุยกับบุรุษเพศด้วยกันมา "แล้วทำไมดูเธอจะกลัว ๆ เกรง ๆ กับพี่นัสละครับ" กรวรรธถามต่อ "อ๋อ…คงกลัวผมเอาไปเปิดโปงมั้งครับ ก็ผมขู่เอาไว้น่ะครับ หึหึ" มนัสพงษ์กล่าวยิ้ม ๆ "ร้ายเหมือนกันนะนี่" กรวรรธแซวเบา ๆ "ก็ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมกันบ้างแหละครับ รอมาหลายปีแล้ว ผมสี่สิบแล้วนะครับ กว่าจะได้จีบ กว่าจะได้แต่ง กว่าจะมีลูก ถ้ามัวแต่รอแม่คุณผมไม่แก่ตายก่อนลูกโตเหรอครับ" "ผมขอพูดอะไรไว้สักอย่างนะครับว่าการที่คนเราจะเชื่อฟังใครสักคนมันไม่ง่ายเลย ทำไมเราต้องเชื่อด้วยล่ะ ถ้าไม่รักและศรัทธา จริงมั๊ยครับ" "ขอบใจนะคุณเกมที่ช่วยเขี่ยผงที่เข้าตาให้" "นายเกม หรือเกม เฉย ๆ ก็พอ ไม่ต้องมีคุณเคินอะไรหรอกครับพี่ชาย" "ผมรู้นะครับว่าคุณไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดหรือผู้ช่วยธรรมดา แต่คุณเกมเป็นถึงทายาทนักธุรกิจระดับพันล้านที่เสียชีวิตไปแล้ว และเป็นถึงบุตรบุญธรรมของนายใหญ่อีกด้วย" "แล้วไงละครับ มันก็แค่สมบัตินอกกายนะครับ ถ้าวันนึงมันหายไปผมก็ยังเหลือมิตรภาพ แล้วก็นี่ แล้วก็นี่ต่างหากที่จะทำให้ผมเอาตัวรอด" กรวรรธชี้ไปที่ขมับ และหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองแล้วยิ้มในหน้า "ได้ซินายเกม ไอ้น้องชายพี่ยินดีต้อนรับนายเป็นน้องชายนะ พี่เป็นเด็กกำพร้าไม่เคยมีญาติที่ไหนอยู่แล้ว ขอมีครอบครัวกับเค้าสักทีก็ดีเหมือนกัน" "ได้เลยครับพี่ชาย ผมก็เหมือนกันเป็นแต่พี่ชาย ลองเป็นน้องชายดูเสียบ้างก็คงดี" มนัสพงษ์พาร์ท {ใช่ซิถ้ากลัวก็ต้องบอกคนอื่นเพื่อขอความช่วยเหลือซิ แต่นี่เธอเก็บเรื่องราวนั้นไว้โดยไม่ปริปากบอกใครเพราะกลัวเราจะเดือดร้อนเหมือนกันใช่มั๊ย} @เช้าวันใหม่ หนุ่มใหญ่เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งตั้งแต่เช้า หลังจากนั้นจึงมาอาบน้ำแต่งตัว ทำอาหารง่าย ๆ กินเองกับกาแฟดำหนึ่งแก้วคือจบและเตรียมตัวเข้าออฟฟิศตั้งแต่เช้าก่อนใคร วันนี้คนของใจของเขาเข้ากะบ่ายและเขาก็กำชับแล้วว่าจะไปรับที่บ้านไม่ต้องแว๊นมอ'ไซค์มาทำงาน ก็ดูคนตัวเล็กจะเชื่อฟังเขาหรือเปล่าคงรู้กันบ่ายนี้เพราะเขาจะไปรับเธอเองไงล่ะ "มาทำงานเช้าจังเลยพี่ชายผม ครึ้มอกครึ้มใจอะไรครับ" เป็นกรวรรธที่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดูจะอารมณ์ดีพอกัน "ก็ไปออกกำลังกายมา ก็เลยกระปรี้กระเปร่านะครับ คุณเกมล่ะน้ำเสียงสดใสเชียวเมื่อคืนมีอะไรดีหรือเปล่าครับ" มนัสพงษ์แซวกลับไม่โกง "ก็เรื่อย ๆ ครับ หยอดไปเรื่อย เดี๋ยวคงใจอ่อนไปเองมั๊งครับ" กรวรรธพูดแล้วก็งงตัวเองอยู่เหมือนกัน "หึหึ ยังไง" มนัสพงษ์แซวไม่เลิก "เอาน่า เอาเป็นว่าเราแข่งกันดีมั๊ยครับพี่นัส ถ้าใครได้แต่งก่อนคนนั้นชนะ" กรวรรธเสนอ "แล้วชนะจะได้อะไรล่ะครับ" มนัสพงษ์เอ่ยถามอย่างนึกสงสัย "ก็ได้คนของใจไปเป็นภรรยาซิครับ จะอะไรล่ะ" กรวรรธพูดยิ้ม ๆ "……." มนัสพงษ์ไม่พูดแต่มุมปากยกยิ้มอยู่อย่างนั้น ทั้งสองก็กลับนั่งประจำที่โต๊ะทำงานของตนเองโดยสมาธิจดจ่อกับงานจนถึงเวลาเที่ยงเศษ ๆ ก๊อก ก๊อก ก๊อก (เสียงเคาะที่โต๊ะ) "ไปกินข้าวข้างนอกกัน" เป็นมนัสพงษ์ที่เอ่ยขึ้นด้วยแววตาอ้อนวอนสุด ๆ เพราะจะได้หาโอกาสตรวจงานด้านนอก และไถลไปรับคนของใจก่อนบ่ายสองด้วย ลองไม่มาด้วยดูซิ พ่อจะเปิดโปงให้หมดเลย "ได้ซิครับ ปะ" กรวรรธตอบยิ้ม ๆ แล้วรีบเก็บข้าวของบนโต๊ะ หยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูใสกระเป๋ากางเกงแล้วเดินตามผู้ที่นับถือเหมือนพี่ชายไปติด ๆ และต่างคนต่างขับรถของตนเองออกไป @ร้านอาหารแห่งหนึ่ง "นึกยังไงถึงชวนผมออกมาข้างนอกครับ ไม่ใช่กินข้าวอย่างเดียวแล้วมั๊ง" กรวรรธพูดอย่างคาดเดา "ถูกเป๋งเลยครับ อยากซักซ้อมก่อนไปเจอเธอน่ะ" มนัสพงษ์กล่าวยิ้มแต่ในใจเริ่มกลัวขึ้นมาหน่อย ๆ แล้ว "ป๊อตเหรอครับ" "หรือนายไม่เป็นเวลาอยู่กับเด็กวันพระนั่น" มนัสพงษ์แหวขึ้นบ้าง ประกอบกับอาหารที่มาเสิร์ฟพอดีทั้งสองจึงเลือกที่จะจัดการอาหารตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ จนอิ่ม "แสดงความจริงใจ แล้วก็ตื้อครับ" กรวรรธเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปนาน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม