ก๊อก ก๊อก ก๊อก (เสียงเคาะกระจกโต๊ะจากผู้มาใหม่) "จะบ่ายแล้วนะครับ ไปกินข้าวกัน ผมมีเรื่องอยากปรึกษา" เป็นมนัสพงษ์ที่เอ่ยขึ้น
"อ้าว พี่นัสเองเหรอครับ ผมนึกว่าท่านรองเสียอีก" กรวรรธแปลกใจเล็กน้อย
"เรื่องเมื่อคืนน่ะครับ คุณเกมก็เห็นและได้ยินไม่ใช่เหรอครับ" มนัสพงษ์พูดอย่างระบายความอัดอั้น
"ระหว่างพี่กับคุณแพรเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ" กรวรรธถามอย่างตรง ๆ
"ก็เกือบจะเกินเลยละครับ แต่เป็นฝ่ายนั้นที่ปฏิเสธเสียก่อน" มนัสพงษ์เล่ายิ้ม ๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเพดาน ฝ้าไปเรื่อย (เพราะตอนที่พูดอยู่ในห้องทำงานค่ะ)
"งั้นพี่นัสไปรถผม หาที่เงียบ ๆ คุยกัน" กรวรรธเสนอ
"ได้ครับ"
"งั้น ปะ"
@ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
สองหนุ่มพากันเข้ามาในร้านและเลือกที่นั่งที่เป็นส่วนตัวและห่างจากผู้คนพอประมาณ
"ว่ามาเลยครับพี่นัส มันมีอะไรกันแน่" กรวรรธเปิดประเด็น
"คุณเกมจำวันที่รถสองคนนั้นยางแบนได้มั๊ยครับ" มนัสพงษ์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ
"จำได้ซิครับ ก็ผมเป็นคนบงการเอง" กรวรรธพูดกลั้วหัวเราะ ทำเอาอีกคนถึงกับรีบตวัดสายตามามองหน้าอย่างอึ้ง ๆ
"…ร้ายนะครับ หึหึ นั่นแหละครับความรู้สึกดี ๆ ของผมที่เก็บเอาไว้มานาน มันเกิดประทุในวันนั้น เธอหลับน่ะครับ ผมอดไม่ได้ก็เลยล่วงเกินเธอไป แต่ไม่ได้ถึงขั้นนั้นหรอกครับ พอดีเธอไม่ยอม ผมก็เลยไปส่งเธอเข้าบ้านก็แค่นั้น" มนัสพงษ์อึ้งไปพักหนึ่ง แล้วเอ่ยแซวคู่สนทนากลับคืนบ้าง จากนั้นก็อธิบายยืดยาวที่สุดตั้งแต่คุยกับบุรุษเพศด้วยกันมา
"แล้วทำไมดูเธอจะกลัว ๆ เกรง ๆ กับพี่นัสละครับ" กรวรรธถามต่อ
"อ๋อ…คงกลัวผมเอาไปเปิดโปงมั้งครับ ก็ผมขู่เอาไว้น่ะครับ หึหึ" มนัสพงษ์กล่าวยิ้ม ๆ
"ร้ายเหมือนกันนะนี่" กรวรรธแซวเบา ๆ
"ก็ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมกันบ้างแหละครับ รอมาหลายปีแล้ว ผมสี่สิบแล้วนะครับ กว่าจะได้จีบ กว่าจะได้แต่ง กว่าจะมีลูก ถ้ามัวแต่รอแม่คุณผมไม่แก่ตายก่อนลูกโตเหรอครับ"
"ผมขอพูดอะไรไว้สักอย่างนะครับว่าการที่คนเราจะเชื่อฟังใครสักคนมันไม่ง่ายเลย ทำไมเราต้องเชื่อด้วยล่ะ ถ้าไม่รักและศรัทธา จริงมั๊ยครับ"
"ขอบใจนะคุณเกมที่ช่วยเขี่ยผงที่เข้าตาให้"
"นายเกม หรือเกม เฉย ๆ ก็พอ ไม่ต้องมีคุณเคินอะไรหรอกครับพี่ชาย"
"ผมรู้นะครับว่าคุณไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดหรือผู้ช่วยธรรมดา แต่คุณเกมเป็นถึงทายาทนักธุรกิจระดับพันล้านที่เสียชีวิตไปแล้ว และเป็นถึงบุตรบุญธรรมของนายใหญ่อีกด้วย"
"แล้วไงละครับ มันก็แค่สมบัตินอกกายนะครับ ถ้าวันนึงมันหายไปผมก็ยังเหลือมิตรภาพ แล้วก็นี่ แล้วก็นี่ต่างหากที่จะทำให้ผมเอาตัวรอด" กรวรรธชี้ไปที่ขมับ และหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองแล้วยิ้มในหน้า
"ได้ซินายเกม ไอ้น้องชายพี่ยินดีต้อนรับนายเป็นน้องชายนะ พี่เป็นเด็กกำพร้าไม่เคยมีญาติที่ไหนอยู่แล้ว ขอมีครอบครัวกับเค้าสักทีก็ดีเหมือนกัน"
"ได้เลยครับพี่ชาย ผมก็เหมือนกันเป็นแต่พี่ชาย ลองเป็นน้องชายดูเสียบ้างก็คงดี"
มนัสพงษ์พาร์ท
{ใช่ซิถ้ากลัวก็ต้องบอกคนอื่นเพื่อขอความช่วยเหลือซิ แต่นี่เธอเก็บเรื่องราวนั้นไว้โดยไม่ปริปากบอกใครเพราะกลัวเราจะเดือดร้อนเหมือนกันใช่มั๊ย}
@เช้าวันใหม่
หนุ่มใหญ่เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งตั้งแต่เช้า หลังจากนั้นจึงมาอาบน้ำแต่งตัว ทำอาหารง่าย ๆ กินเองกับกาแฟดำหนึ่งแก้วคือจบและเตรียมตัวเข้าออฟฟิศตั้งแต่เช้าก่อนใคร วันนี้คนของใจของเขาเข้ากะบ่ายและเขาก็กำชับแล้วว่าจะไปรับที่บ้านไม่ต้องแว๊นมอ'ไซค์มาทำงาน ก็ดูคนตัวเล็กจะเชื่อฟังเขาหรือเปล่าคงรู้กันบ่ายนี้เพราะเขาจะไปรับเธอเองไงล่ะ
"มาทำงานเช้าจังเลยพี่ชายผม ครึ้มอกครึ้มใจอะไรครับ" เป็นกรวรรธที่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดูจะอารมณ์ดีพอกัน
"ก็ไปออกกำลังกายมา ก็เลยกระปรี้กระเปร่านะครับ คุณเกมล่ะน้ำเสียงสดใสเชียวเมื่อคืนมีอะไรดีหรือเปล่าครับ" มนัสพงษ์แซวกลับไม่โกง
"ก็เรื่อย ๆ ครับ หยอดไปเรื่อย เดี๋ยวคงใจอ่อนไปเองมั๊งครับ" กรวรรธพูดแล้วก็งงตัวเองอยู่เหมือนกัน
"หึหึ ยังไง" มนัสพงษ์แซวไม่เลิก
"เอาน่า เอาเป็นว่าเราแข่งกันดีมั๊ยครับพี่นัส ถ้าใครได้แต่งก่อนคนนั้นชนะ" กรวรรธเสนอ
"แล้วชนะจะได้อะไรล่ะครับ" มนัสพงษ์เอ่ยถามอย่างนึกสงสัย
"ก็ได้คนของใจไปเป็นภรรยาซิครับ จะอะไรล่ะ" กรวรรธพูดยิ้ม ๆ
"……." มนัสพงษ์ไม่พูดแต่มุมปากยกยิ้มอยู่อย่างนั้น
ทั้งสองก็กลับนั่งประจำที่โต๊ะทำงานของตนเองโดยสมาธิจดจ่อกับงานจนถึงเวลาเที่ยงเศษ ๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก (เสียงเคาะที่โต๊ะ)
"ไปกินข้าวข้างนอกกัน" เป็นมนัสพงษ์ที่เอ่ยขึ้นด้วยแววตาอ้อนวอนสุด ๆ เพราะจะได้หาโอกาสตรวจงานด้านนอก และไถลไปรับคนของใจก่อนบ่ายสองด้วย ลองไม่มาด้วยดูซิ พ่อจะเปิดโปงให้หมดเลย
"ได้ซิครับ ปะ" กรวรรธตอบยิ้ม ๆ แล้วรีบเก็บข้าวของบนโต๊ะ หยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูใสกระเป๋ากางเกงแล้วเดินตามผู้ที่นับถือเหมือนพี่ชายไปติด ๆ และต่างคนต่างขับรถของตนเองออกไป
@ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
"นึกยังไงถึงชวนผมออกมาข้างนอกครับ ไม่ใช่กินข้าวอย่างเดียวแล้วมั๊ง" กรวรรธพูดอย่างคาดเดา
"ถูกเป๋งเลยครับ อยากซักซ้อมก่อนไปเจอเธอน่ะ" มนัสพงษ์กล่าวยิ้มแต่ในใจเริ่มกลัวขึ้นมาหน่อย ๆ แล้ว
"ป๊อตเหรอครับ"
"หรือนายไม่เป็นเวลาอยู่กับเด็กวันพระนั่น" มนัสพงษ์แหวขึ้นบ้าง ประกอบกับอาหารที่มาเสิร์ฟพอดีทั้งสองจึงเลือกที่จะจัดการอาหารตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ จนอิ่ม
"แสดงความจริงใจ แล้วก็ตื้อครับ" กรวรรธเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปนาน