คราวนี้ทั้งเธอทั้งพี่สาวก็ทำงานไปเรียนไปจนแทบสลบเหมือดค่าห้องเรียน แต่ไม่ว่าจะยากลำบากมากสักเพียงใด พวกเธอสองพี่น้องก็สามารคคว้าใบปริญญาโทมาให้กับตนเองได้ในที่สุด
และเมื่อเรียนจบแล้ว ก็เริ่มคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนจับใจ อยากกลับประเทศไทยในทุกวินาที แต่ติดตรงที่ว่าไม่มีเงินมากพอสำหรับซื้อตั๋วเครื่องบินกลับประเทศไทย จนต้องมานั่งโอดครวญเหมือนที่ทำอยู่ในเวลานี้
ในขณะผู้เป็นแฝดน้องบ่นอุบไม่ได้หยุดปาก ผู้เป็นพี่สาวซึ่งสุขุมรอบคอบและใจเย็นกว่าน้องสาวหลายเท่านัก ก็คลี่ยิ้มหวาน พลางเอ่ยปลอบแฝดน้องในตลอดเวลา
“เอาน่าไข่ตุ๋น ทนไปอีกสักพักนะ พี่คิดว่ายังไงๆ ภายในปีนี้พวกเราทั้งสองคนต้องเก็บเงินได้มากพอสำหรับค่าตั๋วเครื่องบินอย่างแน่นอนจ้ะ”
“สาธุ...ขอให้สมพรปากพี่ไข่หวานทีเถอะ ไข่ตุ๋นอยากกลับบ้านจนแทบทนรอเวลาไม่ไหวแล้ว”
ไม่ได้พูดปากเปล่า แต่บุญธิสาได้ยกมือไหว้ท่วมหัว ในใจนั้นบนบานศาลกล่าวขอให้คำพูดของพี่สาวเป็นจริงสักทีเถอะ เพราะตอนนี้เธอรู้สึกว่าแทบไม่อยากอยู่ในประเทศฮาริยาอีกต่อไปแล้ว
แม้แผ่นดินทะเลทรายแห่งนี้จะเจริญรุดหน้าเทียบเท่าประเทศใหญ่ๆ ในโลกตะวันตก ถึงแม้บ้านเมืองเขาจะน่าอยู่สะดวกสบายมากเพียงใด แต่หญิงสาวก็รู้สึกว่าอยู่ที่ไหน อยู่บนแผ่นดินใดก็ไม่สุขใจเท่ากับอยู่บ้านเรา อยู่ในประเทศไทยอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนมาตั้งแต่อ้อนแต่เอาะ
บัณฑิตาเห็นอาการของน้องสาวแล้วก็ส่ายหน้ายิ้มๆ รู้ว่าบุญธิสาเป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว น้องสาวของเธอใจร้อนมุทะลุ ดื้อรั้นเป็นที่สุด หากต้องการสิ่งใดแล้วมักดิ้นรนหามาจนได้ ซึ่งนิสัยในประการหลังของบุญธิสานั้น ทำให้เธอหนักใจอยู่มาก กระนั้นก็ไม่สามารถดัดนิสัยของน้องสาวได้ เพราะบุญธิสาเข้าทำนองที่ว่าไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยากซะแล้ว สิ่งที่เธอทำได้ในยามนี้คือการประคับประคองคอยเตือนคอยห้ามน้องสาวเท่าที่พอจะทำได้
“น้องสาวพี่ ใจเย็นอีกนิดนะ สักวันมันเราจะต้องได้กลับบ้านอย่างแน่นอนจ้ะ”
“ไข่ตุ๋นจะอดทนรอนะคะ”
บุญธิสารับคำไม่เต็มเสียงนัก พอรู้สึกตัวว่าตนเองชักจะโวยวายมากเกินควร ก็พยายามฝืนยิ้มให้พี่สาวสบายใจ ก่อนจะเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย เมื่อเห็นอีกฝ่ายอยู่ในชุดพร้อมออกไปทำงาน
“ทำไมวันนี้พี่ไข่หวานออกไปทำงานเร็วจังเลยคะ”
พอถูกน้องสาวทัก บัณฑิตาก็ถอนหายใจยาว พลางเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกให้รู้ถึงความเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน
“วันนี้เจ้านายรับงานใหญ่ จัดค็อกเทลและอาหารไปเลี้ยงแขกกิตติมศักดิ์ ทั้งพวกลูกคนรวย เชื้อพระวงจ์ เชื้อเจ้า หรือพวกสาวไฮโซ ดารา นางแบบ ซึ่งได้รับเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงฉลอง วันประสูติครบรอบ 34 ปี ของชีคฮาริค ดาเนียล อิสมาแอล ในตำหนักของพระองค์ เจ้านายเลยให้พี่และลูกน้องทุกคนไปทำงานก่อนเวลาปกติ สองชั่วโมงนะไข่ตุ๋น”
“ให้ไปทำงานก่อนเวลาเข้างานจริงตั้งสองชั่วโมง แล้วเจ้านายของพี่ไข่หวานให้เบิกเงินโอทีด้วยหรือเปล่าคะ”
บัณฑิตาส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆ พลางเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา อย่างคนปลงตกไม่มีทางเลือกในชีวิตของตนเอง
“ไม่มีให้หรอกไข่ตุ๋น พี่และพนักงานคนอื่นๆ ทำงานล่วงเวลา บางทีก็ครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมง แต่เจ้านายหน้าเลือดไม่ยอมให้เบิกโอที เขาอ้างว่างานของพวกพี่ยังไม่จบกระบวนการ คุณเสิร์ฟอาหาร เสิร์ฟเหล้าให้ลูกค้าแล้ว คุณก็ต้องเก็บแก้วเก็บชามไปล้างด้วย กว่าพวกพี่จะทำเสร็จมันก็ล่วงเวลาทำงานปกติไปแล้ว บางทีล่วงเวลาไปอีกชั่วโมงกว่าหรือเกือบสองชั่วโมงก็มี”
“บ้าชะมัด! ทำไมถึงเอาเปรียบกันแบบนี้นะ”
ในขณะพี่สาวนิ่งขึงเอ่ยตอบเสียงราบเรียบ แต่ผู้เป็นน้องสาวกลับสบถลั่นทุบลงไปบนเตียงนอนเต็มแรงด้วยความเจ็บใจ
“ทำไมคนจนอย่างพวกเราถึงถูกเอาเปรียบไม่มีที่สิ้นสุด คนรวยพวกนี้จะให้โอกาสพวกเราลืมตาอ้าปากบ้างไม่ได้หรือยังไงกัน ไข่ตุ๋นจะไปฟ้องกรมแรงงาน!”
คราวนี้ร่างบางอรชรของบุญธิสา กระโจนลงจากเตียงนอน ทำท่าจะวิ่งออกจากห้องนอน เพื่อทำตามที่ลั่นวาจาออกไปในก่อนหน้านี้
ทว่าบุญธิสาวิ่งไปไม่ทันถึงประตูห้องนอน ก็ถูกผู้เป็นพี่สาวรวบร่างอรชรจับยึดไว้แน่น พร้อมกันนั้นก็รีบเอ่ยเตือนให้ตระหนักถึงความเป็นจริง
“ไข่ตุ๋น จะไปฟ้องให้ได้อะไรขึ้นมา คดีเล็กๆ แบบนี้ พวกเจ้าหน้าที่เขาไม่สนใจทำคดีให้หรอก เขาคงบอกให้พวกพี่ไปคุยกับเจ้านายเอาเอง ซึ่งก็คงไม่ต่างจากการไปพูดกับตอไม้ ยังไงๆ เจ้านายก็ไม่ยอมจ่ายเงินให้พวกพี่หรอก ดีไม่ดีจะไล่พวกพี่ออกด้วยซ้ำไป”
“ไล่ออกเราก็หางานทำใหม่สิคะ”
บุญธิสาโต้กลับตามประสาคนปากไว แต่พอได้ยินคำตอบของพี่สาวอีกหน ก็ถึงกับตีหน้าจ๋อย เริ่มเห็นด้วยกับคำพูดของแฝดพี่
“สำหรับชาวต่างชาติอย่างพวกเรา งานไม่ได้วิ่งเข้าหาง่ายๆ นะไข่ตุ๋น ในประเทศฮาริยามีข้อจำกัดหลายอย่างที่ไม่รับคนต่างชาติอย่างพวกเราเข้าทำงาน”
บัณฑิตาเอ่ยพูดอย่างคนมองโลกในแง่ดี ไม่ว่าประเทศไหนๆ ต่างก็มีข้อจำกัด ข้อยกเว้นในการรับคนต่างชาติเข้าทำงาน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อเป็นการกันให้คนในประเทศของตนเองมีงานมีอาชีพทำก่อน ซึ่งหญิงสาวก็เข้าใจในหลักการนี้เป็นอย่างดี แต่คนที่กำลังตีโพยตีพาย และเป็นคนที่เข้าใจอะไรยากอย่างบุญธิสาดูท่าว่าจะหงุดหงิดไม่เลิก
“เฮ้อ...ทำไมอะไรๆ มันก็อับจนหนทางไปหมดแบบนี้ นี่ถ้าอยู่ในประเทศไทย พวกเราคงไม่ถูกเอาเปรียบแบบนี้หรอก”
บุญธิสาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนอนอีกครั้งอย่างคนหมดแรง หมดกำลังใจ ใบหน้างามหมองเศร้า ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความท้อแท้ในชีวิต จนผู้เป็นพี่สาวเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ต้องโอบแขนเนียนไปรอบร่างเล็ก พร้อมกับเอ่ยให้กำลังใจอีกหน
“ไม่ต้องท้อนะไข่ตุ๋น พี่บอกแล้วว่าสักวันจะต้องมีวันของพวกเราทั้งสองคน”
ผู้เป็นแฝดน้องไม่เอ่ยตอบพี่สาว นอกจากการถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้พี่สาวได้ยิน พร้อมกันนั้นก็ยกมือโอบไปรอบเอวบางคอดกิ่วของพี่สาว แล้วพึมพำออกมาเบาๆ ตามประสาคนที่มีอารมณ์แปรปรวนไม่อยู่กับร่องกับรอย
“ไข่ตุ๋นคิดถึงคุณแม่ คิดถึงคุณตาคุณยาย คิดถึงคุณพะ...”
ถ้อยคำในประโยคท้ายขาดหายไปพร้อมๆ กับเสียงสูดสะอื้นเบาๆ บุญธิสาเกือบหลุดคำว่าคุณพ่อออกมา ดีที่ระงับไว้ได้ทันท่วงที กระนั้นหญิงสาวก็รู้ว่าพี่สาวคงรู้ว่าเธอกำลังจะเอื้อนถ้อยคำใดออกมา เพราะสีหน้าของพี่สาวก็ถอดสีเผือดเช่นเดียวกัน