แค่แฟนเก่า 7 กลิ่น

1981 คำ
เมื่อปิดประตูพี่เซ้นต์ก็กวาดตามองรอบห้อง “ห้องใหญ่มาก สวยมากครับ” ราคาของคอนโดแห่งนี้น่าจะไม่ใช่ถูก ๆ ห้องที่ฉันอยู่มีสองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องนั่งเล่น หนึ่งห้องครัว สำหรับฉันแล้วก็ถือว่าใหญ่เลยนะกับการอยู่คนเดียว แต่ฉันไม่มีสิทธิ์พูดว่าไม่ชินเพราะอยู่บ้านฉันก็อยู่คนเดียวบ่อยไป จะไม่ชินได้ยังไง น้อยใจแม่ไม่ได้ด้วย แม่ฉันน่ะเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แม่ขยันที่สุดและฉันรู้ว่าแม่รักฉัน “เปลี่ยนใจกลับบ้านตอนนี้ยังทันนะคะ” “จะทิ้งให้แฟนทำคนเดียวได้ไงครับ มาเดี๋ยวพี่ช่วย เราเริ่มจากอะไรดี” พี่เซ้นต์หันมายิ้ม “ระหว่างรอพี่เซ้นต์มาเพ้นท์ทำไปนิดหน่อยแล้ว เหลือห้องครัวที่ยังไม่ได้ทำ” “งั้นเราเริ่มกันเลยดีไหม” “ค่ะ” เวลาห้าทุ่มทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ไม่คิดเลยว่าการย้ายเข้าอยู่โดยไม่ได้หาแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดก่อนจะเหนื่อยขนาดนี้ “น้ำค่ะ” น้ำโค้กเทใส่แก้วที่มีน้ำแข็งเย็น ๆ ยื่นให้พี่เซ้นต์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วก็มานั่งที่โซฟา ช่วงที่พี่เซ้นต์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าฉันลงไปซื้อน้ำซื้อขนมของกินจากร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ ฉันเกรงใจเขาอะ เกรงใจเขามาก เราเพิ่งเป็นแฟนกันวันเดียวฉันก็ใช้งานเขาหนักจนเหงื่อโชกตัว ส่วนเสื้อผ้าเขาพกติดกระเป๋ามาด้วย เขาบอกชอบพกบางครั้งต้องเปลี่ยนงี้ ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่เรียนวิศวะก็คงเลอะง่ายมั้งนะ ช่างเถอะ ยังไงตอนนี้เขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว “ดึกขนาดนี้ลงไปคนเดียวได้ไง อันตราย” พี่เซ้นต์ทำหน้าไม่พอใจหลังจากที่กวาดตามองข้าวของบนโต๊ะ ของที่ฉันเพิ่งซื้อมา “คนยังพลุกพล่านอยู่เลยค่ะ” ปกติเที่ยงคืนยังปั่นจักรยานกลับจากร้านเหล้าอยู่ อันนี้ลงไปใกล้แค่นี้ปลอดภัยหายห่วง “เดี๋ยวต่อไปพี่ซื้อของมาตุนไว้ให้ ชอบอันไหนลิสต์มาให้พี่ จะได้ไม่ต้องลงไปเวลาแบบนี้” “…” “เข้าใจไหมครับ” “เข้าใจค่ะ” “พี่พูดเพราะห่วงนะ พี่เป็นห่วงเพ้นท์มากจริง ๆ ความจริงก็น่าจะรอพี่ออกมาจากห้องน้ำแล้วเราค่อยไปด้วยกันก็ได้ ไปก็ไม่บอกพี่” “ก็น้ำที่ซื้อติดมือมามันหมดแล้ว เพ้นท์เห็นพี่เซ้นต์เหนื่อยก็เลยอยากให้ดื่มน้ำเย็น ๆ จะได้ชื่นใจนี่คะ” “ขอบคุณนะ” “เพ้นท์สิที่ต้องขอบคุณพี่เซ้นต์ที่มาช่วยเพ้นท์ขนาดนี้ ถ้าไม่ได้พี่ช่วยน่าจะหลายวันกว่าจะเสร็จ” “แล้วไม่ได้ให้เพื่อนมาช่วยเหรอ” “ไม่อยากรบกวนเพื่อนค่ะ เพื่อนเพ้นท์ไม่เคยมาที่นี่ คนที่เคยมามีแค่แม่กับเพ้นท์และวันนี้เพิ่มพี่เซ้นต์มาอีกคนค่ะ” “พูดแบบนี้พี่ดีใจแล้วนะ” “ดีใจอะไรคะ ดีใจที่เหนื่อยเหรอ” “ครับ” เขายิ้มอีกแล้ว ใบหน้าที่ยามปกติเรียบนิ่งน่าเกรงขาม เวลายิ้มกลับละมุนหัวใจมาก หนึ่งชั่วโมงต่อมาเรากินข้าวด้วยกันเรียบร้อย เป็นเมนูอาหารในร้านสะดวกซื้อ ฉันไม่รู้ว่าพี่เซ้นต์ชอบอะไร ก็เลยหยิบมาหลายอย่าง คิดง่าย ๆ แค่ว่าน่าจะมีสักอย่างที่ถูกใจเขา พี่เซ้นต์เลือกผัดซีอิ๊วหมู ฉันจึงเอาเข้าไมโครเวฟ ไม่รู้ว่าเขาชอบหรือเขาแค่เลือกมากินให้เหมือนฉัน “ดึกแล้วพี่กลับก่อนนะ” “พรุ่งนี้พี่มีเรียนเช้าใช่ไหมคะ” ระหว่างที่เก็บทำความสะอาดข้าวของเขาบอกฉันน่ะ “ใช่ครับ” “นี่เที่ยงคืนแล้ว กว่าจะกลับถึงบ้านพี่น่าจะเกือบตี 2 เลยไหมคะ แล้วก็ต้องตื่นเช้าเพื่อเดินทางแต่เช้าอีก” “ก็ประมาณนั้น” “พี่ค้างที่นี่ไหมคะ ชุดพี่เพ้นท์ปั่นแห้งตากไว้แล้ว” “ให้พี่ค้างด้วยจริงเหรอ” “…” “พี่…” “อีกห้องที่พี่เซ้นต์เก็บทำความสะอาดไว้ พี่นอนห้องนั้นได้เลยนะคะ หรือว่าพี่จะกลับคะ” “กลับไม่ไหว พี่ง่วงแล้วครับ ไปนอนก่อนนะ” ว่าแล้วพี่เซ้นต์ก็ลุกขึ้นเร็วไว “โอเคค่ะ ฝันดีนะคะ” เขารีบร้อนคล้ายกลัวฉันจะเปลี่ยนใจ ฉันเองก็ไม่ได้ใจจืดใจดำขนาดนั้นไหม เขาช่วยทำความสะอาดห้องจนดึกดื่น จะไล่เขากลับทั้งที่เช้าเขาก็ต้องเร่งรีบมาเรียน ก็แค่ค้างคืน ทั้งยังคนละห้องนอน อีกอย่างเราก็เป็นแฟนกันแล้ว ไม่เสียหายหรอกมั้ง มหาวิทยาลัย เที่ยงฉันมานั่งที่โรงอาหารของคณะตามที่เพื่อนนัดเจอกันเพราะวันนี้เรามีเรียนบ่าย เพื่อนฉันอยากกินข้าวด้วยกันก่อนเข้าเรียนจึงนัดเจอกันที่นี่ พี่เซ้นต์ที่พักเที่ยงเวลานี้จึงให้ฉันสั่งข้าวไว้ให้เพราะเขาจะมากินข้าวที่นี่ เมื่อเช้าเขาออกไปตอนเช้าเลยมั้ง ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะว่าไม่ได้ตื่นมาเจอเขา ฉันหลับน่ะ เมื่อคืนกว่าฉันจะเข้านอนก็เกือบตี 2 “พี่เซ้นต์” เห็นว่าเขากำลังมองหาฉันก็เลยเรียกให้เขาเห็นว่าฉันนั่งอยู่ตรงนี้ ฉันแยกออกมานั่งโต๊ะอีกตัวเพราะพี่เซ้นต์บอกว่าเพื่อนเขาจะมาด้วย ซึ่งโต๊ะที่เพื่อนฉันนั่งมันไม่พอและถ้าเขานั่งร่วมวงด้วยก็คงดูไม่ดี “ขี้โกงนี่หว่ามีคนซื้อไว้ให้แล้ว” พี่เบย์เอ่ย “หวัดดีน้องเพ้นท์” พี่โจส่งยิ้ม วางสมุดไว้ที่โต๊ะ “หวัดดีค่ะ” “เดี๋ยวไปซื้อข้าวก่อนนะ” พี่โจเอ่ยแล้วก็เดินออกจากโต๊ะไป “เพ้นท์ตื่นกี่โมง” “สิบโมงครึ่งค่ะ ตอนที่ทักบอกพี่ไง” “เมื่อคืนนอนดึกเหรอ” “น่าจะตีสองเข้าห้องนอน กว่าจะหลับก็เกือบตีสามค่ะ” “นอนดึกจัง” “นอนแปลกที่เพ้นท์ก็เลยเกร็ง ๆ แต่อีกเดี๋ยวก็ชินค่ะ” “ครับ” “พี่เซ้นต์หลับดีไหม พี่ออกไปกี่โมงคะ” คำถามนี้ฉันกระซิบเบา ๆ กลัวว่าคนอื่นจะได้ยินว่าเรานอนที่เดียวกัน “หลับดีมากครับ ได้รู้ว่าเพ้นท์นอนอยู่ห้องข้าง ๆ พี่รู้สึกดีมาก” พี่เซ้นต์ก็เหมือนจะรู้ถึงได้กระซิบกลับ “อ้อ ค่ะ นี่ข้าวค่ะ กินได้ไหม เพ้นท์ไม่รู้ว่าพี่ชอบกินอะไร” ข้าวราดแกงสามอย่างที่ฉันเป็นคนเลือกมาเอง เขาบอกให้ซื้อข้าวให้แต่เขาไม่บอกว่าจะเอาอะไร เขาให้ฉันเลือกเมนูให้ ฉันก็เลยเลือกรวม ๆ กันมา “เพ้นท์เลือกอะไรมาให้พี่ก็ชอบทั้งนั้น” “จะชอบหมดไม่ได้นะคะ พี่เซ้นต์ต้องบอกเพ้นท์ด้วยสิว่าพี่เซ้นต์ชอบอะไร คราวหน้าเพ้นท์จะได้เลือกที่พี่ชอบ” “ถ้าถามหาสิ่งที่พี่ชอบก็...เพ้นท์ไง” “เพ้นท์หมายถึงของกินค่ะ” “พี่กินได้ทุกอย่าง ยิ่งได้กินกับเพ้นท์พี่ยิ่งชอบ” “เฮ้อ” ทำไมทุกอย่างที่พูดไปเขาถึงหยอดกลับมาได้ตลอดเลยนะ เขาเชี่ยวชาญหรือฉันอ่อนประสบการณ์ “แล้วไม่กินข้าวเหรอ” “กินมาจากที่ห้องค่ะ” เวฟข้าวที่ซื้อมากินไป กลัวมันเหลือฉันก็เลยต้องกิน เสียดายของ “ที่จริงพี่ไม่ค่อยอยากให้กินอาหารแช่แข็งเท่าไหร่นะ สุดท้ายแล้วก็ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ” “ซื้อมาแล้วเลยต้องกินให้หมดค่ะ” “เป็นสิบกล่องเลยนะ” “ก็เพ้นท์ไม่รู้ว่าพี่ชอบกินอะไร เลยหยิบเผื่อ ๆ มาค่ะ” “งั้นอยากให้พี่ไปช่วยกินไหม” สายตากรุ้มกริ่มนี่มันอะไรน่ะ “เอ่อ…” “มาแล้วก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ แซบ ๆ” พี่เบย์วางถ้วยก๋วยเตี๋ยวลงที่โต๊ะพร้อมกับพี่โจวางข้าวราดแกง ทั้งสองนั่งลงข้างกัน “หวัดดีค่ะพี่ ๆ หนูฟินฟินเพื่อนเพ้นท์นะคะ” ตรงจังหวะกับที่ฟินฟินย้ายมานั่งที่โต๊ะเดียวกันกับฉัน เพื่อทำความรู้จักกับหนุ่มคณะวิศวะคนดังอย่างพี่เบย์ “หวัดดีครับน้องฟินฟิน พี่ชื่อเบย์ครับ นี่โจ นี่เซ้นต์” “ฟินฟินรู้จักค่ะ สามหนุ่มหล่อของวิดวะ” “หนูหว่าหวาค่ะ เพื่อนเพ้นท์ ยินดีที่ได้รู้จักพี่ ๆ นะคะ” อีกคนตามมาแล้ว เฮ้อ เรื่องผู้ชายนี่ไม่มีใครยอมใครเลยจริง ๆ “หวัดครับน้องหว่าหวา ยินดีที่ได้รู้จักครับ” พี่โจเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มหล่อ ขณะเดียวกันแฟนของฉันยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเป็นการรักษามารยาท “ขอโทษนะคะ พี่เซ้นต์เป็นแฟนกับเพ้นท์แล้วใช่ไหมคะ” ฟินฟินตัวดีไม่ถามฉันล่ะ ไปถามเขาทำไม “ใช่ครับ” “ถึงว่ามีกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นเดียวกับเพ้นท์เลยค่ะ” แค่ก แค่ก พี่เซ้นต์ถึงกับสำลักข้าว ส่วนฉันเริ่มเลิ่กลั่ก “บังเอิญครับ” เขายิ้มบาง มันก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่ฉันเป็นคนที่ซักผ้าแล้วใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มเยอะมาก เยอะแบบกลิ่นติดชนิดที่ว่าเพื่อนหอมจนฉุนอะไรทำนองนั้น แล้วเมื่อคืนนี้ฉันซักชุดช็อปและกางเกงของพี่เซ้นต์ ด้วยความติดนิสัยใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มหนัก ๆ เสื้อผ้าของพี่เซ้นต์ก็เลยติดกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มแล้วก็ติดกลิ่นน้ำยาอัดกลีบ เนื่องจากเมื่อคืนหลังจากที่พี่เซ้นต์เข้าห้องไปแล้วฉันก็เตรียมเสื้อผ้าของฉันและของพี่เซ้นต์มารีด ระหว่างรีดก็เปิดเบียร์กระป๋องกินไปด้วย เบียร์กระป๋องฉันซื้อมาแช่เย็นตอนที่ลงไปซื้อของด้านล่างน่ะ กินเพื่อให้หลับง่าย นอนแปลกที่คืนแรกกลัวหลับไม่ดีไง เจอเบียร์ไปสามกระป๋องหลับยาวเลย “ว่าไปแล้ววันนี้กลิ่นเสื้อผ้ามึงก็แปลกไปจากทุกวันจริง ๆ สรุปยังไงวะ” พี่เบย์หันมาให้ความสนใจเรื่องกลิ่นเสื้อผ้าพี่เซ้นต์ “เพ้นท์ใช้กลิ่นนี้แล้วกูชอบกูก็เลยใช้ตามเพ้นท์” คือคำตอบของพี่เซ้นต์ เขาตอบเพื่อนแล้วหันมายิ้มให้ฉัน “ขอบคุณนะครับ” “ขอบคุณอะไรคะ” “ขอบคุณที่เป็นแฟนที่น่ารักไง” “ค่ะ” ฉันจะขอเดาแล้วกันว่าคำขอบคุณนี้หมายถึงเรื่องซักผ้ารีดผ้า “ก๋วยเตี๋ยวกูปรุงรสเปรี้ยว แต่ทำไมมันเลี่ยนจังวะ” พี่เบย์แซวแหละ แซวแรงด้วยนะ แต่พวกเขาคงไม่คิดหรอกมั้งว่าฉันกับพี่เซ้นต์นอนที่เดียวกัน “เลิกเรียนกี่โมง” พี่เซ้นต์ละสายตาจากเพื่อนหันมาพูดกับฉัน “ตามตารางก็ห้าโมงครึ่งค่ะ” วันนี้เลิกค่อนข้างเย็น “กลับด้วยกันไหม” “พี่เซ้นต์เลิกบ่ายสองไม่ใช่เหรอ รอเพ้นท์นานเลยนะ” เขาบอกฉันไว้ในไลน์ ส่งตารางเรียนของเขามาให้ฉันตั้งแต่เช้าแล้ว “วันนี้มีแข่งบอลกับสถาปัต” “อ้อ” “เรากลับด้วยกันนะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” “ได้ค่ะ แต่เพ้นท์ขับรถมานะคะ” “เพ้นท์ขับรถเป็นด้วยเหรอ ปกติพี่ไม่เคยเห็นเพ้นท์ขับ” “ขับเป็นค่ะ แต่ขี้เกียจขับ ตอนนี้ตื่นสายได้ก็เลยไม่ค่อยขี้เกียจค่ะ” “งั้นให้พี่ติดรถไปส่งเพ้นท์นะ จากนั้นเดี๋ยวพี่นั่งแท็กซี่กลับบ้านเอง” “ได้ค่ะ เอาไว้เพ้นท์เลิกเรียนเราคุยกันอีกทีนะ” “ครับ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม