“พอๆ กับเจ้าสาวแหละฉันว่า นี่ถ้าไม่ไปลากออกมาจะหยุดมั้ยถามจริงๆ”
ให้ตายเถอะ ขุนพลยังจำตอนที่ยัยอวบงอแงเพราะเขาไปลากเธอออกมาจากการเต้นหน้าเวทีได้แม่น
สาวอวบที่ไม่คิดว่าตัวเองจะสนุกอะไรมากมายเบอร์นั้นได้แต่ยิ้มแหยๆ แต่พอเขาถอดเสื้อออกหมดและได้เห็นซิกซ์แพ็กเป็นลอนสวยก็เริ่มเม้มปาก
ไม่ว่าใครจะว่ายังไง เธอก็ยังมีความตื่นเต้นทุกครั้งไปในยามที่ได้อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้ คนที่ฟ้าประทานลงมาโปรดคนอวบอย่างเธอให้ได้เจอรักแท้
“ถามน่ะได้ยินมั้ย”
“เอ่อ อะไรนะคะ” คนสติหลุดเพราะเห็นลอนกล้ามขาวๆ เนียนๆ เสียการควบคุมตัวเองอย่างเห็นได้ชัด สิ่งที่เขาถามไม่ได้เข้าหูจริงๆ นั่นแหละ
เขามีแต่ผู้ชายตะลึงเพราะเห็นร่างกายผู้หญิง นี่เธอเสียสติเพราะเห็นร่างกายสามีตัวเอง โอ๊ย ยัยอวบเอ๊ย! เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยคิดมิดีมิร้ายพี่คิงได้สักทีก็ไม่รู้
“ฉันบอกว่า ถ้าไม่ไปลากออกมาจะหยุดเต้นมั้ย”
จ้องหน้ารอคำตอบไปด้วยพร้อมกับปลดเข็มขัดไปด้วยเพื่อไม่ให้เสียเวลา
“หยุดซี่ อุ๊บเต้นนิดเดียวแค่นั้นแหละ”
“หึ!” ขุนพลส่งเสียงไม่เชื่อถือพลางส่ายหน้า จากนั้นก็ปลดกระดุมกางเกงและรูดซิป จังหวะที่เขาจะถอด สาวอวบที่ยังคงความขี้อายเต็มเปี่ยมก็หันหลังขวับทันที
“อายอะไรอีก เมื่อกี้ยังจ้องตาเป็นมัน”
อาทิตยาหันมาส่งค้อนให้เขานิดๆ ก่อนจะหันกลับคืนไปแกะกิ๊บดำออกจากผมของตัวเอง แต่แล้วคนบางคนก็ทำให้เธอชะงักมืออีก
“ถอดเร็วๆ จะได้อาบด้วยกัน”
นี่เขาจะเอาเธอไปอาบด้วยเพื่อ?! อาบใครอาบมันก็ได้!
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวอุ๊บอาบทีหลัง”
“ถอด เร็วๆ”
คนที่ยืนหล่อโดยมี กกน. เพียงตัวเดียวติดกายเอ่ยช้าๆ ชัดๆ
แต่แทนที่อาทิตยาจะหงอเหมือนทุกที กลับส่ายหน้ารัวๆ แล้วบุ้ยใบ้ให้เขามองไปรอบๆ ห้อง
“โห เยอะขนาดนี้เลยเหรอ รกไปหมด”
ขุนพลไม่ได้สังเกตเลยว่าของขวัญจากคนสำคัญได้ถูกนำมาเก็บไว้ในห้องของเขาซึ่งใช้เป็นห้องหอจนล้นมุมห้องเลยทีเดียว
“แกะเลยมั้ยคะ” อาทิตยาอาสาเสียงตื่นเต้น เธออยากเห็นของขวัญจากเพื่อนๆ
“จะบ้าเหรอ แกะไปคนเดียวเถอะ ฉันจะนอน”
“อ้าว...” คนตัวอวบหน้าหงอยลงเล็กน้อย ก็เหนื่อยนะ แต่ก็อยากแกะของขวัญดูก่อนจริงๆ นี่นา
“ไปอาบน้ำก่อนเถอะ ไม่เหนื่อยหรือไง เต้นยิ่งกว่าแขกอีก”
“โอเคค่ะ” เธอยิ้มให้เขา ก่อนจะเดินเข้าไปหาและวางมืออวบขาวลงบนมือหนาสีเข้มที่ยื่นมารอ
ขุนพลจับเธอหันหลังแล้วก็รูดซิปหลังของชุดแต่งงานออกให้อย่างเร็วไว รุ่นนี้ไม่มีทะนุถนอม ทั้งหนาทั้งนุ่มและแข็งแรงทนทานขนาดนี้ ยัยอวบไม่ได้บอบบางเสียหน่อย
พอร่างกายขาวโพลนเหลือเพียงชุดชั้นใน สองผัวเมียก็เดินเพลียๆ ไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำด้วยกันทันที สาบานว่าแค่อาบน้ำอย่างเดียวจริงๆ ไม่มีสะมะลึกกึ๊กกึย อีรุงตุงนังหรืออีรังตุงเนใดๆ ทั้งสิ้น...
เสร็จสิ้นภารกิจต่างๆ แล้วก็พากันกระโดดขึ้นเตียง อาทิตยานั้นคิดว่าเมื่อตัวเองหัวถึงหมอนแล้วเธอคงจะหลับเป็นตายเพราะความเหน็ดเหนื่อยเป็นแน่ แต่เอาเข้าจริงพอได้นอนแล้วกลับนอนไม่หลับซะอย่างนั้น จึงได้แต่นอนหงายลืมตาแป๋ว เช่นเดียวกับคนข้างๆ ที่พลิกไปพลิกมาเหมือนว่านอนไม่หลับเช่นเดียวกัน
สุดท้ายเขาเลยพลิกกายตะแคงกลับมากอดเธอที่เปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคงหันหลังให้เขาอยู่ มือหนาก็ลูบนั่นลูบนี่ไปเรื่อย
“พุงแบนราบจัง”
เปรยอย่างแปลกใจเมื่อรู้สึกได้ว่าเอวคอดที่โค้งเว้าในแบบอวบๆ นั้นไม่ป่องไม่ยื่นสักนิด ราบเรียบผิดปกติ
“อุ๊บไม่ได้กินข้าว”
“กินแต่ก๋วยเตี๋ยว”
“แหะๆ ทำไมคิงรู้ล่ะคะ” อาทิตยาหัวเราะอย่างอายๆ
โธ่เอ๊ย ไอ้เราก็นึกว่าจะเป็นห่วงว่าทำไมไม่กิน บลาๆ ๆ กลายเป็นว่ารู้ดีอีกว่าเธอกินก๋วยเตี๋ยวมาแล้ว
“หึ!”
เขาทำเสียงในลำคอพร้อมกับส่งสายตารู้ทัน ถ้ายัยอวบจะอดข้าว อดน้ำเพื่อวันนี้ เห็นทีโลกคงจะถล่ม ถ้าไม่กินข้าวก็ต้องได้กินอย่างอื่นทดแทนอยู่แล้วล่ะ
อีกทั้งอาหารการกินวันนี้ขนมาจัดเต็ม นอกจากโต๊ะจีนจากร้านขึ้นชื่อแล้ว ก็มีซุ้มก๋วยเตี๋ยวและอาหารอื่นๆ ให้แขกได้เดินเลือกหากินเพิ่มเองตามอัธยาศัย ค่อนข้างเป็นการจัดงานเลี้ยงแต่งงานที่ไม่เหมือนใครสักเท่าไหร่
“ง่วงยัง” ถามจบก็ดึงให้เธอหันนอนตะแคงมาทางเขา เข้าหอคืนแรกก็มานอนหันหลังให้ ตีสักทีดีมั้ยนี่! ขุนพลคิดอย่างมันเขี้ยว
“ง่วงค่ะ” อาทิตยาไม่ได้โกหก ง่วงมากจริงๆ แต่ทำไมตาของเธอถึงได้ไม่ล้าไม่ปรือหรือไม่อยากหลับแบบนี้นะ ยังคงจ้องหน้าเขาตาใสแจ๋ว
“จ้องหน้ากันแบบนี้หมายความว่าไง”
“จ้องแบบไหน”
“จ้องตาเยิ้มๆ เนี่ย ตกลงง่วงจริงหรืออะไร”
“ไม่...อุ๊บก็จ้องปกติ”
ขุนพลส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อคำพูดของเธอเด็ดขาด ก่อนจะเอ่ย
“เธอว่าฉันดูไม่ออกเลยเหรอ แค่เธอกะพริบตาฉันก็รู้ไปถึงจินตนาการของเธอแล้ว”
“อุ๊บไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ใส่ร้าย” อ้อมแอ้มต่อว่าเขา
“โห เธอจะให้ฉันพูดตรงๆ มั้ยอวบ เวลาเธอมองฉันน่ะ เหมือนจะกลืนกิน หน้าตาเธอหื่นมาก”