ทำงานวันแรก

1913 คำ
เพราะต้องไปทำงานวันแรก นิรดาจึงตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เอาแต่พลิกตัวไปมาตลอดคืน ไม่รู้ว่าเพราะอาการเจ็ตแล็กด้วยหรือเปล่า แต่มันก็รบกวนเธอพอสมควร หญิงสาวตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยแจ่มใสนัก ก่อนที่จะทำอะไรก็รีบโทรสั่งอาหารเช้าจากร้านอาหารอเมริกันด้านล่างตึก แล้วพุ่งตัวเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงอาหารที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟถึงห้อง ก๊อก ก๊อก ก๊อก “อาหารเช้ามาเสิร์ฟแล้วค่ะ” “มาแล้วค่ะ” นิรดาเปิดประตูออกมาด้วยชุดคลุมอาบน้ำ ใบหน้าใสนั้นประปรายด้วยเครื่องสำอางสีบาง ๆ ดูสุขภาพดี “ทานให้อร่อยนะคะ” พนักงานเอ่ยขอบคุณก่อนที่เธอจะพยักหน้ายิ้มรับให้ หลังจากทานน้ำส้มคั้นสดกับแซนด์วิชที่อุดมไปด้วยโปรตีนและไฟเบอร์เสร็จอย่างรวดเร็ว เธอก็ลุกไปยังตู้เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยชุดหลากหลายแบบ ก่อนจะเลือกแต่งกายด้วยชุดเรียบ ๆ แต่ภูมิฐาน มองตัวเองผ่านกระจกแล้วยิ้มกว้างให้กับการเริ่มงานวันแรก “เราต้องทำได้นิรดา” ความตั้งใจนี้เต็มเปี่ยม เธอจะอดทนกับชีวิตที่เลือก และจะทำมันให้ดีที่สุดเลยละ สำหรับการทำงานวันแรกนั้น นิรดาตัดสินใจนั่งแท็กซี่ คิดว่าหากหลงขึ้นมาแล้วไปสายคงจะเสียประวัติแย่ และเพราะเธอออกมาเช้า รถราบนท้องถนนจึงยังไม่ติดมากนัก แท็กซี่ชวนคุยทันควัน “ดีนะครับที่ออกมาก่อนเวลาคนไปทำงาน ไม่งั้นเส้นนี้ติดหนักจนไม่ขยับเลยละครับ” “อ้อ ค่ะ” “ถึงแล้วครับคุณผู้หญิง ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีนะครับ” นิรดายิ้มรับคำอวยพรจากคุณลุงคนขับแท็กซี่ ก่อนจะยื่นเงินค่าโดยสารให้ มองตึกสูงทรงสวยเป็นเอกลักษณ์ที่กรุกระจกแวววาวทั้งตึกแล้วก็อดตื่นเต้นไม่ได้ รอยยิ้มแห่งความภูมิใจฉายออกมา ‘ในที่สุดวันนี้ก็เป็นจริง’ นิรดาคิดในใจ หญิงสาวพกความมั่นใจเต็มเปี่ยมเดินตรงเข้าไปยังแผนกประชาสัมพันธ์ ผู้หญิงสามคนยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ด้วยใบหน้าพร้อมให้บริการ “สวัสดีค่ะ พอดีฉันมารายตัวทำงานวันแรกน่ะค่ะ” “อ๋อ พนักงานใหม่สินะคะ รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวเรียกให้ฝ่ายบุคคลมารับไปค่ะ” นิรดานั่งรอฝ่ายบุคคลอยู่สักพัก ระหว่างนั้นก็กวาดสายตาสำรวจบริเวณโถงต้อนรับไปด้วย ด้านในอาคารหรูหราโอ่อ่าไม่แพ้ด้านนอก สมกับเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของประเทศ โลโก้ P&K สีเงินติดตระหง่านอยู่บนผนังดูสวยงามหรูหรา ใครเห็นก็ต้องหันมองและประทับใจ ด้านในอาคารยังมีร้านกาแฟและร้านอาหารไว้รอบริการอีกด้วย ครบครันจนแทบไม่ต้องออกไปฝ่ารถติดด้านนอกตอนพักเที่ยง ไม่นานนักเจ้าหน้าที่หญิงวัยสามสิบกลาง ๆ ก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “นิรดาใช่ไหมจ๊ะ เดี๋ยวขึ้นไปรายงาตัวกับฝ่ายบุคคลกันก่อน จากนั้นค่อยไปยังฝ่ายที่หนูทำงานเนอะ” “ค่ะ” นิรดาสาวเท้าเดินตาม พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ใช้เวลาสักพักใหญ่กว่าจะกรอกเอกสารพนักงานและแจกแจงเรื่องข้อกำหนดของพนักงานเสร็จ “โอเค รายงานตัวเรียบร้อย เดี๋ยวหนูก็ตามพี่เอชอาร์อีกคนไปกดลิฟต์ไปชั้นสิบเลยนะจ๊ะ แล้วถ้ามีปัญหาเรื่องการทำงาน หรือข้องใจเรื่องวันลามาขาดยังไงก็มาหาพี่ที่ห้องนี้ได้เสมอนะ” “ขอบคุณมากค่ะ” “โชคดีกับงานวันแรกนะ อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ ล่ะ” พนักงานสาวยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง ส่วนนิรดายิ้มกลับตามมารยาท อย่างน้อยก็รู้สึกดีที่เจอบรรยากาศดี ๆ ตั้งแต่วันแรก หญิงสาวมุ่งตรงกดลิฟต์ไปยังชั้นสิบ ทันทีเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ทางเดินเงียบ ๆ นั้นก็ทำให้เธอทำตัวไม่ถูก ภายในห้องเปิดโล่ง มีเพียงฉากกั้นระหว่างโต๊ะทำงานเท่านั้น ห้องทำงานดูกว้างแต่ก็อัดแน่นไปด้วยโต๊ะทำงานหกโต๊ะ ทั้งหมดแปดแถว ลึกเข้าไปมีห้องทำงานที่บุกระจกสีชาไว้ เดาว่าคงเป็นของหัวหน้าระดับสูงแน่นอน “ไม่ต้องเกร็งหรอกนะ แค่เงียบเท่านั้นแหละ” พนักงานฝ่ายบุคคลเอ่ยขึ้นมา นิรดาเดินตามพนักงานฝ่ายบุคคลไปถึงโต๊ะตัวสุดท้ายที่อยู่ในสุด ไม่ไกลจากห้องผู้บริหารเท่าไรนัก คิดเสียว่าได้ทำงานใกล้หัวหน้าคงจะดีไม่น้อย … วันนี้ภานุวัตน์มีประชุมช่วงเก้าโมง จึงมาถึงบริษัทตั้งแต่เช้า ชายหนุ่มเดินเข้ามาในตัวอาคารในชุดสูทแบรนด์หรูสีดำขลับ นาฬิกาแบรนด์หรูส่องกระทบแสงแดดเป็นประกายแสบตา ดนัยผู้ช่วยส่วนตัวและมานัดเลขาเดินตามหลังมาไม่ห่าง “ท่านชายครับ วันนี้บ่ายสองโมงมีนัดกับท่านหญิงนะครับ และช่วงห้าโมงเย็นมีประชุมเรื่องก่อสร้างโรงแรมที่ระยองกับมิสเตอร์ทานาโกะจากญี่ปุ่นครับ” “อืม” เขาตอบขณะยืนรอลิฟต์อยู่ตรงโถงทางเดิน “ลิฟต์มาแล้ว เชิญครับท่านชาย” ดนัยเอ่ยขณะที่ใช้มือหนึ่งขวางประตูลิฟต์ไว้ ภานุวัตน์เดินเข้าไปด้วยท่าทางสง่างามเช่นเคย มือยังล้วงกระเป๋าด้วยความผ่อนคลาย เพียงไม่นานลิฟต์ก็ขึ้นมาถึงชั้นบนสุด ชั้นนี้มีเพียงห้องของภานุวัตน์ที่มีผู้ช่วยส่วนตัวและเลขาอีกหกคนเท่านั้น ชั้นของประธานบริษัทย่อมต่างไปจากห้องพนักงานทั่วไป มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งยังมีเลาจน์ไว้คอยคอยต้อนรับลูกค้าของบริษัทอีกด้วย ทั้งนี้เพราะท่านชายหนุ่มชอบความเป็นส่วนตัวและความเงียบสงบ ภายในชั้นจึงแยกโต๊ะกันชัดเจนและก้มหน้าก้มตาทำงานกันอย่างเงียบเชียบ พนักงานทุกคนรับรู้ดีว่าเขาชอบการมีสมาธิในการทำงาน ดังนั้นจึงระวังกันอย่างที่สุด มาร์ตินา นิรดา ฟูลเลอร์ ชื่อเล่น น้องดา ลูกสาวสุดรักสุดหวงของครอบครัวฟูลเลอร์ ซึ่งร่ำรวยติดอันดับโลก ด้วยความรวยมหาศาลนี้ทำให้หญิงสาวเติบโตมาสุขสบายดั่งเจ้าหญิง มีพร้อมทุกอย่างทั้งเงินทอง บริวาร และใบหน้าที่สะสวย แด๊ดของเธอเป็นมาเฟียมือดีและนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลของอิตาลี แต่ถึงแม้ว่าชีวิตเธอจะเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ชนิดที่ว่าหากต้องการอะไรก็แค่กระดิกนิ้วเรียกหา แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจของเธอก็ยังเปล่าเปลี่ยว ยังคงตามหาความรักจากใครสักคนหนึ่งมาตลอด เหตุผลจริง ๆ ที่นิรดาเลือกมาใช้ชีวิตที่ประเทศไทยและตั้งใจเข้าทำงานที่บริษัทนี้ เป็นเพราะเธอแอบมีใจให้เจ้าของบริษัทตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ด้วยความรักความปลื้มในวัยเยาว์ซึ่งยังคงฝังแน่นอยู่ในใจ จึงเป็นเรื่องง่ายที่เธอจะยอมทิ้งชีวิตคุณหนูอันเลิศหรูมาทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศ และใช้ชีวิตที่เมืองไทยเฉกเช่นคนธรรมดา นิรดาได้รับตำแหน่งนักออกแบบภายในของบริษัท ซึ่งในวันแรกของการทำงาน สิ่งแรกที่เธอทำคือลงมือจัดโต๊ะทำงาน เรียงของใช้ต่าง ๆ ให้ดูมินิมอล จะได้ไม่เกะกะสายตาเวลาทำงาน “โอเค แฟ้มวางตรงชั้น กล่องปากกาวางมุมขวา” เธอพึมพำคนเดียว การได้จัดพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองก็มีความสุขเหมือนกัน พอถึงเวลาเข้างานได้ไม่นานนาน พนักงานคนอื่น ๆ ต่างทยอยเดินเข้ามานั่งประจำโต๊ะ เสียงพูดคุยและหัวเราะดูวุ่นวายมากเลยทีเดียว หญิงสาวที่ไม่เคยอยู่ในสังคมทำงานมาก่อนรู้สึกว่าทุกอย่างดูแปลกใหม่ไปหมด “เอ๊ะ นี่เด็กใหม่เหรอ” เสียงพนักงานสาวรุ่นราวคราวเดียวกันเอ่ยขึ้น ทุกคนจึงหันมามอง ด้วยความที่เป็นน้องใหม่ นิรดาจึงต้องลุกขึ้นแนะนำตัวให้เพื่อนร่วมงานรู้จัก “สวัสดีค่ะ นิรดาค่ะ เรียกว่าน้องดาก็ได้นะคะ จะเข้ามาทำงานในตำแหน่งนักออกแบบภายใน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ” สิ้นเสียงแนะนำตัว พี่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกคนต่างก็สวัสดีทักทาย บ้างก็เข้ามาแนะนำตัวด้วย บ้างก็ยิ้มให้ ใช้เวลาเพียงไม่นานนิรดาก็กลับมานั่งโต๊ะตัวเอง เสียงเงียบลงเมื่อถึงเวลาทำงาน หญิงสาวนั่งเฉย ๆ อยู่ได้ไม่นานก็มีพนักงานคนหนึ่งเดินเอาแฟ้มเอกสารมาให้เธอ “อันนี้งานของน้องดานะจ๊ะ วันนี้วันแรกก็ได้งานเยอะเลย สู้ ๆ นะ เดี๋ยวน่าจะอาทิตย์หน้า พี่ไก่จะกลับมาตรวจงานอีกที” พี่น้องพูดให้กำลังใจพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยก่อนทำท่าจะเดินจากไป “มีอะไรไม่เข้าใจเรื่องงาน หรือเรื่องบริษัท เดินไปถามพี่ได้ตลอดนะ” “ค่ะ” นิรดาพยักหน้ายิ้มรับอย่างเป็นมิตร เมื่อน้องเดินจากไปแล้ว เธอก็หยิบเอกสารกองโตขึ้นมาศึกษางานอย่างละเอียด ใบหน้าสวยประปรายด้วยสีหน้าจริงจังนั้นทำให้ดูน่ามองมากขึ้นไปอีก หญิงสาวตั้งใจกับงานครั้งนี้มาก เธอใช้เวลาอ่านแฟ้มหนาอยู่สักพักใหญ่ ก่อนจะเริ่มลงมือตามที่ได้รับมอบหมายอย่างตั้งใจ ... หลังจากใช้เวลาประชุมงานตอนเช้าและเคลียร์งานที่ห้องเล็กน้อยแล้ว มองเวลาดูก็เกือบบ่ายสอง วันนี้ภานุวัตน์มีนัดที่ต้องไปเจอแม่และลูกสาวของเพื่อน สถานที่ที่ใช้นัดดูตัวกับลูกสาวของนารีนั้น เป็นร้านอาหารไทยสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อไปถึงก็เจอท่านแม่ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว “มาแล้วเหรอชายวัตน์ ไหน ยิ้มให้แม่ดูหน่อยซิ” หม่อมเจ้าหญิงรวีวรรณเห็นลูกชายทำหน้าเคร่งขรึมแล้วก็ทนไม่ไหว ขืนเป็นอย่างนี้มีหวังลูกสาวเพื่อนหล่อนคงจะหนีหายไปก่อนแน่ “เข้าไปกันเถอะครับ จะได้รีบกลับ” ภานุวัตน์ไม่อยากจะยิ้มด้วยซ้ำ “นี่ชายวัตน์ แม่ขอล่ะนะ อย่าทำให้แม่ต้องขายหน้า ทำดีกับลูกสาวเพื่อนแม่หน่อย เข้าใจไหมลูก” “เข้าใจครับ” ภานุวัตน์ตอบอย่างขอไปที เขาลอบถอนหายใจเบา ๆ นึกอยากให้ผ่านช่วงเวลาอึดอัดนี่ไปเสียที คุณหญิงนารีและการะเกศผู้เป็นลูกสาวนั่งรออยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักลอบสบตาชายหนุ่มด้วยท่าทีเขินอาย “มากันแล้วเหรอเพคะ แหม ท่านชายวัตน์ไม่เจอกันนาน สิริโฉมเหลือเกินเพคะ” “คุณหญิงสบายดีนะครับ” “สบายดีเพคะ การะเกศ หนูไปนั่งตรงข้ามท่านชายสิลูก” คุณหญิงนารีกระทุ้งแขนใส่ลูกสาวที่เอาแต่เขินจนหน้าแดง “ชวนน้องคุยด้วยนะ” หม่อมเจ้าหญิงรวีวรรณกระซิบบอกลูกชายที่เอาแต่นั่งหน้าเข้ม บรรยากาศในห้องอาหารวีไอพีนั้นเงียบสงัด มีเพียงเสียงตักกับข้าวเข้าปากเท่านั้น สองหญิงวัยเกษียณคุยกันอย่างออกรสออกชาติ แต่สองหนุ่มสาวกลับนั่งเงียบ โดยเฉพาะภานุวัตน์ที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองหญิงสาวที่นั่งตรงข้าม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม