เจอกันอีกครั้ง

1926 คำ
เจอกันอีกครั้ง “ทำไรกันอยู่ ทำไมช้าขนาดนี้ ไปตลาดแค่นี้เอง” พอกลับมาถึง คนเป็นแม่ก็บ่นใส่ลูกทั้งสองทันทีเมื่อมาถึง เพราะรอของสดเพื่อจะได้จัดของเปิดร้านอาหาร แต่วันนี้เปิดร้านสายกว่าทุกวัน “รู้ไหมว่าลูกค้าเขามาสั่งข้าวไว้ตั้งเยอะ พวกแกมัวแต่ไปไหนกัน ทำไมมาช้าเอาป่านนี้” “พอดีว่ารถมันติดมากน่ะจ้ะ พวกฉันสองคนเร่งที่สุดแล้วแม่” กานต์ออกปากแทนพี่สาว ขณะที่ปุยฝ้ายได้แต่จัดของช่วยแม่ไปอย่างเงียบๆ “เร็วๆ ช่วยกันจัดโต๊ะจัดของให้เรียบร้อย เดี๋ยวแม่จะทำของที่ลูกค้าเขาสั่งก่อน” มณีรีบใส่ผ้ากันเปื้อนและถุงมือด้วยความเคยชินทุกครั้งเวลาทำอาหาร ร้านอาหารของมณีเปิดอยู่หน้าบ้าน เพราะละแวกแถวบ้านนั้น มีรถวิ่งไปมาตลอดเวลา แม้ว่าจะเป็นชุมชนหมู่บ้านในตัวเมืองกรุงเทพฯก็ตาม “สวัสดีครับแม่มณี” “อ้าว เมฆ หวัดดีจ้ะลูก วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ” “ไม่ครับ วันนี้วันหยุดราชการน่ะครับ” “แล้วจะรับอะไรดีลูก เดี๋ยวแม่ทำให้เลย” “กะเพราหมูเหมือนเดิมครับ” “ได้จ้ะ เข้ามานั่งรอได้เลยนะ” เมฆเดินเข้ามานั่งรอภายในร้าน ขณะที่พี่น้องสองคนกำลังช่วยกันจัดโต๊ะ ปุยฝ้ายหันมามองหน้าแล้วส่งยิ้มให้ แล้วเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ตัวข้างๆ “วันนี้ว่างเหรอคะ คุณผู้กอง” “ใช่ พี่เลยรีบมาทานข้าวร้านแม่มณีไง แล้วนี่กานต์หายดีหรือยัง” เมฆเอ่ยถามพร้อมกับหันไปมองเด็กหนุ่ม ที่มีใบหน้าฟกช้ำอยู่บ้าง “มันดีขึ้นมากแล้วค่ะ วันจันทร์ก็ไปเรียนได้แล้ว นี่ก็ลาครูมาเป็นอาทิตย์ ไข้จับตั้งสามวัน ฉันให้มันกินข้าวกินยานอนอย่างเดียว จนวันนี้ดีขึ้นเลยไปซื้อของที่ตลาดเป็นเพื่อนฉัน” “ดีแล้วล่ะ ถ้าคราวหน้ามีเรื่องอะไร บอกพี่ได้นะ ถ้าพี่ช่วยได้พี่จะช่วยเต็มที่ กานต์จะได้ไม่ต้องไปที่อันตรายแบบนั้นอีก” “ขอบคุณนะคะพี่เมฆ แต่ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ ไหนๆ วันนี้พี่ก็มากินข้าวร้านแม่แล้ว กินให้เต็มที่เลยนะคะ วันนี้ฝ้ายเลี้ยงเอง ถือเป็นการตอบแทนน้ำใจที่ช่วยน้องฝ้าย” “เรื่องเล็กน่า” เมฆมองหน้าหญิงสาวด้วยแววตาอ่อนโยน ส่งความอบอุ่นและเป็นห่วงทางสายตา จนปุยฝ้ายรับรู้ความรู้สึกเหล่านั้นที่เมฆมีให้ แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยความรู้สึกออกมา แต่การกระทำของตำรวจหนุ่ม บ่งบอกทุกอย่าง “งั้นตามสบายนะจ๊ะ ฝ้ายต้องไปช่วยแม่ทำข้าวให้ลูกค้าอีก” เธอลุกขึ้นเดินหนีเขาออกมาช่วยคนเป็นแม่อีกแรง กานต์ที่ยืนมองอยู่ห่างๆ ก็มองออกว่าเมฆคิดยังไงกับพี่สาวของตน เด็กหนุ่มจึงเดินเข้ามานั่งคุยอยู่ข้างๆ เขา “มองพี่ผมขนาดนี้ ชอบพี่ฝ้ายเหรอ” “...อะไรของเอ็งเนี่ย” “ไม่ต้องมาชักหน้าหรอกพี่เมฆ ผมมองตาเดียวก็รู้ว่าพี่ชอบ นี่ ถ้าพี่ชอบก็จีบเลยสิครับ มัวแต่อ้ำอึ้งอยู่ได้” “...” “พี่สาวผม ก็โตเป็นสาวแล้วนะ แถมยังเก่งแล้วก็สวยมากด้วย” “เลิกพูดมากเลย ว่าแต่เอ็งเถอะ หายดีแล้วใช่ไหม” “แผลแค่นี้ จิ๊บๆ นี่ พี่เมฆ ผมเชียร์พี่นะ มีอะไรก็พูดออกมาเลย อย่าเก็บไว้ ระวังหมาคาบไปกินนะครับ” เมฆขมวดคิ้วหันมามองหน้ากานต์ด้วยความสงสัย เด็กหนุ่มก็ส่งสายตาและยกยิ้มกรุ้มกริ่มใส่ ก่อนที่ตำรวจหนุ่มจะหันไปให้ความสนใจคนตัวเล็ก ที่กำลังช่วยแม่ทำอาหาร อันที่จริงเมฆตั้งใจจะบอกความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อปุยฝ้ายหลังจากที่เธอนั้นเรียนจบ แต่พอได้ยินคำพูดของกานต์ ก็เริ่มหวั่นว่าหญิงสาวจะปล่อยใจให้คนอื่นเสียก่อน ปุยฝ้ายนั่งรถแท็กซี่มาลงที่ห้างใหญ่ใจกลางเมือง หลังจากที่ทำงานช่วยแม่ขายของอยู่ไม่นาน เพราะเธอเองก็มีงานเสริมทำระหว่างที่หยุดเรียนสองวัน ด้วยความที่บ้านตอนนี้ลำบาก เธอก็เลยหางานทำโดยไม่รบกวนเงินของแม่สักบาท หญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามาในห้าง ก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากทางด้านขวา ก่อนจะมีชายฉกรรจ์วิ่งตรงมาทางนี้ ขณะที่มีเจ้าของเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังตามหลังมา ปุยฝ้ายที่เข้าใจสถานการณ์ เธอจึงไม่รอช้าสกัดขาคนร้ายที่วิ่งราวชิงกระเป๋าของผู้หญิงคนนั้น จนโจรขโมยที่ไม่ทันได้ระวังก็ล้มลงไปกับพื้น และในทันทีเธอก็เข้ามาจับแขนของมันไขว้หลังไว้ไม่ให้ดิ้นหนี “โอ๊ย! อีเวรเอ๊ย ปล่อยกู!” “มึงกล้ามากนะ ที่มาวิ่งราวขโมยกระเป๋าคนอื่นกลางห้างแบบนี้ อยากไปนอนห้องกรงเหรอฮะ!” ปุยฝ้ายใช้เข่าข้างหนึ่งของเธอกดทับหลังของมันเอาไว้ ขณะที่แขนของมันก็ถูกจับไขว้หลังไว้อย่างนั้น จนกระทั่งผู้เสียหายเจ้าของกระเป๋าวิ่งเข้ามาถึง “กระเป๋า กระเป๋าฉัน!” ผู้เสียหายรีบดึงกระเป๋ากลับมาคืน พร้อมกับเปิดดูของด้านใน แต่แล้วก็โล่งใจเมื่อไม่มีของหาย “หืม แกกล้ามากเลยนะที่ทำแบบนี้ ฉันจะส่งแกส่งตำรวจ” “อย่าๆ ผมขอโทษ อย่าแจ้งตำรวจเลยนะครับ” คำร้องขอจากหัวขโมย ไม่ทำให้คนเสียหายยอมความ ก่อนที่พนักงานรักษาความปลอดภัยเข้ามาช่วยเหลืออีกแรง ก่อนที่หล่อนจะสั่งให้นำตัวส่งตำรวจ ท่ามกลางสายตาของเหล่าบรรดาผู้คนแถวนั้น ที่ต่างยืนมุงดูเหตุการณ์ "ลากตัวมันส่งตำรวจเลยค่ะ” “ครับ!” “ปล่อย! ปล่อยกู!” “ขอบคุณนะคะน้อง ถ้าไม่มีใครช่วยจับมันเอาไว้ ฉันแย่แน่เลย” จีน่า ผู้เสียหายหันมาขอบคุณหญิงสาวตัวเล็ก ที่มีความกล้าจับโจรให้ “ไม่เป็นไรค่ะ คุณไม่เป็นอะไรก็ดีมากแล้วค่ะ เอ่อ ฉันขอตัวก่อนนะคะ” ปุยฝ้ายส่งยิ้มบางๆ ให้ แล้วตั้งท่าจะเดินเข้าไปในห้าง ด้วยความที่ตอนนี้เสียเวลามามากพอควร แต่ทว่าจีน่ากลับเรียกเธอเอาไว้เสียก่อน “เดี๋ยวก่อนสิคะ ว่าแต่น้องชื่ออะไรเหรอ พี่ชื่อจีน่านะคะ” “อ๋อ หนูปุยฝ้ายค่ะ” “น้องฝ้ายรีบไปไหนไหมคะ พอดีพี่อยากเลี้ยงข้าวสักมื้อเป็นการตอบแทน” “เอ่อ ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ พอดีฝ้ายมีงานด้วย ต้องรีบไปแล้วค่ะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้อีกครั้ง แล้วรีบเดินออกไป เพราะจริงแล้วเธอไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทน จึงมุ่งไปที่ทำงาน ทำเอาจีน่าถึงกับชะงักเล็กน้อย และรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทำความรู้จักมากกว่านี้ เพราะหล่อนนั้นเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ทำให้ไม่มีเพื่อนที่ไทยเท่าไหร่ “คุณหนูครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ” สายฟ้า ลูกน้องคนสนิทของภูวินเดินเข้ามาทักจีน่า ผู้ซึ่งเป็นคนสำคัญของมาเฟียหนุ่ม และเธอยังเป็นลูกสาวของห้างแห่งนี้อีกด้วย “อ้อ ไม่มีอะไรแล้วล่ะ พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อย แต่มีคนช่วยไว้” “แล้วนี่ ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ” “ไม่เป็นไร แล้วพี่ภูวินล่ะ” “รออยู่ที่ร้านอาหารแล้วครับ” “อืม” จีน่าพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปในห้างตามสายฟ้า ปุยฝ้ายเดินเข้ามาในร้านอาหารหรู ซึ่งเธอเป็นพนักงานพาร์ทไทล์ จะมาเข้างานเฉพาะเวลาว่างเท่านั้น โดยวันนี้ที่ร้านอาหารของแม่เธอ ก็ปล่อยให้กานต์ช่วยงานทางนั้นแทน เธอไม่อยากจะรบกวนเงินจากผู้เป็นแม่ จึงพยายามรับงานทุกอย่างที่ตัวเองทำได้ แม้ว่าช่วงที่เรียนอยู่ในตอนนี้จะหนัก แต่เธอก็แบ่งเวลาเรียนและทำงานได้ดี ภายในร้านในตอนนี้เริ่มมีลูกค้าเข้ามาอยู่เป็นระยะ ปุยฝ้ายมีหน้าที่รับออเดอร์ลูกค้า และคอยเสิร์ฟอาหารตามโต๊ะ สายฟ้าพาจีน่าเดินเข้ามาในร้านอาหารหรูที่ได้มีการจองคิวเอาไว้ โดยมีภูวินนั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว “พี่ภู” จีน่าเข้ามานั่งข้างชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม ด้วยท่าทางสนิทสนม โดยที่สายฟ้าก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับคนเป็นนาย “คิดถึงจังเลยค่ะ สบายดีไหมคะ” “อืม พี่สบายดี แล้วจีน่าล่ะ เป็นไงบ้าง ไม่เจอกันตั้งหลายปี” “สบายดีค่ะ ไม่ได้เจอพี่ภูตั้งนาน หล่อเหมือนเดิมเลยนะคะ” “น้องสาวพี่ก็ยังน่ารักเหมือนเดิม” คำชมจากปากของเขา ทำให้ความเป็นคนหน้านิ่งดูสุขุมของภูวินลดน้อยลง เมื่อได้คุยกับจีน่า ทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ซึ่งคอยปรึกษากันได้ในหลายๆ เรื่อง ทำให้ทั้งสองสนิทกันมากกว่าญาติคนอื่นๆ “ฝ้ายๆ ไปรับออเดอร์โต๊ะนั้นให้พี่หน่อยสิ พี่จะไปเข้าห้องน้ำก่อน” ลัดดา พนักงานสาวอีกคนยื่นสมุดจดให้กับปุยฝ้ายด้วยความเร่งรีบ ก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากร้าน ปุยฝ้ายจึงรีบวางของจัดระเบียบเสื้อผ้าตัวเอง แล้วเดินเข้าไปที่โต๊ะลูกค้า “สวัสดีค่ะ รับอะ...” หญิงสาวถึงกับหยุดชะงัก เมื่อได้เจอกับทั้งสามคนอีกครั้ง และเมื่อเช้าก็เพิ่งเจอกับสายฟ้ามาหมาดๆ ไม่คิดว่าจะโลกกลมมาเจอเจ้านายของเขาและจีน่าด้วย “อ้าว น้องนั่นเองอะ นี่ทำงานร้านนี้เหรอคะ” จีน่าทักท้วงด้วยความดีใจ “อ้อ ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่ารับอะไรดีคะ” “อืม พี่เอาห้าอย่างนี้ค่ะ แล้วก็น้ำส้มคั้นนะคะ สายฟ้ากับพี่ภูเอาอะไรเพิ่มไหมคะ” จีน่าเปิดเมนูอาหารบนโต๊ะพร้อมกับชี้บอก สั่งอาหารอย่างง่ายๆ ไม่ได้เรื่องมาก ทว่าพอหันมาถามภูวิน สายตาของเขากลับจ้องมองมายังพนักงานสาว “...ไม่ล่ะ” “งั้นตามนี้เลยค่ะ” “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” ปุยฝ้ายยิ้มบอก พร้อมกับเก็บสมุดเมนูอาหารกลับไปด้วย และรับรู้ได้ถึงสายตาคมกริบที่มองมาทางเธอ แต่ปุยฝ้ายก็เมินเฉยต่อสายตานั้น “คุณจีน่ารู้จักกับเด็กคนนั้นด้วยเหรอครับ” สายฟ้าเอ่ยถามด้วยความสงสัย “อ๋อ ไม่เชิงรู้จักหรอก พอดีว่าปุยฝ้ายช่วยฉันจับโจรที่ขโมยกระเป๋าฉันไปอะ” “หมายความว่าไงครับ โจรงั้นเหรอครับ แล้วคุณจีน่าไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ” “ฉันไม่เป็นอะไรหรอก แต่น้องฝ้ายเขาดีมากเลยนะ บอกว่าจะเลี้ยงข้าวก็ไม่เอา” “พี่บอกแล้วไง ว่าให้ไอ้สายมันไปรับมา จีน่าก็ยังจะขับรถมาเองอีก” ภูวินดุใส่น้องสาวเล็กน้อยด้วยความที่เป็นห่วง เพราะจีน่าไม่ได้อยู่ไทยนาน กลับมาทั้งทีเธอก็อยากจะขับรถมาเอง “ก็จีน่าอยากคุ้นกับการเดินทางไงคะ เวลาไปไหนมาไหน ก็จะได้สะดวก ไม่อยากให้มีคนคอยตามสักหน่อย” “แต่เพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศนะ รอบหน้าให้คนขับรถไปส่ง เข้าใจไหม” “..ค่ะ ดุจริง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม