พวกป่าเถื่อน
"นายครับ มีตำรวจเข้ามาครับ" ลูกน้องคนสนิทของมาเฟียหนุ่ม เดินเข้ามากระซิบบอกคนเป็นนาย ที่นั่งขาไขว้ห้างบนโซฟาหรูด้วยท่าทีสุขุม ที่กำลังให้ความสนใจคู่ชกมวยสองคนบนสังเวียนด้วยใบหน้านิ่งเฉย ขณะที่มีเสียงร้องเชียร์ของเหล่าลูกค้าที่กำลังชมการแข่งขันด้วยความคึกครื้น โดยไม่สนใจความเป็นความตายของเด็กหนุ่มด้านบน ที่อาบโชกไปด้วยเลือด
ภูวิน มาเฟียหนุ่มที่ใคร ๆ ก็ต่างให้ความเกรงใจ เพราะเขาคือผู้ที่มีอิทธิพลในย่านนี้ และยังเป็นเจ้าของกาสิโนแห่งนี้เพียงผู้เดียว และเจ้าเดียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทำให้เหล่าบรรดานักธุรกิจ นักการเมือง ต่างให้ความเคารพชายหนุ่ม และเข้ามาใช้บริการ ทั้งยังมาเสี่ยงดวงจากการพนัน
และทันทีที่สิ้นคำรายงานจากลูกน้องของเขา น้ำเสียงเล็กก็ตะโกนเรียกคนเป็นน้อง ที่ล้มลงไปนอนกับพื้น เมื่อถูกคู่ต่อสู้ชกเข้าที่หน้าอีกครั้ง
"กานต์!! กานต์!" เจ้าของเสียงนั้นได้วิ่งขึ้นไปบนสังเวียนมวยทันที ท่ามกลางสายตาของพวกป่าเถื่อนด้านล่าง ที่ส่งเสียงโห่ร้องให้กับกานต์ ที่นอนเจ็บหนักจนลุกขึ้นไม่ไหว
การกระทำของเธอ ตกอยู่ในสายตาของมาเฟียหนุ่ม ที่ยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบเบา ๆ ทำราวกับว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา
โซนและชมพู่รีบขึ้นไปช่วยกานต์ที่เปรียบเสมือนน้องชายคนหนึ่งด้วยความเป็นห่วง ขณะที่คนเป็นพี่อย่างปุยฝ้ายร้องไห้สะอื้นพร้อมกับดึงร่างที่เจ็บหนักของน้องชายขึ้นมาโอบเอาไว้
"กานต์ เจ็บมากไหม อึก ฮือ"
"พะ พี่..อึก พี่ฝ้าย"
"กูว่าพาน้องไปโรงบาลก่อนดีกว่าว่ะ" โซนออกความเห็น ก่อนจะตัดสินใจพยุงตัวเด็กหนุ่มขึ้นมา โดยไม่สนใจเสียงโหวกเหวกโวยวายของพวกคนด้านล่าง
"เฮ้ย! อะไรวะ"
"ยังไม่หมดยกสองเลย!"
"ทำแบบนี้ได้ไงวะ พวกกูยังดูไม่จบเลย!"
เสียงร้องโวยวายไม่พอใจ เมื่อโซนกับชมพู่พากานต์เดินออกไปแล้ว โดยโทรเรียกแท็กซี่เข้ามารับอีกที ทว่าปุยฝ้ายกลับอยู่ต่อกับเมฆ เพราะเธออยากจะเห็นหน้าคนที่ยอมปล่อยให้เด็กอายุแค่นั้นขึ้นชกไปได้ยังไง
"พวกมึงเป็นใครวะ" ชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วนเดินเข้ามาถามด้วยท่าทางไม่พอใจใส่หน้าเมฆ ที่ยืนทำหน้านิ่งเรียบ ก่อนที่ผู้กองจะยกบัตรเจ้าหน้าที่แสดงตัวให้พวกเขาดู ทำให้พวกเขายอมเงียบลง
"ใครคือเจ้าของที่นี่ครับ" น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยท่าทีใจเย็น แม้จะไม่พอใจกับการกระทำที่สุดจะป่าเถื่อนแบบนั้นก็ตาม
ปุยฝ้ายปาดน้ำตาออกลวกๆ พลางมองพวกเขาด้วยสายตาแข็งกร้าวเพราะความโกรธ จนมือและร่างกายสั่นไปหมด
"ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรครับ"
น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามขึ้น ก่อนที่พวกลูกค้าคนอื่นๆ จะหลบทางให้กับร่างสูง ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ ภูวินเดินตรงเข้ามาหาด้วยท่าทางน่าเกรงขาม จนทุกคนต่างต้องก้มหัวและให้ความเคารพเขา แม้จะดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะอายุน้อยกว่าพวกเขาก็ตาม
ใบหน้าคมคายหล่อเหลาตามฉบับคนเอเชียของเขา ไม่ได้ทำให้ปุยฝ้ายพึงพอใจเลยสักนิด แต่เธอกลับแสดงท่าทีไม่พอใจออกมา
"คุณเป็นเจ้าของที่นี่ใช่ไหมครับ"
"อืม" มาเฟียหนุ่มครางตอบในลำคอเบาๆ โดยไม่มีทีท่าว่าเขาจะหวั่นเกรงนายตำรวจตรงหน้า
"แล้วพวกคุณไม่รู้เหรอ ว่าเด็กคนนั้นเขาเพิ่งอายุแค่สิบแปดเอง ทำไมถึงให้ขึ้นชกมวยบ้าบออะไรพวกนี้ด้วย! เด็กผู้ชายคนนึง ถูกอีกฝ่ายชกจนเลือดอาบไปทั้งตัว แต่พวกคุณทุกคนกลับไม่ยอมหยุด แต่เลือกที่จะให้เขานอนเจ็บ แบบนี้หมายความว่าไง"
ปุยฝ้ายเดินเข้ามาประชันหน้ากับมาเฟียหนุ่มโดยตรง เธอจ้องเขาด้วยสายตาแข็งกร้าวไม่พอใจเป็นอย่างมาก และรับไม่ได้ที่ต้องเห็นน้องชายตัวเองเจ็บหนักขนาดนั้น โดยที่ยังมีพวกป่าเถื่อนตะโดนด่าอย่างไม่เห็นใจ ทั้งที่กานต์เป็นแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น
ภูวินปรายตามามองคนตัวเล็ก ที่กล้าจ้องเขาด้วยสายตาแบบนั้น ทั้งยังกล้าพูดใส่เขาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ท่ามกลางเหล่าลูกน้องกับลูกค้าของเขาที่ยืนมุงดู
"จะพูดอะไรระวังปากด้วยนะครับ" สายฟ้า ลูกน้องคนสนิทของภูวินเอ่ยบอกด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
"ทำไมล่ะ พวกคุณทุกคนทำอย่างกับน้องชายฉันเหมือนผักปลา เห็นเขาเจ็บหนักเลือดอาบขนาดนั้น ยังปล่อยให้เขาชกต่อ พวกคุณก็น่าจะรู้นะ ว่าเขาเป็นแค่เด็กเอง จะเอาแรงที่ไหนไปสู้ผู้ชายรูปร่างใหญ่โตได้!"
ด้านในถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน ท่ามกลางสายตาผู้คนนับร้อย ที่ยืนให้ความสนใจหญิงสาวที่พ่นคำพูดใส่ร่างสูง
เมฆที่เป็นตำรวจเพียงคนเดียว ยื่นมือไปจับแขนรุ่นน้องเพื่อเตือนเธอเอาไว้ แต่กลับถูกปุยฝ้ายสะบัดมือออก เขามาที่นี่เพื่อช่วยเคลียร์ทางและตักเตือนคนเหล่านี้เท่านั้น เพราะยังไงที่นี่ก็เปิดอย่างถูกต้องตามกฏหมาย
"ฝ้าย ใจเย็นก่อน" ผู้กองเมฆเอ่ยเตือนเธอเบาๆ ขณะที่ปุยฝ้ายกำลังสบตากับร่างสูงที่ยืนจ้องเธออยู่เช่นกัน
อารมณ์ของเธอในตอนนี้มันเดือดดาด จนแทบคุมไม่ไหว
ใบหน้าคมคายกระตุกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาคมของเขานั้นช่างว่างเปล่า ราวกับคนที่ไร้ความรู้สึกนึกคิด จนทำให้เธอคาดเดาอะไรจากเขาไม่ได้
"เด็กคนนั้น เป็นน้องชายเธองั้นเหรอ" ภูวินถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"พวกคุณยังมีความเป็นคนอยู่ไหม"
"แต่น้องชายคุณ มาขอร้องบอสขึ้นชกเองต่างหากล่ะครับ พวกเราไม่ได้บังคับเลยสักนิด" สายฟ้าบอกกับหญิงสาว เพราะพวกเขาไม่ได้เป็นคนบังคับใจใคร
แต่กานต์กลับเป็นคนร้องขอภูวินเสียเอง เพราะเด็กหนุ่มอยากจะหาเงินไปใช้หนี้ให้ครอบครัว แม้จะรู้ว่าต้องเจ็บตัวก็ตาม
"แล้วพวกคุณก็ยอมให้น้องฉันชกเหรอ ยอมให้เขาเจ็บจนเจียนตาย โดยไม่ดูดำดูดี ทั้งที่เขาไม่ไหวอยู่แล้วเนี่ยนะ!"
ปุยฝ้ายโพล่งออกมาใส่หน้าลูกน้องของภูวินเสียงดัง ด้วยความไม่พอใจกับคำพูดที่ดูไร้ความรับผิดชอบ ทั้งที่น้องของเธอยังเป็นแค่เด็กมอ.ปลาย
ร่างสูงมองหน้าเธอโดยไม่พูดอะไร นอกเสียจากจะหันไปส่งสายตาบอกสายฟ้า เพียงแค่นั้นก็เข้าใจตรงกัน ก่อนที่สายฟ้าจะเดินไปหยิบเช็คเงินสดมาให้กับหญิงสาวแทน
"น้องชายเธอ ต้องการเงินไปใช้หนี้ ขอร้องฉันอยู่นาน ฉันก็เลยสนองความต้องการให้เท่านั้น"
มาเฟียหนุ่มบอกด้วยสีหน้านิ่งเฉย ก่อนที่สายฟ้าจะนำเช็คเงินสดมายื่นให้กับปุยฝ้าย ขณะที่หญิงสาวได้แต่ชักหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ภูวิน
"นี่เป็นเงินสำหรับค่ารักษาครับ น้องชายคุณต้องการสิ่งนี้ แม้จะรู้ตัวว่าต้องแพ้"
ปุยฝ้ายปรายตามามองเช็คในมือสายฟ้า เธอไม่คิดเลยว่ากานต์จะยอมเจ็บตัวเพราะเงิน เพื่อจะได้ช่วยเรื่องหนี้สินครอบครัว และหนี้นอกระบบของพ่อเธอ แต่หญิงสาวกลับไม่อยากจะรับมันไว้
"เธอควรรับมันไว้นะ เพราะน้องเธอยอมเจ็บตัวเพราะมัน"
ปุยฝ้ายช่างใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมรับเช็คเงินมาเก็บไว้ เพราะกานต์ยอมทนเจ็บเพื่อมัน แม้จะฝืนใจเธอก็ตาม
ถึงแม้ว่าเงินจำนวนนี้ จะยังใช้หนี้ทั้งหมดไม่ได้ แต่ก็สามารถแบ่งเบาลงได้บ้าง หญิงสาวกำเช็คเอาไว้ แววตาสั่นระริกด้วยความสงสารผู้เป็นน้อง
เธอปรายตาขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของคนตัวสูงอีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับออกไปโดยไม่พูดอะไร
เมฆมองตามร่างเล็กที่เดินออกไป เขาจึงหันมาเตือนมาเฟียหนุ่ม
"อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกนะครับ ถือว่าเป็นการเตือน"
ผู้กองเมฆมองภูวินด้วยท่าทีไม่ค่อยพอใจ เขากวาดสายตามองคนอื่นๆ ราวกับหมายหัวเอาไว้ แล้วเดินตามปุยฝ้ายออกไป ท่ามกลางสายตานับร้อย
สีหน้าของภูวินไม่ได้มีความหวั่นเกรงต่อคำเตือนนายตำรวจเลยสักนิด เขาเพียงแค่นหัวเราะในลำคอเบา ๆ และเกิดความสนใจหญิงสาวเมื่อครู่ขึ้นมา