10-1 ลองใจ
“ติดแมสก์ดี ๆ สิเอ้า...” บอกพลางมือหนาเอื้อมไปขยับหน้ากากสีดำตรงข้างหลังกกหูของคนตัวเล็กให้เข้าที่
ในล้อบบี้โรงแรมกว้างขวาง พอเขาและเธอได้รับกระดาษบอกผลการตรวจเลือดออกมาเป็นลบ ไม่มีการติดเชื้อ Covid-19 จึงสามารถที่จะกลับบ้านได้
“ขอบคุณค่ะ” เธอตอบ ตาเหลือบมองหน้าตาเครียด ๆ ของคนที่เพิ่งจะบ่นอุบอิบกับพนักงานโรงแรมเรื่องขี้นก! แล้วเดินปัดตูดมาอย่างเง้างอน
จะโรงแรมห้าดาวหรือโรงแรมไหนมันก็ต้องมีนกบินผ่านไปมาอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะว่าผู้เข้าพักกักตัวอาจไม่ได้เปิดห้องให้แม่บ้านเข้าไปทำงานสะอาดทุกวัน ยังต้องใช้เวลานานกว่าการทำความสะอาดแบบปกติเพราะต้องฆ่าเชื้อด้วย
พอพนักงานสาวก้มศีรษะขอโทษเขาจึงไม่ได้ว่าอะไร แค่บ่นว่าดีนะ ไม่เป็นน้องพิมพ์ต้องเปลี่ยนเสื้อสวยตัวใหม่
พิมพ์ลภัสแอบยิ้มกับความตลกน่ารัก แสนเอาอกเอาใจ โดยเขาไม่ทันได้สังเกตเพราะทุกคนใส่แมสก์
“ไปครับ... คนขับรถมารอละ”
“ค่ะ... พี่เต”
เธอพยักหน้าตอบ ร่างสูงในเสื้อยืดหล่อเหลาสีดำโน้มตัวลงคว้าสายหิ้วกระเป๋าใบเล็กสะพายพาดบ่า อย่างรู้หน้าที่ว่าเขาต้องหิ้วกระเป๋าให้ผู้หญิงเสมอ
ชายหนุ่มเดินนำหน้าเธอไปถึงรถยนต์ลีมูซีน บริการจากทางโรงแรมซึ่งคิดราคาเหมารวมอยู่ในแพ็คเกจ เปิดประตูให้เธอขึ้นรถในข้างหลัง เขาดันนึกถึงเรื่องที่เธอบอกว่าจะค้างบ้านเขา
“นี่น้องพิมพ์เอาจริงเรอะ จะมาอยู่บ้านพี่นานไหม...?” เขาถามทันทีที่นั่งข้าง ๆ กัน เธอก็รีบตอบ
“พิมพ์คงกลับบ้านล่ะค่ะ เพิ่งได้งานจากเพื่อน เริ่มงานอาทิตย์หน้านี้”
“แล้วที่ว่าจะไปนอนบ้านพี่?”
“อ้อ... ป้าขวัญโทรมาชวนไปนอนค้างที่บ้าน พิมพ์อาจจะยังไม่ไป ต้องเข้าบริษัท จัดการเรื่องหาเงินมาใช้หนี้คุณป้าก่อน” ที่พูดไปวันนั้นเธอแค่อยากลองใจ รวมถึงวันนี้ที่ยังไม่ได้ล้มเลิกความคิด อีกคนคงไม่มีทางรู้...
“ดีแล้ว... เป็นสาวโสดไปนอนบ้านผู้ชายได้ที่ไหนล่ะ? อยู่บ้านกับพ่อแม่ไปเถอะ เรื่องลูกผัวเอาไว้ให้สถานการณ์บ้านเมืองมันดีกว่านี้ก่อน เชื่อพี่...”
ด้วยความเอ็นดูคนอายุน้อยกว่า เขายกมือขึ้นวางบนศีรษะน้อยอย่างถือวิสาสะ เหมือนพี่ชายลูบหัวน้องสาว
14 วัน 15 คืนของการกักตัวที่ได้พูดคุยกันมันควรเป็นอย่างนั้น ‘พี่น้อง’
เธอแค่ปิดตาลงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ค่ะ... พี่เต...”
“เราน่ะ... ท่าทางเป็นเด็กดี พี่ว่าเราเป็นพี่เป็นน้องกันดีกว่า ไม่ต้องไปสนใจที่แม่พี่พูดหรอก ไว้พี่จะคุยกับแม่ให้เรื่องหนี้น่ะ ค่อย ๆ หาคืนแม่ไป แกไม่ใช่คนขี้งกอะไรอยู่แล้ว”
หญิงสาวพยักหน้าเบา ๆ เขาก็ยิ้มอ่อนมองไรผมสีน้ำตาลอย่างพึงพอใจ
“อนาคตเรายังอีกไกลนะน้องพิมพ์... อย่าไปยุ่งกับหนุ่ม ๆ บ้านแม่ขวัญเลย โดยเฉพาะลูกชายคนเล็ก... เพราะพี่กินแต่ของเผ็ดร้อน ไม่กินหวาน”
“ค่ะ...”
หากว่าพิมพ์ลภัสว่าง่ายแบบนี้เขาคงไม่ต้องใช้ไม้หื่น! ในการตอบโต้เพื่อรักษาอิสรภาพ
รอยหยักยิ้มเปิดเผยขึ้นด้วยความโล่งใจเพียงครู่เดียวเท่านั้น
เมื่อศีรษะน้อยหล่นตุบลงบนไหล่ เลื่อนหลุดจากมือหนาที่วางพักอยู่
“อ้าว... น้องพิมพ์...?”
ไม่มีคำตอบจากร่างโงนเงนไปมา รถยนต์กระตุกเบรคครั้งหนึ่ง ก้อนเนื้อนุ่มก็บดเบียดสีข้างเข้าเต็ม ๆ
อ้อมแขนแข็งแรงจึงต้องคอยกระชับจับต้นแขนเรียว ประคองแม่สาวตัวนุ่มนิ่มกลิ่นหอมไว้ไม่ให้หล่นไปตามแรงเหวี่ยงของรถยนต์ที่แล่นไหล แม้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัวแล้วตอนนี้
น้องพิมพ์เอ๊ย... ให้ตายสิน่า มาหลับอะไรตอนนี้วะ!
เสียงลมหายใจผ่อนเข้า-ออกสม่ำเสมอ ใบหน้าสดสวยนิ่งสนิทในนิทราเหมือนเด็กน้อย ช่างน่าเอ็นดูในสายตาของเขา ไม่นับรวมเอวนมตูด...
ยุบ... พอง... ยุบ... พองหนอ!
ไอ้ที่นับในใจไปเรื่อย ๆ คือนมยวบขยายตามจังหวะใต้เสื้อสีขาวคอกลม กางเกงยีนสีเดียวกับเขา ด้วยความคิดอกุศลกับขนาดมหึมา ดูอย่างไรก็เต็มไม้เต็มมือ
เฮ้อ...! ถ้าไม่รู้จักกันผ่านแม่คงดี
เขายังปล่อยให้เธอหลับต่อไป มีเผลอสูดลมเข้าปากเพราะอารมณ์ประหลาดตามห้วงจิตสำนึกชั่ว! พลันภาพต่าง ๆ นานาผลุบเข้ามาในหัวสมอง เรียกได้ว่าครบทุกท่วงท่า ประสาคนอดอยากปากแห้งมานาน
ความอึดอัดคับแน่นในกางเกงพาให้ลอบกลืนน้ำลายเสียงดัง ต้นแขนเล็กที่คอยจับไว้ในกำมือสั่นเทาเริ่มชุ่มเหงื่อ
กว่าจะเตือนสติตัวเองได้ว่าไม่ควรกลายเป็นไอ้บ้ากาม! ในรถคนอื่นโดยเฉพาะรถยนต์ป้ายเหลืองสำหรับรับส่งผู้โดยสารสาธารณะ
ชายหนุ่มปิดตาลงถอนหายใจ พิงต้นคอไว้กับเบาะหลังอย่างไม่สนใจว่าคนขับจะคลำจีพีเอสไปถูกทางหรือไม่ ซึ่งเป็นโชคดีที่เจ้าตัวชำนาญเส้นทางโดยไม่ถามผู้โดยสารเลย
นับได้หนึ่งชั่วโมงบนถนนที่คราครั่งไปด้วยรถยนต์ กับการพยายามสงบน้องชายตัวดีด้วยการด้วยการคิดเรื่องอื่น
รถยนต์ที่จอดสนิทดีตามด้วยเสียงเรียกของคนขับ มือสั่นเทาของเขาต้องสะกิดต้นแขนของเธอเบา ๆ
“น้องพิมพ์... ตื่นได้แล้วนะ...”
หญิงสาวสะลึมสะลือเชยหน้าขึ้นมองกรามแกร่งด้วยแววตาพึงพอใจ งัวเงียถาม
“ถึงแล้วเหรอคะ?”
“ครับ... ถึงบ้านน้องแล้ว กลับบ้านนะคนสวย” สิ้นคำลา สองสายตาสบประสานกันด้วยความรู้สึกแตกต่าง
เป็นเรื่องบังเอิญของโชคชะตาหรือเปล่าที่จะต้องบอกลากันตรงนี้... เขาไม่คิดว่าพิมพ์ลภัสที่มีความคิดแน่วแน่ขนาดนั้นจู่ ๆ เกิดว่าง่ายขึ้นมาได้ยังไง
แต่ไม่ว่าจะมองดูสักกี่ครั้งผ่านดวงตาคู่สวยสว่างใส เธอช่างเป็นผู้หญิงไร้พิษภัยที่ไม่น่าโกหกเป็นด้วยซ้ำ...
ปัง! เสียงประตูเปิดและปิดดังพร้อมการปรากฏตัวของสาวใหญ่ที่ฉีกยิ้มกว้างหวาน สะบัดกระเป๋าหนังจระเข้วางไว้บนหน้าตัก
“สวัสดีจ้ะ เด็ก ๆ แม่คิดถึงจัง... แม่ทำกับข้าวรอหลายอย่างเลยนะ” บอกแล้วก็ไม่ลืมหันไปทางสารถีแปลกหน้าจากโรงแรม
“ไปส่งบ้านนั้นนะคะ คุณน้อง... หลังนู้นถัดไปสามหลังจ้ะ”