-TUBE TALK-
แปลกและน่าค้นหา...
นั่นคือนิยามที่ผมตั้งให้แก่เด็กคนหนึ่งซึ่งมักพูดจาฉะฉานเกินตัวและมีวิธีการรับมือกับคำเชิญชวนจนเกินเด็ก เธอฉลาดนั่นแหละคือสิ่งที่ผมรู้ แถมยังฉลาดพอจะรู้ข้อกฎหมายหลายอย่างเพื่อใช้เป็นเกราะระวังภัยคุกคามให้กับตัวเอง
จนกระทั่งในวันที่ถูกน้าตำรวจเชิญตัวไปเที่ยวฟรีกินฟรีในคุกคืนนั้น ผมก็บังเอิญได้เห็นแววตาเธอผ่านช่องเล็กระหว่างบานประตู แววตาที่เต็มไปด้วยการครุ่นคิดจนเกินเด็กเกินตัว
‘ตำรวจสาวเทียน ยินดีให้การรับใช้ค่ะ’ มันดีตรงที่เธอตอบโจทย์สายตาแปลกๆที่ผมมองเห็นได้ ‘ความฝันของหนูคือการเป็นตำรวจค่า!’
แต่ที่ยังค้างคาก็คือปืนซึ่งถูกซุกซ่อนไว้ในลิ้นชักภายในห้องพักวางทับกับสมุดพกตราตำรวจนั่นต่างหาก...
“หนูจะทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ! ถ้าขืนยิงพลาดขึ้นมาโดนคนอื่นจะทำยังไง!”
เสียงตะคอกดุของนายตำรวจคนหนึ่งซึ่งดูท่าแล้วน่าจะเป็นคนเดียวกับที่บุกมาคุมตัวที่ห้องพักเมื่อคืน ดังขึ้นขัดเสียงความคิดและความสงสัยในหัว
เขากำลังทำเสียงดุใส่เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ผมบ็อบสั้นในชุดเอี้ยมยีน เจ้าของการกระทำอันน่าเหลือเชื่อเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ทั้งที่เธอกำลังถูกดุแต่นัยน์ตากลมคู่สวยนั้นก็ยังมองจ้องมายังผมด้วยแววตานิ่งๆคล้ายกับแววตาของผู้ใหญ่ที่มีความคิดความอ่าน แต่แล้วจู่ๆ เธอก็ละสายตาไป
“ฟังที่น้าพูดอยู่หรือเปล่า!?”
“หนะ หนูขอโทษค่ะ หนู...หนู...” ผมได้ยินเสียงของเธอกำลังพูดบอกตำรวจตรงหน้า สีหน้านิ่งๆและท่าทางจริงจังในตอนแรกเองก็คล้ายกับจะคลายลงไปเช่นกัน
“คราวหลังห้ามจับปืน ห้ามเข้าใกล้คนร้ายแบบนี้อีกนะครับ มันไม่ปลอดภัย!” จนกระทั่งเสียงดุดังขึ้นอีกครั้ง
“คะ ค่ะ...ฮึก...หนะ..หนูไม่ได้ตั้งใจ...ฮึก...หนะ หนูไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นยังไง...” เด็กหญิงตัวเล็กก็เริ่มสั่นไปทั้งตัว คิ้วเล็กน่ารักของเธอกำลังขมวดเข้าชิดกัน “...ฮึก... หนูไม่รู้เรื่อง...หนะ หนู...ตกใจ...ฮือออ ทำไมคุณน้าตำหมวดต้องดุหนูด้วย ฮือออ...”
“แม่หนูอย่าร้องไห้สิ น้าไม่ได้ว่า น้าแค่เตือนเฉยๆ เอง” และเริ่มร้องไห้โยเยตัวสั่นเหมือนเด็กออกมาในที่สุด
“กะ..ก็น้าขึ้นเสียงใส่หนูนี่...ฮึก...หนะ หนูกลัวว แงงง”
ภาพของน้องเทียนที่กำลังร้องไห้โยเยเป็นเด็กทำผมสลัดความคิดทั้งหมดในหัวตอนนี้ทิ้ง ตัดสินใจลุกขึ้นยืน หันหลังก้าวเดินตรงเข้าไปหาเธอกับนายตำรวจอย่างไร้ความลังเล
เวรเอ้ย! เบื่อฉิบหายไอ้โรคเวรโรคกรรมเนี่ย เห็นน้ำตาเด็กนิดหน่อยทำเป็นสำออยทนไม่ได้
“แล้วนี่หนูมาที่นี่กับใครครับ น้าพาไปส่งบ้านไหม...”
กึก!
“น้องเขามากับผม” ผมชิงตอบคำถามแทนเด็กหญิงตัวน้อย เมื่อเท้าหยุดลงระหว่างคนทั้งคู่ ต่อให้รู้ว่าไอ้ที่ตอบออกไปแม่งโคตรจะเสี่ยงถูกหิ้วตัวไปเที่ยวห้องกรงฟรีก็ตามที
“พะ พี่ขา! พี่ขา...ฮึก...พี่ขาหนูกลัว...” ทว่า ผมตอบรับจากการชิงให้คำตอบไปแบบนั้นมันก็ดีงามพอสมควร ยิ่งด้วยได้รับการตอบรับจากเด็กหญิงตัวเล็กเป็นการโผเข้ากอดด้วยแล้ว
แม่งเอ้ย...ร่างกายต้องการทิชชู่!
“คุณคือนายอสุรา นี่คุณกับคุณ...” เสียงของนายตำรวจในชุดสูทสีสุภาพฟังดูติดๆ ขัดๆ สายตาเขาดูตกอกตกใจ มองหน้าผมสลับกับหลุบมองคนตัวเล็กที่กำลังกอดเอวผมแน่นคล้ายกับแปลกใข “คุณมากับน้องเขาเหรอ?”
“ใช่น้า เรามากัน...สองคน” ผู้ชายด้วยกันมันมองกันออก เคยได้ยินคำนี้ใช่ไหม?
“นี่คุณพาตัวเด็กคนนี้มาจากโรงเรียนเหรอคุณอสุรา ที่ผมลงบันทึกคุณไปเมื่อคืน คุณไม่เข็ดงั้นเหรอ!?”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทั้งที่มันก็เป็นแค่คำถามตามประสาของตำรวจที่เคยคุมตัวผมไปลงบันทึกประจำวัน แต่ลึกๆ ผมกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น และนั่นล่ะ ผมรู้สึกว่านายตำรวจตรงหน้าคนนี้ดูจะจริงจังและใส่อารมณ์จนเกิดพอดี
“คุณกลับไปเถอะคุณอสุรา เดี๋ยวเด็กคนนี้ผมจะพาไปส่งบ้านเอง...”
ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นญาติฝ่ายไหนของเทียน เหมือนพ่อที่หวงลูกสาว หรือถ้าคิดแบบโง่ๆ เขาเหมือนกำลังตกใจคล้ายกับเห็นคนรักของตัวเองออกมาเที่ยวกับผู้ชายคนอื่น
“พะ...พี่ชายคนนี้ เขาช่วยหนูจากคุณโจรนิสัยไม่ดี...ฮึก คุณน้าอย่าดุเขาเลยนะคะ...” ทว่าคราวนี้เสียงเล็กพูดจาประสาเด็กดันเป็นฝ่ายพูดแก้ต่างให้ พอก้มมองไปยังเจ้าของเสียง ผมก็เจอเข้ากับใบหน้าน่ารักกับสองแก้มใสอมชมพูแบบเด็ก นัยน์ตากลมซึ่งยามนี้ชื้นไปด้วยน้ำตา ทว่า ก็ยังมีรอยยิ้มให้เห็น งเมื่อเธอถามความเห็น “เนอะคุณพี่ขา...”
แม่งเอ้ย...ทิชชู่อยู่ไหน
“แล้วหนูมากับเขาทำไม ไม่กลัวพ่อแม่ว่าหรือไง ทำไมถึงได้...” อีกครั้งที่นายตำรวจคนเดิมรัวคำถามคล้ายกับยังไม่คล้ายความตกใจ แต่...
“หนูกลัวจังเลยพี่ขา...ฮึก หนูอยากกลับบ้านแล้ว...” คำถามดังกล่าวก็ถูกปัดตกไปเมื่อเสียงเล็กของเทียนเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน เธอซุกฝังหน้าลงกับบริเวณท้อง ทั้งที่ยังกอดผมไว้แบบนั้น จนผมเผลอเกร็งยามถูกสัมผัส
“งะ งั้นเรากลับกันเลยก็ได้ค่ะ...” ได้แค่ตอบรับคำขอออดอ้อนของเธอไปคล้ายกับคนถูกล้างสมอง
“จริงเหรอคะ ดีใจจังเลย...”
“ตะ แต่!” อีกครั้งที่เสียงของนายตำรวจคนเดิมแทรกขึ้น แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงหวานเล็กแบบเด็กก็เอ่ยขัดขึ้นเป็นหนที่สอง
“แล้วเจอกันนะคะคุณน้าตำหมวดใจร้าย...” วูบหนึ่งที่ผมสังเกตุกริยาบนใบหน้าคนฟังและต้องรู้สึกแปลกๆขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล แต่ก็มองได้ไม่นานเมื่อบริเวณชายเสื้อนักศึกษา ถูกมือเล็กกระตุกเรียกร้องความสนใจ
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
“กลับกันเถอะค่ะพี่ขา...” เพียงแค่ได้เห็นนัยน์ตากลมใสซื่อบริสุทธิ์ของเธอที่เงยมองขึ้นมา แรงดึงเพียงเล็กน้อยของเด็กก็ทำให้ผมยอมโอนเอนตามแรงไปได้ไม่ยากแบบไม่คิดจะสนใจสิ่งอื่นรอบตัวอีก
ตึก... ตึก... ตึก...
ผมเดินไปข้างหน้า ตามแรงดึงจากมือเล็กที่อีกฝ่ายใช้จับชายเสื้อนักศึกษาของผมเอาไว้ บ่อยครั้งที่ผมแอบลอบมองเธอ ตอนนี้เทียนไม่ได้แสดงสีหน้าหวาดกลัวให้เห็นเหมือนอย่างตอนอยู่ต่อหน้าน้าตำรวจคนนั้นอีกแล้ว แต่กำลังสีหน้านิ่ง จริงจัง เหมือนคิดอะไรอยู่ในหัวตลอดเวลา แม้จะเป็นแบบนั้นแต่ผมก็ยังรู้สึกว่าเธอน่ารัก
น่ารักมากจนอดไม่ได้ที่จะแตะเนื้อต้องตัว...
หมับ!
“อะ!?” เสียงร้องเล็กๆด้วยความตกใจของเทียนทำผมเผลอยิ้มให้กับสีหน้าและท่าทางน่ารัก ผมพยายามกลั้นรอยยิ้มเคอะเขินของตัวเองเอาไว้ ส่วนปากก็เอ่ยความในเพื่อคลายความตกใจและความหวาดกลัวที่อีกฝ่ายมีให้ลดลง
“พี่ขออนุญาตเดินจับมือนะคะ...”