บทที่ 5 ค้าขายครั้งแรก

1579 คำ
ก่อนจะถึงตลาดมืด โจวเพ่ยชิงแวะเข้าตรอกที่อยู่ลับตาคน เพื่อจะเอาจักรยานเข้าเก็บในมิติ และปลอมตัวโดยโพกผ้าปิดหน้า เหลือแต่ดวงตาเท่านั้น ก่อนจะหยิบของหลายอย่างออกมาจากมิติห้างสรรพสินค้าใส่ไว้ในตะกร้าและใส่ลังกระดาษออกมา เมื่อถึงทางเข้าตลาดมืด เธอเดินมาแจ้งรหัสผ่านกับคนเฝ้าทางเข้าทั้งสอง เมื่อเข้ามาแล้วจึงแบกตะกร้าเข้าไปอย่างที่ใครหลายคนทำ สายตาสอดส่องไปยังเป้าหมาย แม้ว่าจะไม่เคยค้าขายมาก่อน แต่ก็เคยมาจับจ่ายซื้อของบ่อย จนรู้ว่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในนี้ทำกันอย่างไร เมื่อได้สถานที่เหมาะเจาะ จึงหยิบผ้าออกมาปู และหยิบของที่ต้องการขายออกมาจากตะกร้า โดยที่เนื้อสัตว์เธอยังไม่เอาออกมา “เสื้อผ้าสวย ๆ ราคาถูก ๆ มาแล้วค่ะ ดูกันได้นะคะ ราคาไม่แพงอย่างที่คิด อาหารก็มีนะคะ” โจวเพ่ยชิงตะโกนเรียกลูกค้าอย่างที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าทำกัน เธอไม่กลัวว่าใครจะสงสัย เพราะของที่เอาออกจากมิติจะไม่มีฉลากยี่ห้อและชื่อผู้ผลิตติดไว้ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอพอใจไม่น้อย ไม่ต้องมานั่งแกะฉลากออกหรือเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใหม่ “เสื้อเชิ้ตนี่ขายยังไง ขอแกะดูได้ไหม” ลูกค้าท่านหนึ่งกำลังเดินหาเสื้อและกางเกงทำงานให้กับสามี เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่โจวเพ่ยชิงวางขาย จึงสนใจและเดินเข้ามาดู “ได้ค่ะ เสื้อราคายี่สิบห้าหยวน ราคานี้ไม่แพงนะคะ” เธอรู้ว่าในห้างสรรพสินค้าของรัฐนั้นแพงกว่านี้มาก เนื่องจากยังเป็นสินค้าจำกัด และราคาที่เธอขายมันไม่แพงเลย “ไม่แพงจริง ๆ ด้วย อีกทั้งเนื้อผ้ายังดีมาก ฉันเอาเสื้อห้าตัว กางเกงขนาดนี้อีกห้าตัว ราคาเท่ากันไหม” ลูกค้าแกะเสื้อและกางเกงออกมาดู พอจับเนื้อผ้าจึงพอใจมากและซื้อไปถึงอย่างละห้าตัว “ราคาเท่ากันค่ะ เดี๋ยวฉันเอาตัวใหม่ให้ สักครู่ค่ะ” โจวเพ่ยชิงยิ้มกว้าง เธอไม่เคยค้าขาย เจอลูกค้าคนแรกซื้อไปถึงสิบตัว จึงทำให้ดีใจจนยิ้มไม่หยุด ก่อนจะเอามือล้วงเข้าตะกร้าที่มีผ้าปิดไว้เพื่อหยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลออกมาจากมิติ เพื่อใส่ของให้กับลูกค้า “ของลูกค้าตัวละยี่สิบห้าหยวน สิบตัวรวมเป็นเงินสองร้อยห้าสิบหยวนค่ะ” “นี่จ้ะเงิน ขอบใจมากนะ ครั้งหน้าฉันจะมาอุดหนุนอีก” “ขอบคุณมากนะคะ ว่าแต่ลูกค้าต้องการแป้งทาหน้าและครีมกันแดดไหม ฉันมีขายนะ” โจวเพ่ยชิงพอรับเงินมาคล้ายกับมีวิญญาณแม่ค้าเข้าร่าง จึงเสนอสิ่งที่ตนเองมี ก่อนจะหยิบออกมาจากตะกร้าเช่นเดิม “ลูกค้าสะดวกยื่นแขนมาให้ลองดูไหม ฉันจะลองทาให้ หากไม่ชอบไม่เป็นไรนะคะ” “ลองได้ใช่ไหม หากไม่ชอบไม่ว่ากันนะ” เครื่องประทินโฉมเป็นของราคาแพงและจำกัดการซื้อ สินค้าพวกนี้จึงมีเพียงสหกรณ์ของรัฐและห้างสรรพสินค้าเท่านั้น อีกทั้งยังต้องใช้คูปองร่วมด้วยถึงจะซื้อได้ “ได้ค่ะลูกค้า หากไม่พอใจไม่ต้องซื้อนะคะ ฉันไม่ว่าอะไร แค่อยากเสนอของดี ๆ ให้เท่านั้น” “ลองดูก่อนก็ได้” ลูกค้าคนนี้เดินมานั่งด้านข้างโจวเพ่ยชิงอย่างไม่อิดออด โจวเพ่ยชิงนำครีมกันแดดในมิติออกมาทาตรงท้องแขนให้กับลูกค้า เธอลูบไล้บางเบาเพียงชั่วครู่ เนื้อครีมก็ซึมซับเข้าผิวไม่ทิ้งคราบเหนอะหนะไว้อย่างที่มีขายตามท้องตลาด “เนียนมาก แถมหลอดใหญ่ด้วย แบบนี้น่าจะใช้ได้เป็นเดือน ปกติฉันเห็นมีขายแบบเป็นกระปุกเท่านั้น” “ใช่แล้วค่ะลูกค้า สินค้าชนิดนี้ทางใต้เป็นที่นิยมอย่างมาก คิดว่ามาจากต่างประเทศนะคะ เดี๋ยวฉันขอเอาแป้งทาทับให้นะคะ” โจวเพ่ยชิงยิ้มให้ สินค้าพวกนี้แม้จะไม่มียี่ห้อติดมา แต่บรรจุภัณฑ์ยังคงเดิม อีกทั้งยังมีชื่อและสรรพคุณกำกับไว้ เมื่อนำแป้งมาทาทับยิ่งทำให้ลูกค้าพอใจ แต่ยังไม่หมดแค่นั้น เธอยังหยิบกระบอกน้ำมาราดตรงท้องแขนที่ทาทั้งกันแดดและแป้งทันที “เห็นไหมคะ ทุกอย่างกันน้ำ ไม่ต้องกลัวว่าหากมีเหงื่อแล้วจะทิ้งคราบต่าง ๆ ไว้ แต่ลูกค้าไม่ต้องกังวลว่าจะล้างไม่ออก สบู่ก้อนนี้ช่วยได้ค่ะ” เวลานี้ไม่เพียงแต่ลูกค้าคนที่เธอกำลังสาธิตให้ดู แต่กลับมีลูกค้าสตรีหลายคนรุมล้อมดูเช่นกัน โจวเพ่ยชิงเอาสบู่ก้อนที่ยื่นให้ลูกค้าดู มาล้างทำความสะอาดเครื่องสำอางออก ซึ่งล้างออกได้อย่างง่ายดาย จึงเป็นที่พอใจของลูกค้าทั้งหมด “แม่ค้าขายยังไง ฉันไม่เคยเห็นสินค้าดีอย่างนี้มาก่อนเลย” ลูกค้าที่ได้สัมผัสและลองใช้เครื่องสำอางด้วยตัวเองพูดออกมาอย่างตื่นเต้น ต่อให้ราคาจะแพงแค่ไหนเธอก็พร้อมที่จะซื้อ “แป้งตลับละสิบสองหยวน ครีมกันแดดหลอดละสิบหยวนค่ะ ส่วนสบู่ก้อนละสามหยวน หากลูกค้ารับเป็นชุด ฉันจะแถมครีมทาผิวให้ด้วย แม้ราคาจะแพงกว่าสินค้าที่มีขายในสหกรณ์ แต่ฉันรับประกันคุณภาพนะคะ อีกทั้งสามารถใช้ได้เป็นเดือน ๆ เลยนะ” โจวเพ่ยชิงบอกราคา ซึ่งราคานี้แม้จะดูแพงกว่าที่ขายในสหกรณ์ แต่เธอเชื่อว่าคุณภาพนั้นต่างกัน “แม้ราคาแพงไปสักหน่อยแต่ฉันชอบ และคุณภาพดีกว่าที่มีขายทั่วไปจริง ๆ ฉันเอาสี่ชุด จะเอาไปฝากคนรู้จักด้วย” สุดท้ายแล้วลูกค้าคนนี้ซื้อไปสี่ชุด โจวเพ่ยชิงจึงได้เงินมาอีกหนึ่งร้อยหยวน ลูกค้าที่คอยดูแม้จะเจ็บปวดกับราคาที่ต้องจ่ายไป แต่กลับมีคนซื้อทั้งหมดเช่นกัน เธอนำออกมาขายเพียงสามสิบชุดเท่านั้น เวลานี้ก็หมดลงแล้ว “เครื่องสำอางหมดแล้วนะคะ คราวหน้าหากฉันได้มาอีกจะเอามาเพิ่มให้นะคะ ลูกค้าท่านไหนที่ไม่ได้ไป ค่อยมาดูรอบหน้านะคะ อีกสามวันฉันจะมาใหม่” ลูกค้าที่เพิ่งมาต่างก็เสียดายที่ซื้อไม่ทัน แต่ก็ยังซื้อเสื้อไปฝากคนที่บ้าน ทำให้ของทุกอย่างที่เธอมาขาย หมดลงในเวลาอันรวดเร็ว “นี่แม่ค้า ป้ามองอยู่นานแล้ว ได้ยินว่ามีอาหารด้วยเหรอ มีอะไรขายบ้าง” ป้าแม่บ้านท่านหนึ่งเดินเข้ามา เมื่อลูกค้ารายอื่นจากไปหมดแล้ว “มีค่ะ พวกเนื้อสัตว์และอาหารแห้งมีครบทุกอย่างค่ะ ลูกค้าต้องการอะไรบ้างคะ” เวลานี้อะไรที่ลูกค้าต้องการ โจวเพ่ยชิงยินดีที่จะเอามาขายทั้งหมดเช่นกัน เธอไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่เวลานี้ถ้าหาเงินได้ เธอพร้อมที่จะทำ อีกไม่นานลูกทั้งสองต้องเข้าเรียนแล้ว จึงอยากให้ลูกเข้าเรียนเหมือนเด็กบ้านอื่น ป้าแม่บ้านท่านนี้ยื่นรายการที่จะซื้อให้ดู หญิงสาวจึงรับมาอ่าน ก็รู้ว่าเป็นของที่เธอมีอยู่ในมิติทั้งนั้น แต่หากจะเอาของออกมาตอนนี้คงน่าสงสัยอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นของจำนวนมากเกินกว่าจะอยู่ในตะกร้าสองใบที่เธอถือมา “ลูกค้ารอฉันสักครู่ได้ไหม ฉันขอเก็บของตรงนี้ก่อน แล้วจะไปเอาสินค้าทั้งหมดมาให้ พอดีฉันเก็บซ่อนไว้อีกที่หนึ่ง” “ได้สิ แต่มีทั้งหมดใช่ไหม ทั้งน้ำมันและน้ำตาลทรายแดง ว่าแต่ข้าวสารมีหรือเปล่า “ฉันมีตามรายการทุกอย่างค่ะ ลูกค้ารอสักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันไปเอาของมาให้” โจวเพ่ยชิงเก็บของใส่ลังกระดาษและสะพายตะกร้าไว้ด้านหลัง ก่อนจะเดินหายไปยังมุมลับตาคน จากนั้นจึงนำของที่ลูกค้าต้องการหยิบใส่ตะกร้า แล้วเดินกลับมายังที่เดิม “ได้แล้วค่ะ นี่คือสินค้าที่ลูกค้าต้องการ ลองตรวจดูก่อนนะคะ ชิ้นไหนไม่ซื้อไม่เป็นไร” “ตกลงฉันซื้อทั้งหมด แล้วข้าวสารล่ะมีขายไหม ฉันต้องการห้าสิบชั่ง” “มีค่ะ แต่มากขนาดนี้ ลูกค้าแบกกลับไปไหวเหรอคะ” “ไม่ต้องห่วง บ้านเจ้านายฉันมีงานเลี้ยง วันนี้เลยต้องการวัตถุดิบเยอะ อีกทั้งฉันยังมีคนงานมาช่วยขน” “อย่างนั้นรอสักครู่นะคะ” โจวเพ่ยชิงตอบกลับ ก่อนจะหายกลับไปยังมุมลับตาคนอีกครั้ง ก่อนจะกลับมาที่เดิมพร้อมข้าวสารกระสอบละห้าสิบชั่ง “เฮ้อ... หนักเหมือนกันนะเนี่ย” ป้าแม่บ้านท่านนี้แม้จะแปลกใจที่หญิงสาวหาสินค้าได้ครบ แต่นี่คือเรื่องปกติสำหรับตลาดมืด ดังนั้นจึงไม่คิดจะถามให้มากความ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม