บทที่ 6 ยังเป็นหญิงร้ายกาจ

1512 คำ
“ทั้งหมดสามร้อยหยวนค่ะ ว่าแต่ลูกค้ามีคนมาช่วยขนใช่ไหมคะ” หญิงสาวรับเงินมา แต่ไม่วายเป็นห่วงลูกค้า “ฉันมีคนมาด้วย เรื่องนี้แม่ค้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ แต่ฉันต้องการสั่งวัตถุดิบทุกสัปดาห์และให้ไปส่งที่บ้านได้ไหม ตามรายการนั้นเลย ยกเว้นข้าวสาร” “ตามจำนวนนี้เหรอคะ” “ใช่แล้ว ถ้าหากต้องการสั่งของเพิ่ม แม่ค้าส่งสองรอบได้ไหม ฉันยินดีให้ค่าส่ง” “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นขอที่อยู่ด้วย สัปดาห์หน้าฉันจะนำสินค้าไปส่งให้ค่ะ” แม้จะลังเลและกลัวว่าจะถูกตรวจสอบ แต่ในเมื่อเธอมีมิติจะกลัวอะไร รอไปถึงหน้าบ้านนั้นก่อนค่อยเอาของออกมาก็ได้ ป้าแม่บ้านจึงยื่นที่อยู่ให้ ทำให้โจวเพ่ยชิงรู้ว่าที่นี่คือบ้านของท่านนายพลคนหนึ่ง เธอจึงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น “ฉันจะไม่โดนจับใช่ไหมคะลูกค้า” “ฮ่า ๆ ไม่หรอก หากโดนจับ ฉันคงโดนด้วยแล้ว เรียกฉันว่าป้าซือเถอะ” “จริงด้วยนะคะป้าซือ ฉันชื่อเพ่ยชิงค่ะ ยินดีที่ได้ทำการค้าด้วยกันนะคะ” “ยินดีเช่นกัน วันนี้ป้ากลับก่อนนะ สัปดาห์หน้าอย่าลืมไปส่งของล่ะ” หลังจากป้าซือกลับไป ยังคงมีลูกค้ามาถามซื้ออาหารอีกไม่น้อย วันนี้จึงทำเธอให้มีเงินเข้ากระเป๋าหลายพันหยวน แม้ว่าจะเหนื่อยแต่ก็คุ้มค่า “อีกไม่นานคงเป็นเศรษฐีหมื่นหยวนแล้ว เพ่ยชิงเอ๋ย” เมื่อทำการค้าจนเงินเข้ากระเป๋ามากมาย โจวเพ่ยชิงจึงเดินออกมาจากตลาดมืดอย่างอารมณ์ดี แต่ไม่วายเดินไปถามคนดูแลตลาดเพื่อจ่ายค่าเช่า “พี่ชาย ฉันต้องการจ่ายค่าเช่าวันนี้ ต้องไปจ่ายที่ไหนเหรอ” คนดูแลได้แต่แปลกใจกับการกระทำของหญิงสาวคนนี้นัก มีอย่างที่ไหนเดินมาถามว่าต้องการจะจ่ายค่าเช่า ทั้งที่ไม่มีหน้าร้าน “หากไม่เช่ารายเดือนหรือไม่มีหน้าร้าน ก็ไม่ต้องจ่ายหรอก คุณกลับไปเถอะ” “ไม่ได้หรอกพี่ชาย ฉันมาค้าขายและขายได้ไม่น้อย ยังไงต้องจ่ายค่าเช่า ว่าแต่ที่นี่คิดค่าเช่าวันเท่าไรคะ” “ที่นี่ไม่คิดค่าเช่า ส่วนมากจะคิดเฉพาะร้านค้าที่มาเช่าเป็นเดือน ผมว่าคุณกลับไปเถอะ” คนดูแลมึนกับคำถามของหญิงสาวที่เห็นแต่ดวงตา มีอย่างที่ไหน จะมาจ่ายค่าเช่ารายวัน นายท่านที่นี่ไม่เก็บเงินชาวบ้านทั่วไปที่หาของป่า หรือนำของมาขายนาน ๆ ครั้ง “อย่างนั้นพี่ชายทั้งสองคนรับน้ำใจนี่ไปนะ ฉันจะได้ไม่รู้สึกติดค้าง ขอบคุณสำหรับวันนี้” โจวเพ่ยชิงไม่ดื้อดึงอีกต่อไป และไม่อยากติดค้างใครเช่นกัน วันนี้เธอทำการค้าได้หลายพันหยวน หากจ่ายค่าเช่าหรือให้สินน้ำใจคนดูแลตลาดก็ไม่ขาดทุน ดังนั้นเธอจึงหยิบเนื้อหมูชิ้นใหญ่พร้อมกับขาหมูออกมาสองชุด ส่งให้คนดูแลตลาดทั้งสอง ก่อนจะกล่าวลา “พี่ชายทั้งสองรับไปเถอะ ฉันไม่ต้องจ่ายค่าเช่า วันนี้สินค้าที่รับมาขายแทบไม่เหลือ วันหน้าฉันจะมาขอขายของอีกนะ” พูดจบเธอจึงเดินจากมาทันที การกระทำของเธอสร้างความแปลกใจให้กับคนดูแลทั้งสองไม่น้อย “นายว่าหญิงสาวคนนี้สมองถูกกระทบกระเทือนหรือเปล่า มีอย่างที่ไหน เอาเนื้อหมูชั้นดีกับขาหมูราคาแพงมาให้เราสองคน นี่มันแพงกว่าค่าเช่าทั้งเดือนเสียอีก” “นั่นสิ บ้านไหนกันนะปล่อยลูกสาวสมองไม่ดีออกมาอย่างนี้ แต่ยังไงก็ต้องขอบใจเธอ ที่มอบเนื้อและขาหมูให้ วันนี้เมียฉันจะมีเนื้อกินแล้ว” “นั่นสิ ครั้งต่อไปคงต้องดูแลเธอคนนี้ให้ดีเสียแล้ว เอาของมาขายใช่ว่าจะไม่โดนโกงหรือ” ในสายตาของคนดูแลตลาดทั้งสองคน โจวเพ่ยชิงกลายเป็นหญิงสาวสมองได้รับการระทบกระเทือนเสียแล้ว แต่ไม่ว่าทั้งสองจะมองโจวเพ่ยชิงเป็นคนสติไม่ดีอย่างไร ทุกครั้งที่เธอเข้ามาขายของ ทั้งสองมักจะคอยดูตลอด เพราะกลัวว่าจะโดนชาวบ้านหรือลูกค้าที่มาซื้อของจะโกง และเธอก็ยังตอบแทนทั้งสองด้วยอาหารและของกินของใช้ทุกครั้งเช่นกัน เมื่อออกมาจากตลาดมืดแล้ว โจวเพ่ยชิงจึงเดินเตร็ดเตร่อีกครู่หนึ่ง ก่อนจะหามุมลับตาเพื่อเอาอาหารและเสื้อผ้าใหม่ออกมาให้ลูกทั้งสองคน รวมถึงของฝากบ้านเธอและบ้านสามี “อยากเอาจักรยานออกมาใช้จัง แต่ต้องรออีกสักพักดีกว่า” แม้อยากจะเอาจักรยานมาใช้แค่ไหน แต่ครั้งนี้โจวเพ่ยชิงกลับยั้งความคิดของตนเอง ก่อนจะเดินไปรอเกวียนกลับเข้าหมู่บ้าน ‘เฮ้อ... เมื่อเช้าแกก้าวเท้าไหนออกมาจากบ้านนะ เพ่ยชิง ดันเจอทั้งไปทั้งกลับเลย’ โจวเพ่ยชิงบ่นในใจ ไม่รู้เพราะอะไร ถึงได้เจอสองคนนี้ทั้งไปทั้งกลับ “แหม ซื้อข้าวของมามากมาย ไม่รู้ว่าผลาญเงินของพี่ฮั่นตงไปเท่าไร” ลู่เสี่ยวเหมยคล้ายกับบ่นลอย ๆ แต่คำพูดพวกนี้กลับกระทบไปยังโจวเพ่ยชิงเต็ม ๆ โจวเพ่ยชิงถอนหายใจอย่างระอา ก่อนจะตอบกลับไปอย่างเจ็บแสบ ไม่ทิ้งคราบนางร้ายประจำหมู่บ้าน “แล้วยังไง อิจฉาเหรอ ว่าแต่ทำไมของเธอน้อยจัง หรือว่าไม่มีเงิน ฉันให้ยืมเอาไหม พอดีว่าสามีฉันส่งเงินมาให้ใช้ทุกเดือน เดือนละเกือบยี่สิบหยวน หากไม่มีบอกได้นะ ฉันยินดีให้ยืม” “กะ แก นังเพ่ยชิง!!” คราวนี้ลู่เสี่ยวเหมยโกรธจัด ไม่คิดว่าจะโดนย้อนกลับอย่างนี้ ปกติต่อให้โจวเพ่ยชิงจะร้ายกาจ แต่ร้ายแบบไม่ค่อยมีสมอง ไม่คิดว่าครั้งนี้จะกล้าเล่นงานเธอกลับอย่างนี้ “จะเสียงดังทำไม ฉันรู้ว่าฉันชื่อเพ่ยชิง” หญิงสาวตอบกลับด้วยท่าทียียวนเล็กน้อย ต่อให้กลับมาครั้งนี้เธอเปลี่ยนแปลงตนเองก็จริง แต่ใช่ว่าจะเป็นกับทุกคน สำหรับเธอ ดีมาดีกลับ แต่ถ้าร้ายมาเธอร้ายกลับเป็นร้อยเท่า เธอไม่ยอมให้เสียชื่อหญิงร้ายกาจประจำหมู่บ้านหรอกนะ “เพ่ยชิง เธออย่าตำหนิหรืออย่าดูถูกพวกเราเลย ฉันรู้ว่าพี่ฮั่นตงส่งเงินให้เธอกับลูกทุกเดือน เพียงแต่เธอไม่รู้หรือ ว่าการเป็นทหารนั้นมันลำบากและเสี่ยงอันตรายแค่ไหน เธอควรจะใช้สอยอย่างประหยัด แต่นี่อะไร ซื้อข้าวของมากมายมาปรนเปรอตนเอง” “เดี๋ยวก่อนนะหลันจี เธอพูดอย่างนี้มันไม่ถูก เธอรู้ได้อย่างไรว่าฉันซื้อของปรนเปรอตัวเอง ก่อนจะใส่ร้ายฉัน ตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดก่อนดีหรือไม่ ฉันรู้ว่าเธอหมายปองสามีฉัน เนื่องด้วยพี่ฮั่นตงเป็นชายที่หล่อเหลา เรื่องนี้เข้าใจได้ แต่ฉันและพี่ฮั่นตงแต่งงานกันห้าปีกว่าแล้ว เธอควรตัดใจได้แล้วนะ หรือไม่ เธอควรจะไปบอกพี่ฮั่นตงให้มาหย่ากับฉัน ถ้าเขายอมฉันก็ยินดี” ชาวบ้านที่กำลังรอเกวียนและเดินผ่านไปมา มองทั้งสามคนด้วยความสนใจ ยิ่งเจอบทสนทนาของโจวเพ่ยชิง หลายคนจึงหันมามองสองสหายรักอย่างไม่วางตา เจอสายตาของใครหลายคนมองมาอย่างตำหนิ หม่าหลันจีและลู่เสี่ยวเหมยรู้สึกอับอายมาก จนต้องเดินหลบไปยืนมุมอื่น ไม่นานเกวียนของหมู่บ้านก็มาถึง จากนั้นทั้งหมดจึงเดินทางกลับหมู่บ้านด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน เมื่อมาถึงหมู่บ้านโจวเพ่ยชิงจ่ายค่าเกวียนเสร็จ เธอหอบหิ้วสิ่งของและสะพายตะกร้าขึ้นหลัง ก่อนจะมุ่งตรงกลับบ้านทันที ระหว่างนั้นมีสายตาชาวบ้านที่ว่างงานนั่งจับกลุ่มแทะเมล็ดฟักทองมองอย่างอิจฉาและไม่พอใจ รวมถึงสายตารังเกียจผสมอยู่ด้วย ทว่าหญิงสาวกลับไม่สนใจ เวลานี้เธอกำลังคิดถึงลูกทั้งสองคน หากอาเฉินและซานซานเห็นของฝากจะดีใจแค่ไหนกันนะ “แม่กลับมาแล้ว อาเฉิน ซานซานเปิดประตูให้แม่หน่อย” “แม่ / แม่กลับมาแล้ว เย้!” สองพี่น้องทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของแม่ จึงรีบวิ่งออกมาเปิดประตูรั้วให้แม่ทันที พอเห็นว่าแม่ของตนหอบหิ้วของมากมาย จึงได้เอ่ยปากและช่วยถือเข้ามาในบ้าน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม