บทที่ 8 กลิ่นอาหารหอมฟุ้ง

1654 คำ
หลังจากออกมาจากบ้านหลี่ โจวเพ่ยชิงจึงพาลูกทั้งสองเดินต่อมายังบ้านโจว ระหว่างทางภาพของสามแม่ลูกทำให้ชาวบ้านมองกันอย่างตกตะลึง บางคนถึงขั้นขยี้ตาด้วยซ้ำเพราะไม่เชื่อกับสิ่งที่เห็น จวบจนทั้งสามคนเดินมาถึงบ้านโจว “เม่ยเม่ย เปิดประตูให้พี่หน่อย ทุกคนยังไม่กลับมาเหรอ” โจวเม่ยเม่ย เด็กสาววัยสิบห้าปี เมื่อได้ยินเสียงพี่สาวต่างแม่ก็อดที่จะตัวสั่นด้วยความกลัวไม่ได้ แต่ก็เดินมาเปิดประตูให้ “น้าเม่ยเม่ย พวกเรามาแล้ว” หลี่ซานซานร้องเรียกเม่ยเม่ย “อาเฉิน ซานซาน ใส่ชุดใหม่ด้วยน่ารักจังเลย” เด็กสาวเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเองกับหลานทั้งสองคนอย่างเป็นกันเอง เพียงแต่กับพี่สาวนั้นเธอยัง กล้า ๆ กลัว ๆ โจวเพ่ยชิงเข้าใจถึงความกลัวของน้องสาวต่างแม่ เมื่อก่อนเธอร้ายไม่น้อย จึงไม่แปลกที่โจวเม่ยเม่ยจะยังคงหวาดกลัวเธอ “ยังกลัวพี่อยู่เหรอเม่ยเม่ย” พอเจอพี่สาวถามแบบนั้น โจวเม่ยเม่ยจึงพยักหน้ารับทันที “พี่ไม่ขอให้เม่ยเม่ยอภัยให้พี่ แต่พี่จะทำให้เม่ยเม่ยเห็นว่าเวลานี้พี่ปรับปรุงตัวและเปลี่ยนไปแล้ว จริงสิ วันนี้ไม่ไปเรียนเหรอ” “สัปดาห์นี้โรงเรียนหยุดค่ะ แม่ให้มาช่วยที่คอมมูน พี่สามไม่ต้องขอโทษฉันหรอก ฉันไม่เคยโกรธพี่เลย แต่...” “แต่ยังกลัวพี่ เอาเถอะ ค่อย ๆ คลายความกลัวก็แล้วกัน จริงสิ วันนี้พี่เข้าเมืองมา ซื้อของมาฝากทุกคนด้วย ร้านขายชุด เขาบอกว่าเด็กสาวมัธยมชอบชุดแบบนี้ ไม่รู้จะถูกใจเม่ยเม่ยหรือเปล่า เราเข้าบ้านกันดีไหม จะได้ช่วยเตรียมอาหารเย็นให้ทุกคนด้วย” รอยยิ้มและน้ำเสียงของโจวเพ่ยชิง ทำให้เด็กสาวคลายความกลัวลงไม่น้อย ไม่นานเมื่อเห็นข้าวของที่พี่สาวเอามาฝาก จึงทำให้เด็กสาวยิ้ม รวมถึงแววตาและสีหน้าดูตื่นเต้นอย่างฉายชัด แม้จะเป็นคนขี้กลัว แต่โจวเม่ยเม่ยยังคงเป็นเด็กสาวที่รักสวย รักงาม ยิ่งเห็นของฝาก ยิ่งทำให้มีรอยยิ้มเต็มใบหน้า อีกทั้งยังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “พี่สาม ชุดพวกนี้ราคาคงแพงมากใช่ไหม ฉันไม่กล้าใส่หรอก สหายในโรงเรียนขนาดเป็นลูกเถ้าแก่ร้านค้าของรัฐ ยังมีเนื้อผ้าไม่ดีขนาดนี้เลย” “ถูกหรือแพงไม่สำคัญเลย ขอเพียงน้องสาวพี่ชอบก็พอ วันหน้าพี่เข้าเมือง พี่จะซื้อมาฝากอีก นี่มีผ้าผูกผมด้วยนะ” ของพวกนี้โจวเพ่ยชิงล้วนเอามาจากมิติทั้งนั้น เธอเองก็เป็นคนรักสวยรักงาม ย่อมต้องรู้ว่าเด็กสาววัยนี้ต้องการอะไร และชอบแบบไหน เลยไม่แปลกใจหากน้องสาวจะมีอาการตื่นเต้นอย่างที่เห็น “ไม่ต้องหรอกพี่สาม เปลืองเงิน เก็บเงินไว้ให้หลาน ๆ เรียนดีกว่า ปีหน้าก็ต้องเข้าเรียนแล้ว” โจวเม่ยเม่ยบอกอย่างเกรงใจ ข้าวของพวกนี้เป็นของสิ้นเปลือง โจวเม่ยเม่ยจึงไม่ต้องการให้พี่สาวที่เพิ่งจะหายป่วยต้องเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ “เม่ยเม่ยไม่ต้องห่วง เรื่องเรียนของอาเฉินและซานซานพี่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว และคิดหาเงินเข้าบ้านเพิ่มด้วย แต่ไม่ต้องกลัว พี่ไม่ทำอะไรให้ตนเองเกิดอันตรายหรอกนะ” “พี่จะขายของในตลาดมืดเหรอพี่สาม!!!” โจวเม่ยเม่ยได้ยินอย่างนั้นก็ถามกลับมาเสียงดังด้วยความตกใจ “อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวหลาน ๆ ก็ได้ยินหรอก” โจวเพ่ยชิงรีบเอามือปิดปากน้องสาวไว้ กลัวว่าจะมีใคร ได้ยินเข้า แม้จะอยู่ในบ้านก็ตาม เมื่อโจวเม่ยเม่ยพยักหน้าเข้าใจ หญิงสาวจึงเอามือออก “ก็แค่ซื้อมาขายไปเท่านั้น ดูอย่างที่คาดผมและผ้าผูกผมนี่สิ พี่รับมาจากคนรู้จักแค่อันละหนึ่งเหมาเท่านั้น พี่ขายในตลาดมืด สามเหมา ได้กำไรตั้งสองเท่า ยังมีอีกนะ นี่สบู่และแป้งทาหน้าสบู่นี้พี่รับมาหนึ่งหยวน ขายสองหยวนห้าเหมาหรือสามหยวนยังได้เลย ส่วนแป้งพี่รับมาห้าหยวน ขายสิบหยวน มีครีมกันแดดอีกนะ” โจวเพ่ยชิงสาธยายให้น้องสาวฟัง และรู้ว่าน้องสาวคนนี้มีหัวการค้าอยู่ไม่น้อย ความทรงจำชาติที่แล้ว หลังจากนี้อีกปีสองปี เด็กสาวมักจะหาของไปขายเสมอ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ให้เธอรู้ว่าน้องสาวก็ทำการค้าเช่นกัน “จริงเหรอพี่สาม ฉันสนใจนะ แต่เวลานี้เงินเก็บฉันแทบไม่มีเลย ที่คาดผมและผ้าผูกผม สหายในโรงเรียนชอบพูดโอ้อวดว่าซื้อจากห้างของรัฐ ราคาตั้งหนึ่งหยวน หากฉันแอบเอาไปขาย คงได้กำไรไม่น้อย” เป็นอย่างที่โจวเพ่ยชิงคิด น้องสาวคนนี้มีหัวการค้าจริง ๆ “เอาอย่างนี้ อีกสามวันพี่จะไปรับของและเอามาขายอีกครั้ง เม่ยเม่ยอยากได้อะไรก็เขียนลงกระดาษมาให้พี่ พี่จะลงทุนให้ก่อน พอขายได้ค่อยเอาทุนมาให้พี่ แต่ต้องสัญญานะว่า เรื่องนี้เป็นจะความลับ และอย่าทำให้ตนเองเกิดอันตราย” “แล้วเรื่องนี้บอกพ่อกับแม่ได้ไหม พี่ใหญ่กับพี่รองล่ะ” “บอกได้สิ พี่หมายถึงคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัวเรา” โจวเพ่ยชิงเริ่มกังวลว่าคนซื่อ ๆ แบบน้องสาวเธอจะไปรอดหรือไม่กับการค้าครั้งนี้ ไม่ใช่อยากให้น้องเจอกับเรื่องอันตราย แต่เพราะรู้ว่าน้องสาวมีความสามารถด้านนี้จริง ๆ จึงคิดอยากจะสนับสนุน ส่วนพี่ชายทั้งสอง เธอขอดูอีกหน่อยว่าจะช่วยอย่างไร สองพี่น้องคุยกันเรื่องสินค้าอีกพักใหญ่ โจวเพ่ยชิงจึงลุกไปเตรียมอาหารให้ทุกคน กลิ่นหอมของเนื้อกระจายไปทั่ว ทำให้ชาวบ้านเวลานี้เลิกงานแล้ว ต่างก็หยุดมองมายังบ้านโจวไม่ได้ แม้ว่ารัฐจะจำกัดอาหาร แต่ใช่ว่าจะทำเนื้อสัตว์กินไม่ได้ เนื่องจากเนื้อหมูพวกนี้ สหกรณ์ของรัฐมีขายทุกวัน แต่ราคาแพง ชาวบ้านส่วนน้อยที่จะซื้อทำอาหาร “เอ๊ะ! นี่มันกลิ่นเนื้อใช่หรือไม่ฮะนางหลุน บ้านไหนกันกล้าซื้อเนื้อมาทำกิน ช่างไม่ประหยัดเอาเสียเลย ล้างผลาญเสียไม่มี” “หล่อนจะไปเดือดร้อนอะไรนางลู่ วันนี้ลูกสาวหล่อนก็เข้าเมืองกับลูกสาวคนรองบ้านหม่าไม่ใช่หรือไง ทำไมไม่ให้ซื้อเนื้อเข้ามาด้วยล่ะ อย่าอิจฉาให้มาก เดี๋ยวจะอกแตกตาย” นางหลุนส่ายหน้าแล้วเดินแยกออกมา พอผ่านหน้าบ้านโจว กลับได้กลิ่นเนื้อชัดเจน จากนั้นจึงเดินเข้าบ้านของตนที่อยู่ติดกัน โจวเพ่ยชิงที่กำลังออกมาเก็บผักไปทำอาหารพบเข้าเสียก่อน จึงเอ่ยทักทาย แต่คำทักทายนี้แทบทำให้นางหลุนหงายหลังล้มทั้งยืน “อ้าวป้าสะใภ้หลุนกลับมาแล้วเหรอคะ เดี๋ยวเอาเนื้อตุ๋นไปฝากลุงหลุนกับพี่ชายทั้งสองด้วยนะคะ วันนี้ฉันตุ๋นเนื้อหม้อใหญ่ แบ่ง ๆ กันกิน” บ้านโจวกับบ้านหลุนนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสมอมา เธอจึงคิดจะแบ่งอาหารให้ “เอ่อ...” นางหลุนถึงกับหาเสียงของตัวเองไม่เจอแล้ว “อ้าวเสี่ยวชิง มานานแล้วเหรอลูก” พ่อโจวหรือโจวชุนเอ่ยทักบุตรสาวด้วยรอยยิ้ม เขาไม่คิดว่ากลับบ้านมาจะเจอลูกสาวอยู่ที่นี่ “ค่ะพ่อ วันนี้ฉันเข้าเมืองไปซื้ออาหารและของใช้ให้เด็ก ๆ เลยแบ่งอาหารมาที่นี่ด้วย เย็นนี้ฉันและลูกจะฝากท้องที่นี่นะคะ แล้วพี่ใหญ่กับพี่รองไปไหนเสียล่ะ” โจวเพ่ยชิงหันกลับมาตอบพ่อของตน เมื่อไม่เห็นพี่ชายจึงเอ่ยถาม “ไปดูกับดักบนเขาน่ะ แล้วนี่กำลังคุยอะไรกันอยู่” “จริงด้วย ขอโทษด้วยนะป้าสะใภ้หลุน ฉันลืมเลย รอแป๊บนะคะ” ทันทีที่นึกได้ว่าลืมตักหมูตุ๋นให้บ้านหลุน โจวเพ่ยชิงจึงรีบวิ่งเข้าครัวอีกครั้ง เพื่อตักอาหารแบ่งให้กับนางหลุน “ฮ่า ๆ ทำตัวเหมือนเด็กไปได้ ดูสิ ลืมไปแล้วหรือยังไงว่ามีลูกโตแล้ว” พ่อโจวหันมาคุยกับภรรยาและนางหลุน “นั่นสิ ดูเหมือนเพ่ยชิงจะเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ” นางหลุนยังคิดว่าโจวเพ่ยชิงเปลี่ยนไปแล้ว และยังเปลี่ยนไปยังทิศทางที่ดีขึ้นอีกด้วย ไม่นานโจวเพ่ยชิงจึงเดินกลับมาพร้อมกับหม้อหมูตุ๋นใบขนาดย่อม “ได้แล้วค่ะป้าสะใภ้หลุน ไม่รู้ว่าจะอร่อยหรือไม่ ฉันเจอตำราอาหารตอนไปซื้อของเลยซื้อกลับมาด้วย และลองทำตามตำราดู” โจวเพ่ยชิงส่งหม้อหมูตุ๋นใบไม่เล็กไม่ใหญ่ให้กับนางหลุน “ขอบใจมากนะเพ่ยชิง” นางหลุนเมื่อรับมาจึงได้เอ่ยขอบใจยกใหญ่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม