“ถ้าตกลงกันได้ ก็เอาตามนี้ก็แล้วกันนะ เราไปเก็บกระเป๋าเสียไปแม่นิ่ม วันรุ่งพรุ่งนี้...จะได้เข้ากรุงเทพไปพร้อมกับพี่เขา” เป็นอีกครั้งที่หญิงสาวจำต้องรับคำสั่ง ก่อนจะรีบพาตัวเองเดินหนีออกไป
“ทำไมต้องเป็นคนนี้ครับ” พ้นหลังบอบบางของอีกคนไป พิชญ์ก็หันกลับมาถามผู้เป็นย่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง ด้วยเชื่อว่าอะไรก็ตามที่ย่าของเขาตัดสินใจไปแล้ว มันย่อมต้องมีเหตุผลที่สำคัญพอตัว
“เด็กมันเพิ่งเรียนจบ แถมยิ่งโต...หน้าตาก็ยิ่งสะสวย พอคนเป็นพ่อได้มาเห็นเข้า ก็เกิดมีความคิดต่ำช้า อยากจะพาลูกกลับไปอยู่ด้วยกัน มันคงหวังจะให้ไปเป็นเมียน้อยเสี่ยกวินที่ตัวเองทำงานด้วย ย่าเองก็บอกปัดไปหลายครั้งแล้ว กลัวก็แต่ทางนั้นจะเล่นสกปรก พาพวกมาดักฉุดกลับไปสักวัน...” ทางเดียวที่เห็นจะปลอดภัยต่อเด็กคนนั้น เห็นจะมีแต่ต้องพาตัวแกหลบไปอยู่ที่อื่นสักพัก ประกอบกับที่หลานชายเอ่ยออกมาแบบนั้น ทุกๆ อย่างมันเลยเข้าทางไปหมดอย่างที่เห็น
“ผม...เข้าใจแล้วครับ”
คนที่เงียบไปนานเอ่ยขึ้น ไหนๆ โชคชะตาก็บังคับให้เขากับ ‘เด็กนั่น’ต้องมาพัวพันกัน ก็คงต้องลองดูสักตั้ง อีกอย่างเพื่อความสุขของย่า ต่อให้สิ่งที่ท่านร้องขอจะมากกว่านี้
เขาก็ยินดีที่จะทำให้!
“ถ้าอย่างนั้น...”
“ผมตกลงครับ ผมจะพาเด็กนั่นกลับไปกรุงเทพด้วย และจะให้เธออุ้มท้องลูกของผม!” คนได้รับคำตอบที่แสนถูกใจถึงกับยิ้มกว้าง เมื่อหลานชายว่ามาแบบนั้น นางก็ค่อยหมดห่วง อย่างน้อยไปอยู่ที่นู้น เด็กในปกครองก็จะปลอดภัย นางเชื่อใจหลานชายว่าจะดูแลปกป้องเด็กของนางได้ อีกทั้งก็ยังแอบคาดหวังบางสิ่งจากทั้งคู่
บางสิ่ง... ที่คงต้องปล่อยให้เวลาได้ทำหน้าที่ของมันไป
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต ทำให้นลิสานอนไม่หลับมาตลอดคืน ไม่ทันไรรุ่งเช้า...ก็ต้องหิ้วกระเป๋าขึ้นรถมากับหลานชายของผู้มีพระคุณอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น รวดเร็วเสียจนเธอนึกใจ มารู้ตัวอีกทีก็เผลอเซ็นสัญญา ‘ลับ’ ฉบับนั้นไปแล้ว
ซึ่งข้อตกลงก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนอย่างที่นึกกลัวในคราแรก...เธอก็แค่ต้องอุ้มท้องลูกของคุณพิชญ์ หลานชายผู้มีพระคุณ แต่จะด้วยวิธีไหนนั้น คุณท่านให้เธอกับเขามาตกลงกันเอง หลังจากเด็กคลอด ทุกอย่างก็ถือว่าสิ้นสุดลง เธอจะได้กลับไปใช้ชีวิตเหมือนที่เป็นมาตลอดนับตั้งแต่จำความได้ที่บ้านสวน
ส่วนเขา...ก็มีชีวิตในแบบของเขาต่อไป
ในขณะที่เด็กคนนั้น คุณท่านยืนยันที่จะเลี้ยงเอง นั่นทำให้เธอค่อนข้างเบาใจขึ้นมาหน่อย เพราะอย่างน้อยถึงตอนนั้นเธอก็ยังได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับลูก แม้จะไม่ได้อยู่ในสถานะแม่ของแกแล้วก็ตาม
“ทำไมนั่งเงียบจัง กดดันรึเปล่าที่อยู่ๆ ต้องมาทำเรื่องที่ฝืนใจตัวเองแบบนี้” คำถามจากคนขับที่ดังขึ้นในรอบหนึ่งชั่วโมงเรียกสติของคนที่กำลังใจลอยไปไกลให้กลับเข้าที่เข้าทางได้อีกครั้ง ภาพใบหน้าคมคายที่ตอนนี้อยู่ใกล้แค่เพียงเอื้อมทำให้เธอต้องหลับก้มหน้าลงอีกครั้ง ด้วยกลัวว่าหากยังเผลอจ้องมองเขาไปมากกว่านี้ จำเผลอทำความลับบางอย่างรั่วไหล ซึ่งมันคงไม่เป็นผลดีสำหรับเธอเท่าไหร่ หากเขาได้รู้เข้า
“ปะ...เปล่าค่ะ ฉันแค่ตั้งตัวไม่ทัน”
จะเรียกความกังวลเหล่านี้ว่าอย่างไรดีล่ะ เธอแค่กลัวว่าตัวเองจะทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดี อีกทั้ง...เด็กที่ไม่ได้เกิดมาจากความรักระหว่างพ่อกับแม่ จะมีความสุขได้จริงหรือ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เธอได้แต่คิดไม่กล้าพอที่จะถามออกไปตรงๆ
“ไม่ต้องคิดมากนะ ไหนๆ เราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว...ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปก็แล้วกัน ถ้ามีอะไรที่รู้สึกไม่ดี บอกฉันได้ ไม่ต้องเกรงใจ” เสียงเข้มว่า ก่อนจะส่งมอบรอยยิ้มอบอุ่นมาให้ซึ่งมันเป็นยิ้มแบบเดียวกับในรูป ที่เธอแอบมองอยู่บ่อยๆ
รูปที่ตอนนี้...นอนแน่นิ่งอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เพราะในบรรดารูปถ่ายของเขาทั้งหมด เธอรู้สึกชอบรูปนั้นมากกว่ารูปไหนๆ มันเป็นรูปที่เธอทำได้แต่มอง ไม่คิดฝันไม่เลยด้วยซ้ำว่าจะมีวันนี้ วันที่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับเขา
ซ้ำยังในฐานะแม่ของลูก!
“นิ่ม...ขอถามอะไรคุณพิชญ์หน่อยได้ไหมคะ”
“ได้สิ ถามมาได้เลย”
“คุณพิชญ์...อยากมีลูกจริงๆ เหรอคะ” คำตอบนี้มีความสำคัญกับเธอพอตัว เพราะเธอจะได้รู้ว่าจากนี้ควรวางตัวแบบไหน อีกทั้งยังกังวลเรื่องของเด็กที่จะเกิดมาด้วย
อย่างที่ใครต่อใครก็รู้ ว่าเขาเป็นคนบ้างานขนานหนัก สิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ในชีวิตของเขาก็คืองาน ความจริงในข้อนี้ทำให้เธอกลัว กลัวว่าเขาจะไม่มีเวลาให้ลูก กลัวว่าเด็กที่กำลังจะเกิดมา จะกลายเป็นเด็กขาดความอบอุ่นเหมือนอย่างที่เธอเป็นมาตลอด นับตั้งแต่จำความได้
บ่อยครั้งที่พ่อมักจะเผลอหลุดปาก ว่าเธอคือลูกที่เกิดจากความ ‘ผิดพลาด’ ของท่านกับแม่ บ่อยครั้งที่คำพูดเหล่านั้น มันบั่นทอนจิตใจเธอจนบางทีเธอก็อดที่จะตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้จริงๆว่าที่จริงแล้ว เธอสมควรที่จะเกิดมารึเปล่า
การมีตัวตนของเธอบนโลกกว้างใบนี้...มันควรจะเกิดขึ้นไหม
“ฉันเองก็ไม่แน่ใจหรอกนะ เพราะไม่เคยนึกภาพตัวเองตอนได้เป็นพ่อคนมาก่อน แต่อย่างหนึ่งที่ฉันบอกได้ตอนนี้...คือฉันจะรัก และให้ความรักกับเขาอย่างเต็มที่ เธอไม่ต้องห่วงนะ ลูกของเรา...จะต้องเป็นเด็กที่มีแต่ความสุขแน่นอน” คำว่า ‘ลูกของเรา’ ทำเอาใจคนฟังสั่นไหวอย่างรุนแรง ก่อนที่ทุกอย่างจะดับสลายลงด้วยประโยคต่อมา
“ขอบใจนะนิ่ม ที่ช่วยทำให้ความฝันของคุณย่าฉันเป็นจริง” นี่คือความจริงที่คิดถึงมันทีไร หัวใจของเธอก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาเสียทุกครั้งเหตุผลเดียวที่มันทำให้เธอได้มานั่งอยู่ตรงนี้ ข้างๆ เขาในฐานะแม่ของลูก เห็นทีจะหนีไม่พ้นความจริงที่ว่า...ย่าของเขาอยากอุ้มเหลน
ทั้งหมดมีเพียงแค่นี้จริงๆ