“ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้นะ ช่วงนี้ฉันค่อนข้างงานยุ่ง เอาไว้ให้ผ่านโปรเจคนี้ไปก่อนก็แล้วกัน เราค่อยมาเริ่มทำลูกกัน ระหว่างนี้ เธอก็ดูแลตัวเองให้ดี พยายามกินแต่ของที่มีประโยชน์ ขาดเหลืออะไรก็บอก ไม่ต้องเกรงใจ...อยู่ที่นี่เธอไม่ใช่คนใช้ แต่เป็นแม่ของลูกฉัน เข้าใจไหม” หญิงสาวทำได้เพียงพยักหน้ารับ นาทีนี้เขาว่าอย่างไรก็คงต้องเป็นไปตามนั้น อีกทั้งเธอเอง ก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะขัดใจอะไรเขาได้ด้วย
ชีวิตของเธอนับจากนี้...
คงต้องขอวางไว้บนฝ่ามือของเขาแล้ว
สองอาทิตย์ที่ได้ทดลองอยู่กับว่าที่พ่อของลูก ไม่ได้ทำให้นลิสาอึดอัดอย่างที่แอบคิดเอาไว้ในตอนแรก อาจเพราะเขาเป็นคนง่ายๆ ด้วย เธอเลยไม่ต้องกลัวว่าจะรับมือกับนิสัยที่ยากจะมีใครเหมือนของเขาเท่าไหร่ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ที่ดูเหมือนว่าเขาจะชื่นชอบการเข้าครัวมากเป็นพิเศษ ซึ่งเธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
วันนี้เองก็เช่นกันที่พิชญ์นึกอย่างไรก็ไม่รู้ ถึงได้เข้าครัวด้วยตัวเอง ก่อนจะจัดการตักผัดผักให้คนที่เอาแต่นั่งนิ่งอย่างภาคภูมิใจ ซึ่งก็ไม่บ่อยเลยที่เขาจะลงทุนเข้าครัวด้วยตัวเอง
“กินสิ”
“เอ่อ...ฉันแพ้กุ้งค่ะ” นลิสาลำบากใจไม่น้อยเลยทีเดียว ที่ต้องเอ่ยตอบเขาไปถึงเรื่องบางอย่างของตัวเอง ซึ่งอาหารส่วนใหญ่บนโต๊ะนี้ก็ล้วนแต่มีส่วนประกอบที่ว่าเต็มไปหมด ซึ่งพิชญ์เองก็ลืมถาม เพราะตลอดเวลาที่ทำ ใจเขามันมัวแต่คิดไปถึงอดีตคนรัก ที่บังเอิญได้พบกันเมื่อช่วงบ่าย ยอมรับว่าภาพของลักขณากับนักธุรกิจหนุ่มคนนั้นมันติดตา และคงไม่ใช่เรื่องง่าย ที่เขาจะลบมันออกไปจากใจ
“ขอโทษที ฉันไม่รู้มาก่อนว่า...”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันไปทอดไข่กินทีหลังก็ได้ คุณพิชญ์ทานก่อนได้เลยนะคะ” หญิงสาวตอบกลับไปอย่างเรียบง่าย การไม่ทำตัวเป็นภาระของเขา เห็นจะดีที่สุด อีกอย่างเรื่องนี้เขาเองก็ไม่รู้มาก่อน มันจึงไม่ใช่ความผิดของเขา หากจะผิดที่ใครก็คงต้องเป็นเธอ ก็ไม่ได้บอกให้เขาได้รู้ก่อนล่วงหน้า ทั้งๆ ที่ก็มีโอกาสจะบอกอยู่ตลอด
“ทำไมไม่แทนตัวเองด้วยชื่อเหมือนเวลาที่พูดกับย่า...” เพราะได้ยินอีกฝ่ายแทนตัวเองแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว และทุกครั้งที่ได้ยิน มันก็ทำให้เขารู้สึกได้ถึง ‘ความแก่’ ของตัวเองอย่างไม่น่าให้อภัย!
“คะ!”
“จากนี้ ถ้าฉันขอให้นิ่มให้แทนตัวเองด้วยชื่อ..ได้ไหม” คำท้ายที่ติดจะอ้อนนิดๆ ทำให้คนที่กำลังหูอื้อตาลาย เพราะความหล่อที่หาที่ติไม่ได้ของคนตรงหน้า เลยทำให้เอ่ยตอบตกลงกลับไปเบาๆ
มาได้สติเอาก็ตอนที่มือหนาของเขา เอื้อมมาลูบเบาๆ ที่ข้างแก้มนั่นแล้ว
“ว่าง่ายๆ แบบนี้สิ ถึงเป็นเด็กดี...” คำพูดเบาๆ แต่กลับพัดพาเอาใจคนฟังเลื่อนลอยออกไปไกล
เธอไม่รู้ว่าเขาจะรู้ไหม ว่ายิ่งเขาทำแบบนี้มากเท่าไหร่ มันยิ่งส่งผลตรงต่อหัวใจของเธอมากขึ้นเท่านั้น แล้วแบบนี้...ถ้าเธอตัดใจจากเขาไม่ได้ขึ้นมาอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ในตอนแรก ใครจะรับผิดชอบ!
หลังทานข้าวเสร็จ ซึ่งแน่นอนว่าก็เป็นเจ้าของห้องอีกเช่นเคยที่กลับเข้าไปในครัวเพื่อทำ ‘ไข่ตุ๋น’ ของโปรดของเธอให้ ซึ่งกว่าเขาจะรู้ ก็ต้องใช้เวลาเค้นอยู่นานราวห้านาที เจ้าตัวถึงได้ยอมปริปากบอก
เมื่อมีของโปรดมาวางอยู่ตรงหน้า นลิสาก็จัดการกินมันจนหมดไม่ให้เหลือส่งผลให้พ่อครัวสุดหล่อถึงกับยิ้มจนแก้มปริ
“มานั่งตรงนี้สินิ่ม” เสียงเรียกเบาๆ จากคนที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขกทำให้คนที่เพิ่งจะล้างจานเสร็จต้องเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เขาเหมือนทุกที
“ลองหน่อยไหม” กระป๋องเบียร์ในมือถูกยื่นส่งไปให้ และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ เมื่อคนตัวเล็กรีบส่ายหน้ากลับมาเบาๆ
“ไม่ดีกว่าค่ะ ถ้าคุณท่านรู้นิ่มโดนหวายลงหลังแน่ๆ ค่ะ”
แค่คิด เธอก็เสียวสันหลังขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว
เป็นอันรู้กันดีว่าเรื่องเหล้ายาถือเป็นของต้องห้ามที่ทุกๆ คนในบ้านสวนต้องพึงปฏิบัติตามห้ามขัด แต่ถึงอย่างนั้น ก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีใครสักคนอยากลองของ...ผลสุดท้ายพอถูกจับได้ ก็ต้องถูกไล่ออกไปตามระเบียบ นับจากนั้นกฎข้อนี้ของคุณท่าน ก็เหมือนจะยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ เลยทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้าที่จะเสี่ยง ด้วยพอจะรู้กันดีอยู่ว่า คำพูดของนายใหญ่ของบ้านสวน ถือเป็นเด็ดขาด
“ที่นี่มีแค่เรา ถ้านิ่มไม่พูด ฉันไม่พูด ย่าไม่มีทางรู้หรอก ลองสิ คืนนี้จะได้หลับสบาย” เขาพูดออกไปแบบนั้น ทั้งๆ ที่ก็รู้ ว่าตัวเองมีแผนร้าย ที่จะไม่ยอมให้หล่อนได้หลับง่ายๆ ในคืนนี้
เมื่อถูกเขาคะยั้นคะยอหนักเข้า นลิสาจึงยอมรับเอากระป๋องเบียร์มาถือไว้ ก่อนจะค่อยๆ จิ๊บมันเบาๆ ซึ่งรสชาติก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด แต่ถ้าถามว่าชอบไหม เธอก็คงต้องบอกไปตามความจริงว่าไม่ชอบเลยสักนิด!
“งานฉันเสร็จหมดแล้ว..นิ่มพร้อมจะทำลูกกับฉันคืนนี้ไหม” แต่แล้วคำถามที่อยู่ๆ ก็ดังขึ้น ทำเอาคนที่กำลังเพลิดเพลินกับการจิ๊บเบียร์อยู่ถึงกับสำลัก เดือดร้อนพิชญ์ที่ต้องขยับเข้ามาลูบหลังให้เบาๆ
“แค่กๆ คะ! คะ...คืนนี้เหรอคะ!”
“คืนนี้ฤกษ์ดีที่สุดแล้ว และถ้าครั้งนี้นิ่มตอบว่าตามใจฉันอีก ฉันจะไม่รอแล้วนะ...ฉันอยากได้คำตอบที่มาจากใจของนิ่มจริงๆ” หากคืนนี้เธอยังรู้สึกว่าตัวเองไม่พร้อม เขาก็ยินดีที่จะรอไปอีกหน่อย อีกอย่าง เขาไม่อยากฝืนใจเธอเรื่องนี้ แค่ต้องขอให้มาอุ้มท้องลูกให้ มันก็ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังเอาเปรียบเธอมากพอแล้ว ซึ่งอะไรก็ตามที่มันจะทำให้เธอคลายความกังวลที่มีต่อกันลงไป เขายินดีที่จะทำทุกอย่าง
“คะ...คือว่านิ่ม...” ยังไงดีนะ ถ้าขอเวลาไปอีกสักหน่อย เขาจะโกรธไหม แล้วถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูของคุณท่าน ท่านคงผิดหวังน่าดู คิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าอ่อนหวานถึงได้พยักหน้ากลับไปเบาๆ เมื่อสำนึกได้ว่าตัวเองมาที่นี่เพื่อทำหน้าที่อะไร
“แน่ใจนะ ถ้านิ่มไม่พร้อม ฉัน...”
“พร้อมค่ะ นิ่มพร้อม...อ๊ะ! คุณพิชญ์จะ...อื้อ!” ไม่ทันจะได้พูดจบประโยคดี ร่างบอบบางก็ถูกรั้งเข้าไปใกล้ ก่อนที่พิชญ์จะเอื้อมมือมาเชยคางของเธอขึ้น เพื่อรับเอาจูบร้อนๆ จากเขา
จูบแรกในชีวิต แม้จะไม่ได้อบอุ่น อ่อนหวานเหมือนอย่างที่เคยจินตการเอาไว้ แต่มันกลับเป็นจูบที่ทำลายทุกระบบความคิดในใจไปจนหมดสิ้น ยามที่เขาสอดปลายลิ้นเข้านั้น เธอรู้สึกได้ถึงรสชาติขมของเบียร์ที่เพิ่งจะได้ลองไปเมื่อครู่