“นะ...น้องเจส!”
พอเดินเข้าไปในกองถ่าย ปีโป้ที่รีบมารอเจอเจสสิก้าถึงกับลุกขึ้นวิ่งเข้ามาหาเหมือนไม่ได้เจอกันนานแสนนานด้วยท่าทางตื่นตกใจ ก่อนจะพาเจสสิก้าเดินออกมาไกลจากผู้คน
“น้องเจส...พี่ปีโป้ขอโทษนะคะ ฮึก...ฮือๆๆ ไม่น่าปล่อยให้อยู่คนเดียวเลย พี่ปีโป้ขอโทษ”
“หยุดเลย! ถ้าร้องไห้เดี๋ยวคนอื่นสงสัย เรื่องนี้พี่ปีโป้ต้องรับผิดชอบ”
พอได้ยินแบบนั้น ปีโป้ถึงกับหยุดร้องไห้แทบไม่ทัน เพราะรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“แล้ว...แล้วตอนนี้น้องเจสก็เป็นผู้หญิงของ...”
“หยุดพูดเลยนะคะ! เจสไม่เคยเป็นของใครทั้งนั้น ถึงจะ...ถึงจะเกิดอะไรขึ้น เจสก็ไม่มีวันเป็นผู้หญิงของนายนั่นเด็ดขาด”
พูดจบ เจสสิก้าก็เดินหนีออกไป ปล่อยให้ปีโป้ได้แต่มองตามอย่างนึกแปลกใจ ก่อนจะเดินตามเจสสิก้าไป
“ต่อไปนี้ถ้าพี่ปีโป้ปล่อยให้เจสอยู่คนเดียวอีก เจสจะเปลี่ยนผู้จัดการ”
“อ๊ายยยย ทำอย่างนั้นไม่ได้นะคะ ในวงการนี้ไม่มีใครจริงใจกับน้องเจสเท่าพี่ปีโป้แล้วค่ะ”
“ก็ไม่แน่...”
“น้องเจส!...พี่ขอโทษ...”
เจสสิก้าได้แต่ถอนหายใจเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว เธอคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้นอกจากป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกก็พอ
“เกิดอะไรขึ้น ทะเลาะกับพี่ปีโป้เหรอ?”
เพทายที่เดินเข้ามาในห้องแต่งหน้าทันจะได้ยินคำขอโทษของปีโป้เลยก้มลงมาถามเจสสิก้า
“พี่เพทายยุ่งเรื่องของคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“อะไรกัน ทำไมต้องมาอารมณ์เสียใส่พี่อีกคนล่ะ หรือไม่พอใจใครมา หือ?”
เพทายเดินมานั่งลงข้างเจสสิก้า เมื่อเขาเป็นพระเอกละครคู่กับเธอเรื่องนี้
“ก็...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แล้วนี่มีถ่ายเหรอคะ ไหนว่าอาทิตย์นี้พี่เพทายไม่มีถ่ายละครเรื่องนี้ไง”
“อืม ผู้กำกับยังไม่แจ้งเราอีกเหรอเรื่องการเปลี่ยนบท”
“คะ? เปลี่ยนบทเหรอ?”
“อืม พี่เองก็พึ่งรู้เรื่องเมื่อวานตอนเย็น เห็นว่าติดต่อเราไม่ได้เลยส่งข้อความไปบอก”
และเจสสิก้าก็เข้าใจ เพราะโทรศัพท์แบตหมดตั้งแต่เมื่อวาน จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้ชาร์ตมันเลยสักนิด ก่อนเธอจะหยิบบทที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาอ่านดู ซึ่งมันก็เปลี่ยนไปจริงๆ จะว่าเปลี่ยนก็ไม่ใช่เมื่อมันเพิ่มเข้ามาต่างหาก
“เห็นว่ามีบทจูบ...เราจะโอเครึเปล่า?”
“ก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่คะ ปกติก็ใช้มุมกล้อง”
“ครั้งนี้ไม่ใช้มุมกล้อง จูบจริง”
“คะ?...”
และพอได้ยินแบบนั้น เจสสิก้าถึงกับหันไปมองเพทายอย่างแปลกใจเมื่อปกติแล้วเธอแทบไม่รับบทแบบนี้ ถึงจะมีก็แค่มุมกล้องหรือไม่ก็นักแสดงแทนตลอด
“ถ้าเจสไม่โอเคก็บอกผู้กำกับก็ได้นะ พี่เข้าใจ”
เพทายบอกขึ้น เมื่อเขานั้นแทบตอบตกลงทันทีเลยก็ว่าได้
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่จูบ เจสทำได้ ยิ่งกับพี่เพทายก็...โอเค๊”
ตอนนี้แค่จูบมันเล็กน้อยไปแล้วล่ะ เจสไปไกลกว่านั้นแล้ว...
เจสสิก้าได้แค่คิดแต่ไม่ได้พูดออกมา ส่วนเพทาย นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้นอกจากกอดที่เขาจะได้สัมผัสเธอมากขึ้น เขาแทบจะนอนไม่หลับเพราะรู้สึกตื่นเต้นทั้งๆที่จูบกับผู้หญิงมานับไม่ถ้วนแล้วแท้ๆ
จากนั้นการถ่ายทำก็กินเวลาไปแทบทั้งวัน จนกระทั่งเริ่มเย็น ฉากที่เพทายเฝ้ารอก็มาถึง เมื่อตอนนี้เขากำลังยืนรอเข้าฉากสวีทกับเจสสิก้า ซึ่งเธอจะดึงเขาเข้าไปจูบ
“ถ้าเปลี่ยนใจก็บอกนะคะ...ยังทัน...อยู่มั้ง...”
ปีโป้เดินเข้ามากระซิบกับเจสสิก้า ที่รอเข้าฉากอยู่เหมือนกัน
“เจสจะจูบให้ปากฉีกไปเลย”
“น้องเจส! นี่ยังไม่หายโกรธพี่ปีโป้อีกเหรอคะ?”
“ยัง”
“โธ่...”
จากนั้นผู้กำกับก็เรียกให้ไปเข้าฉาก ซึ่งทุกคนก็ต่างตื่นเต้นเมื่อไม่คิดว่าเจสสิก้าจะยอมเข้าฉากนี้ด้วยซ้ำ
“ผมคิดว่าเราควรกลับ...”
“ฉันพึ่งมา จะกลับเลยเหรอ? นายนี่มันจริงๆเลย ไปรอที่รถโน่นไป โทรไปบอกทีมวางแผนด้วยว่าฉันจะเข้าช้า”
“ครับ...”
ทางด้านภูผา เขาออกมาคุยงานกับลูกค้าคนสำคัญ และอดที่จะแวะมาดูเจสสิก้าที่กองถ่ายไม่ได้ เพราะรู้ว่าเธอมีถ่ายงานจนดึก
ตาคมเอาแต่จ้องมองเธอโดยไม่คิดสนใจคนรอบข้างหรือสิ่งรอบข้างเลยสักนิด เขามองทุกท่วงท่าลีลาอย่างนึกชอบใจ ก่อนเจอฉากที่ไม่ค่อยปลื้มสักเท่าไหร่เมื่อเจสสิก้าที่เล่นเป็นนางเอกดึงเพทายที่เล่นเป็นพระเอกไปจูบ และดูท่าพระเอกจะเคลิ้มจนจูบตอบจนเจสสิก้าตกใจ แต่ด้วยกำลังอยู่ในฉากเธอเลยได้แต่แสดงต่อไป
“อ๊าย!!! พึ่งเคยเห็นเจสเล่นฉากจูบจริงแบบนี้ รับรอง พอละครฉายได้ดังระเบิดแน่นอน”
เสียงทีมงานที่ยืนมองฉากหวานของพระเอกนางเอกของเรื่องอดเขินไม่ได้
หึ! แค่จูบก็ตื่นเต้นแล้วเหรอ...ถ้าได้เห็นมากกว่าจูบจะไม่ช็อคกันทั้งวงการเลยรึไงกัน
ภูผาที่มองอยู่อดยิ้มมุมปากไม่ได้ เพราะเขาได้มากกว่าจูบเสียอีก
“พี่ขอโทษ...พอดี เอ่อ พี่ลืมบทน่ะ”
หลังจากฉากจูบอันหวานแหววผ่านไป เพทายที่กลัวเจสสิก้าโกรธที่เขาเล่นเกินจริงรีบเอ่ยขอโทษ
“อ้อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ก็แค่การแสดงเจสไม่โกรธหรอก”
เจสสิก้าบอกขึ้นตามที่เธอคิด เมื่อเธอไม่ได้สนใจหรือกังวลกับฉากพวกนี้เลยสักนิด เมื่อแค่ปากชนปาก แต่คนที่คอยคัดค้านและห้ามก็คือปีโป้ต่างหาก เธอเลยไม่เคยได้เล่นจูบจริงกับพระเอกคนไหน
ส่วนเพทาย พอเธอพูดแบบนั้นเขากลับรู้สึกผิดหวังนิดๆ เมื่อเขาตื่นเต้นแทบตายแต่เธอกลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด ทำเอาพระเอกแนวหน้าอย่างเขาถึงกับหมดความมั่นใจในทันที
“เดี๋ยวเจสไปห้องน้ำก่อนนะคะ เหลืออีกฉากนึงใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ แค่ฉากเดียวก็เสร็จแล้วค่ะ”
เจสสิก้าถามขึ้น เมื่อวันนี้ถ่ายมาตั้งแต่ช่วงสาย จนตอนนี้จะสี่ทุ่มแล้ว เธอเหนื่อยจนแทบหมดแรงแต่ก็ต้องทนเพราะไม่อยากมาถ่ายซ่อมอีก
หมับ!
“ว๊าย อุ๊บ!”
ขณะที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ อยู่ดีๆเจสสิก้าก็ถูกดึงพร้อมกับปากที่ถูกปิด ก่อนสองตาของเธอจะเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นภูผา
“ทำอะไรของคุณห๊ะ! อึ๊! อื้อๆๆๆ”
ปากที่กำลังจะต่อว่าเมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระกลับถูกเขาปิดลงอีกครั้งด้วยปากร้อนของเขา ลิ้นสากสอดใส่เข้าไปเชยชิมด้านในอย่างรวดเร็วและเร่าร้อนโดยใช้มือจับสองแขนเล็กเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอทำร้ายร่างกายเขาได้
ภูผาจ้องมองตากลมที่จ้องเขากลับอย่างท้าทาย ก่อนจะจูบหนักหน่วงและจาบจ้วงเพื่อลบรอยจากชายอื่น ร่างสูงบดเบียดแนบชิดจนเจสสิก้าแทบไร้เรี่ยวแรงเมื่อกลัวคนมาเห็นก็กลัว แต่จะดิ้นหรือหนีก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อเขากักกันเธอเอาไว้ทุกทาง ก่อนเจสสิก้าจะเผลอไผลเคลิ้มตามจูบของเขา
“น้องเจสคะน้องเจส! เฮ้อ ไม่ใช่ตกส้วมไปแล้วเหรอเนี่ยยยย โอ๊ยยย น้องเจสสสสส”
ขณะที่จูบกำลังดูดดื่มขึ้นเรื่อยๆ เสียงร้องเรียกของปีโป้ก็ดังขึ้นก่อน เจสสิก้าเบิกตากว้างพร้อมกับดันร่างใหญ่ออกแต่ภูผากลับฝืนเอาไว้แล้วจูบเธอต่อ
ปัก ปัก ปัก
“อื้อๆๆๆๆ”
เธอใช้มือตีไปที่บ่าเขาเมื่อเสียงของปีโป้ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“เฮือก!!”
“คุณมันบ้า!”
เจสสิก้าต่อว่าเขาอย่างโกรธเคือง
“จูบน่ะคือแบบนี้จำเอาไว้ หึหึ”
ภูผาบอกขึ้น ก่อนที่เจสสิก้าจะรีบเดินหนีออกมาด้วยความโกรธ
“หึหึหึ”
ภูผาที่มองตามหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ พร้อมกับใช้มือปาดลิปสติกที่ปากของเขาออก
“ว๊าย! น้องเจส! พี่ตกใจหมดเลย นี่เข้าห้องน้ำเสร็จ...แล้วทำไมปากยับเยินแบบนั้นคะเนี่ย”
ปีโป้ถึงกับตกใจที่อยู่ดีๆเจสสิก้าก็เดินพรวดออกมาจากมุมห้องน้ำ ก่อนจะมองไปเห็นลิปสติกที่เลอะเทอะเลยถามขึ้นอย่างนึกแปลกใจ
“คะ? เอ่อ น่าจะ...เอ่อ ช่างมันเถอะ ไปสิคะ ผู้กำกับน่าจะเรียกแล้ว”
“คะ? เอ่อ...”
เจสสิก้าที่หาข้อแก้ตัวไม่ได้รีบเดินหนีออกไปปล่อยให้ปีโป้ได้แต่มองอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเดินตามเจสสิก้าไป