ตอนที่ 4 นอกสายตา

1001 คำ
ร่างบางพลิกกายตะแคงข้าง กัดริมฝีปากจนห้อเลือด กลั้นน้ำตาเอาไว้ เธอไม่อยากให้ชายคนนี้ได้เห็น พยายามลุกขึ้นอย่างยากเย็น แต่เอวบางกลับถูกรวบมากอดไว้แน่น “จะไปไหน” เขาถามเสียงห้วน “กลับห้อง” เธอตอบเสียงเย็น แววตาปวดร้าว “รีบกลับไปไหน นอนก่อนเถอะ” “ฉันไม่อยากให้ใครกลับมาเห็นเรา!” หญิงสาวบอก น้ำเสียงกล้ำกลืน เขารั้งให้หันมาเผชิญหน้า ยกมือเสยผม สบตา เห็นขอบตาแดงก่ำ น้ำตาคลอ “ก็บอกแล้วไงว่าจะรับผิดชอบ แล้วจะกลัวคนมาเห็นทำไม!” ริมฝีปากบางถูกกัด ฝืนไม่ให้น้ำตาไหลรินออกมา “ถ้ามันฝืนใจก็ไม่ต้องรับผิดชอบหรอก ไม่ได้ต้องการ!” เขาระบายลมหายใจ สีหน้าราวกับคนเบื่อหน่าย “ก็ไม่ได้ฝืนใจ ตอนนี้ฉันโสดอยู่พอดีเลย” มือบางยกผลักไสเขาออกห่าง แววตาปวดร้าว “ฉันจะกลับห้อง เรื่องวันนี้ขอให้มันเป็นความลับระหว่างเราสองคน จากนี้อย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีก!” ร่างบางก้าวลงจากเตียง ลุกยืนอย่างรวดเร็ว ทว่าร่างกายกลับไม่อาจทรงตัว ทรุดลงกับพื้นนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด อาจเพราะเขารีบร้อน เธอเองไม่คุ้นชิน เขาชะงัก หย่อนขาลงแล้วมาหยุดยืนตรงหน้า ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายในสภาพเปลือยเปล่า รีบเมินหน้าหนี “คุณไปแต่งตัวให้เรียบร้อยดีกว่าไหม” “เห็นกันหมดแล้วจะอายอะไร” เขาตอบกลับหน้าตาเฉย ริมฝีปากบางเม้มแน่น ฝืนตัวเองลุกยืน เขาพยายามช่วยพยุง แต่เธอกลับผลักไส หยิบเสื้อผ้าบนพื้น มันใส่แทบไม่ได้แล้ว เพราะเขากระชากจนขาด เปิดตู้เสื้อผ้าอย่างถือวิสาสะ หยิบชุดคลุมออกมาแล้วเข้าห้องน้ำ สวมทับก่อนเดินมาตรงประตู หันมาสบตาคนในห้อง “ฉันไม่คิดว่า... การมาที่นี่จะทำให้ฉัน ต้องเจอกับอะไรแบบนี้เลย” นรีกานต์ตัดพ้อแล้วเดินออกจากห้องไป ชายหนุ่มยืนนิ่ง แล้วทิ้งกายลงบนเตียงกว้าง ยกมือกุมขมับเมื่อภาพของแฟนสาวเข้ามาในห้วงคำนึง ต่อจากนี้มันคงไม่มีอีกแล้ว ความรัก ความคิดถึง ที่มีต่อปารุดา รักมากแค่ไหน คงไม่อาจทำให้เธอหยุดรักเขาเพียงแค่คนเดียวได้ นรีกานต์ปิดประตูลงตามเดิม สาวเท้าอย่างยากเย็น แต่กลับต้องหยุดลงเมื่อเห็นเท้าของใครบางคนหยุดอยู่ตรงหน้า เธอช้อนสายตามองสบตากับคนผู้นั้น โสภาพรรณดวงตาเบิกกว้างจ้องมองไปยังบุตรสาวเพื่อน “หนูนรี นี่หนูออกมาจากห้องของพี่กวีเหรอ” โสภาพรรณเอ่ยถาม น้ำเสียงสั่นเครือ วิฑูรย์ยืนนิ่งจ้องมอง “คุณป้าคะ...” เธออยากแก้ตัว อยากโกหก แต่ไม่รู้จะสรรหาเรื่องไหนมา “อย่าถามนรีเลย ไปถามลูกชายเราดีกว่าคุณโสภา” วิฑูรย์ออกความเห็น “หนูนรีไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนเถอะลูก แล้วเรามาเจอกันข้างล่าง” นรีกานต์เม้มริมฝีปากน้ำตาร่วง ก่อนพยักหน้ายอมรับคำพูดของผู้ใหญ่ “ค่ะคุณป้า” เธอตอบรับแล้วเดินเลี่ยงออกไป โสภาพรรณ ตรงไปห้องบุตรชายแล้วเคาะประตู เจ้าของห้องรีบมาเปิด เห็นมารดาและบิดายืนอยู่ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ก่อนระบายลมหายใจ ดูท่านรีคงเจอกับพ่อแม่ระหว่างออกจากห้อง คราวนี้คงได้แต่งงานกันจริงๆ แน่ “กวี... นี่ลูกทำอะไรลงไป รู้หรือเปล่าว่าเรื่องนี้แม่ปล่อยผ่านไปไม่ได้!” ชายหนุ่มยืนนิ่ง เห็นบิดามองมา รู้สึกผิด แต่ทำไปแล้ว เขาเองก็เมามากด้วย เลยไม่คิดอะไรให้รอบคอบ พอเวลานี้มานั่งครุ่นคิด ก็สายไปแล้ว “ผมรู้ครับ จะแต่งวันไหน ยังไง แม่จัดการไปเลยก็ได้” เขาบอกแบบขอไปที “แต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วลงไปคุยกันข้างล่าง หนูนรีไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนนที่แกได้แล้วจะทำเหมือนไม่มีค่า อย่าได้ทำให้พ่อแม่ถูกถอนหงอก” วิฑูรย์บอกเสียงกร้าว เขานิ่งครู่หนึ่ง “ครับพ่อ เดี๋ยวผมลงไป” โสภาพรรณเดินลงมาห้องรับรอง ไม่คิดว่ากลับมาจากงาน ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เลย อยากให้ลูกชายได้แต่งกับนรีอยู่หรอก แต่ไม่ใช่วิธีนี้ นรีกานต์ก้าวลงบันได สีหน้าซีดเผือด พยายามข่มความเจ็บร้าวเอาไว้ เมื่อเห็นผู้ใหญ่ทั้งสองเธอรีบหลุบตามองพื้น ไม่กล้าสบโดยตรง เพราะรู้สึกอับอาย ทรุดกายลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม ริมฝีปากเม้มแน่น กล้ำกลืนน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา สองสามีภรรยาระบายลมหายใจ มองหน้ากันด้วยความรู้สึกหนักใจ ทั้งสองยังคงรอบุตรชาย เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ แค่บุตรสาวเพื่อน มาอาศัยวันแรกก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว ทำไมลูกชายถึงทำอะไรไม่รักษาหน้าพ่อแม่เอาไว้เสียบ้าง เสียงฝีเท้าลงบันไดมา กวีวัธน์กวาดตามองทั้งสาม ตรงมายืนตรงโซฟา ซึ่งเป็นฝั่งที่เธอนั่ง นรีกานต์ชะงัก จ้องมองเขาแววตาไหววูบ ทว่าคนตัวใหญ่ไม่ได้สนใจ กลับหย่อนกายลงเคียงข้างคนตัวเล็ก ขยับเข้าหาแนบชิดเสียจนร่างบางต้องกระเถิบหนีแต่เขากลับไม่ยินยอม ใช้มือโอบรัดเอวบางเอาไว้ นรีกานต์ตระหนก ยกมือคิดผลักไส แต่เขากลับมองมาแววตาดุดัน “เลิกทำรุ่มร่ามกับน้องสักทีเถอะวัธน์ หนูนรีกลัวหมดแล้ว” คนเป็นแม่ส่งเสียงดุ “จะคิดมากไปทำไมครับแม่ ยังไงผมก็ต้องแต่งงานกับนรีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ เรื่องแบบนี้มันปกติอยู่แล้ว” เขาบอกแบบขอไปที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม