เสียงรถยนต์จอดเทียบ โสภาพรรณเจ้าของบ้านเดินออกมายืนรอด้านนอก ประตูรถครอบครัวเปิด คนในรถสามคนลงมา มนทิพย์ยิ้มกว้างแล้วเดินตรงมาหาเพื่อน กุมไม้กุมมือท่าทางสนิทสนม เจ้าบ้านรีบพาแขกมายังห้องรับรอง สามคนหย่อนกายลงบนโซฟาตรงข้ามกัน
โสภาพรรณทอดสายตามอง ไปยังหญิงสาววัยแรกรุ่น หน้าตาหมดจดงดงาม ใจหวังอยากได้เป็นสะใภ้นักหนา ติดที่ตรงลูกชายดันมีเจ้าของหัวใจเสียแล้ว นรีการต์หญิงสาวอายุวัยยี่สิบเอ็ดปี ผิวกายขาวอมชมพู จมูกโด่ง ดวงตาเรียวสวย ใบหน้ารูปไข่ ผมยาวเคลียแผ่นหลัง ยกมือไหว้หญิงเจ้าของบ้าน ซึ่งเธอเคยเห็นหน้ามาหลายครั้ง
“ไหว้พระเถอะลูก เจอกี่ครั้งก็ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะหนูนรี” โสภาพรรณทักทาย
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”
เธอหันไปหาเพื่อน แล้วยิ้มกว้าง
“ฉันเห็นเธอโทรมาหา ไม่คิดว่าจะมีเรื่องด่วนขนาดนี้” โสภาพรรณเอ่ยปาก แล้วยกแก้วน้ำขึ้นจิบ
“ฉันเองก็ไม่อยากรบกวนเธอเลยโสภา แต่มันจำเป็นจริงๆ”
โสภาพรรณโบกไม้โบกมือ
“โอ้ย! รบกวนอะไรกันเล่า เราเป็นเพื่อนกันมานานขนาดนี้ มีธุระอะไรบอกฉันได้เลยมน!”
“ก็อย่างที่เล่านั้นแหละจ้ะ ขอฝากยัยนรีหน่อยน่ะ พอดีฉันต้องเดินทางไปต่างประเทศกับคุณพิชัยกะทันหัน ยัยนรีเองก็ติดสอบด้วย เลยพาไปด้วยไม่ได้”
“ไม่มีปัญหาหรอกจ้ะ จะฝากไว้นานเท่าไหร่ก็ได้”
สาวใช้เลยพากันยกกระเป๋าออกจากรถ นรีกานต์ยืนส่งพ่อกับแม่ด้านหน้า ปกติพ่อเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ แต่วันนี้สีหน้าพ่อดูเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ
“ตั้งใจสอบนะลูก” พิชัยบอกบุตรสาวแววตาหม่น
“ค่ะพ่อ”
“แม่ไปก่อนนะนรี เสร็จธุระแล้วแม่จะรีบกลับมานะลูก”
“แม่ไปเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงนรี”
รถเคลื่อนลับจากสายตา นรีกานต์ยืนมองแล้วถอนหายใจ เดินคอตกกลับเข้าสู่ด้านใน บ้านหลังนี้เธอเคยมาเที่ยวเล่นหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยมานอนค้างโดยไร้มารดาหรือบิดาเลย รู้สึกชอบกล
“นรี หนูจะทานข้าวก่อนไหม หิวหรือเปล่า” โสภาพรรณตรงเข้ามาถาม ใบหน้ายิ้มแย้ม
“ยังดีกว่าค่ะคุณป้า นรีเพิ่งแวะทานมากับคุณพ่อคุณแม่”
“ถ้าอย่างนั้นขึ้นไปจัดของก่อนไหม กว่าจะได้กลับคงเป็นเดือน”
“ค่ะคุณป้า”
โสภาพรรณมองหาสาวใช้ในบ้าน ก่อนกวักมือเรียก
“ใบเตย พาคุณนรีไปที่ห้องหน่อย”
“ได้ค่ะคุณผู้หญิง”
นรีกานต์มาถึงห้องนอน สาวใช้ช่วยจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ ร่างบางเดินมาหยุดยืนตรงหน้าต่าง เปิดม่านออกแล้วมองไปยังสวนด้านหลังบ้านหลังงาม ในความทรงจำ เธอเคยเห็นบุตรชายของบ้านนี้ เขามีใบหน้าหล่อเหลา ผิวกายขาว ใบหน้าคมเข้ม จมูกโด่ง ริมฝีปากได้รูป ดวงตาคมกริบช่างทรงเสน่ห์ ยามมองมามันทำให้เธอใจสั่นสะท้านทุกครั้ง
เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ เพราะชายที่ชื่อกวีวัธน์ สาวเท้าเดินกลับมา ช่วยสาวใช้เก็บข้าวของ ใจหวังแค่เพียง โชคชะตาจะไม่นำพาให้ได้พบหน้ากับเขาทุกวัน
เสียงดนตรีดัง หนุ่มสาวพากันโยกย้ายไปตามจังหวะ กวีวัธน์หยิบแก้วเหล้ากระดกดื่ม โดยมีเพื่อนร่วมวงสามคน สายตาของเพศตรงข้ามจ้องมองมาหลายครั้ง แม้รู้ตัวแต่ชายหนุ่มกลับไม่สนใจ กระตุกยิ้มมุมปาก ยกแก้วดื่มต่อ ไม่นานนัก สาวสวยโต๊ะเคียงข้างไม่อาจทานทนต่อความสนใจ ในตัวชายแปลกหน้า ตรงเข้ามาหาพร้อมแก้วในมือ
“สวัสดีค่ะ” เธอทักทาย ชายหนุ่มเหลือบมอง
“ครับ”
“ดื่มด้วยกันไหมคะ”
กวีวัธน์จ้องมองใบหน้าสวยทันสมัย ทว่าปราดเดียวกับมองออก ว่าเธอคงผ่านมีดหมอมาไม่น้อย เพราะเพื่อนในกลุ่ม ก็โครงหน้าคล้ายกัน ชยพลเลยกอดคอเพื่อนแล้วยิ้มกว้างให้กับสาวแปลกหน้า
“คุณอย่าจีบไอ้หมอนี่เลยครับ มันมีแฟนแล้ว แฟนมันสวยมากด้วยล่ะครับ” เขาพูด แล้วหัวเราะออกมา
หญิงสาวหน้าเจือนเม้มริมฝีปากไม่พอใจ
“ถ้าจะหาหนุ่มๆ คุยด้วย มาคุยกับผมก็ได้นะ ผมว่างไม่มีแฟน” ชยพลเสนอตัวเอง
ทว่าสาวสวยกลับสะบัดหน้าหนี แล้วเดินกลับไปยังโต๊ะ กวีวัธน์ตบไหล่เพื่อนเป็นการขอบคุณ ตอนนี้เขาแค่รู้สึกหงุดหงิดกับหลายเรื่อง อยากมาดื่มแก้เครียด ไม่ได้มาหาภาระเพิ่ม
“แกแน่ใจนะไอ้พล ว่าที่นี่แน่ ที่เจอปา!” กวีวัธน์ถามเพื่อนเสียงกร้าว
“ใช่ ฉันเจออยู่สองสามครั้ง”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว แววตาไม่พอใจ หวังว่ามันคงไม่เป็นเหมือนที่เพื่อนพูดออกมา
“ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” เขาบอกเสียงห้วน ในอกสั่นไหว
สองเท้าก้าวยาวมาถึงห้องน้ำ ทางเดินค่อนข้างมืด หยุดยืนตรงด้านหน้าเห็นคนออกมา สายตาหยุดลงที่สองร่างตรงมุมด้านนอก ฝ่ายหญิงพิงกำแพง มือจับเสื้ออีกฝ่ายก่อนรั้งเข้ามาจุมพิตดูดดื่ม คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ดวงตาคมหรี่ลง เพราะความมืดทำให้เห็นไม่ชัดเจน
กวีวัธน์หยิบมือถือ แล้วกดเบอร์โทรหา เห็นหญิงสาวคนนั้นชะงัก แล้วหยิบมาดูหน้าจอ ก่อนกดตัดสายทิ้ง กรามขบแน่น แววตาวาวโรจน์ เดินเข้าหาสองคนนั้นทันที
“ปา!” เขาตะโกนเรียกชื่อลั่น จนเจ้าของหันมามองสีหน้าตื่นตระหนก ผลักดันหนุ่มอีกคนออกห่าง
“คุณกวี!”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร!” ตวาดถาม แล้วมองไปยังชายหนุ่มหน้าตาดี กำลังยืนสับสน มองคนโน้นทีคนนี้ที “ผู้ชายคนนี้เป็นใคร!”
เธอรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ใช่แบบนั้นนะคะกวี คุณกำลังเข้าใจปาผิด”
“เข้าใจผิดอะไร ผมเห็นเต็มสองตา คุณกล้าดียังไงถึงได้นอกใจผม!” เขาถามน้ำเสียงเจือไปด้วยความปวดร้าว “ทำไมคุณทำแบบนี้ ผมมันดีไม่พอหรือไง!”
“ไม่ใช่นะกวี ปาไม่ได้ทำอะไรเลย” ปารุดาบอกเสียงสั่น แล้วหันมองหนุ่มคนนั้น ส่งสายตาเพื่อให้ช่วยเหลือ