บทนำ

1120 คำ
เมื่อครั้งทัพสวรรค์ได้รับบัญชาจากองค์เง็กเซียนให้ไปปราบกบฏเมืองบาดาลอันเป็นที่สิงสถิตของเทพมังกรวารี ในโทษฐานที่จักรพรรดิเมืองบาดาลริอ่านแข็งข้อต่อคำสั่ง กล้าให้ที่พักพิงแก่เทพเซียนที่ผันตัวเป็นปีศาจสังหารมนุษย์ เหล่าแม่ทัพสวรรค์ก็ได้กรีธาทัพไปตามรับสั่ง หากแต่เมื่อถึงที่หมาย บัญชาสวรรค์จากองค์เง็กเซียนกลับมลายสิ้นด้วยสายใยผูกพันดั่งมิตรสหายของจักรพรรดิมังกรวารีและบรรดาแม่ทัพสวรรค์ช่างแน่นแฟ้น อีกทั้งปีศาจที่ใช้เมืองบาดาลแห่งนี้เป็นที่หลบซ่อนตัวก็หาใช่ผู้อื่นไกล หากแต่เป็นโอรสของเทพมังกรวารี เท่ากับว่ามีศักดิ์เป็นหลานของเหล่าแม่ทัพที่ชิดเชื้อ แม้ไม่ควรให้สายสัมพันธ์นี้มาขัดต่อหน้าที่ กระนั้นความเป็นพี่น้องและสหายร่วมสาบานก็มิอาจตัดขาด เหล่าแม่ทัพสวรรค์แสร้งทำลายเมืองบาดาลทิ้งเสียย่อยยับ เปิดช่องทางให้สหายเทพมังกรของตนพาโอรสหลบหนีไปยังที่เร้นลับให้พ้นจากสายพระเนตรขององค์เง็กเซียน ทว่า... พวกเขาคงลืมไปกระมังว่าองค์เง็กเซียนคือประมุขสวรรค์ เป็นจักรพรรดิของเหล่าเทพทั้งปวง การตบตานี้หรือจะทำให้หลงเชื่อได้โดยง่าย ครั้นเหล่าแม่ทัพสวรรค์กลับมาพร้อมกราบทูลการปฏิบัติหน้าที่ ครานั้นเองที่ ทุกคนต่างต้องโทษกันถ้วนหน้า ‘กบฏสวรรค์’ เป็นคำกล่าวหาที่เสมือนกับตราประทับที่ผนึกแน่นอยู่กลางหน้าผาก เหล่าแม่ทัพสวรรค์ละอายแก่ใจยิ่งนัก แต่นั่นก็หาได้เป็นโทษที่สาสมกับการขัดพระบัญชาไม่ องค์เง็กเซียนทรงเนรเทศพวกเขาและเหล่าทหารในกองทัพออกจากเขตสวรรค์ ตัดขาดทุกความเมตตาทั้งปวงที่เคยมีมาตั้งแต่โบราณกาลเสียสิ้น เมื่อสวรรค์ซึ่งเป็นประหนึ่งบ้านมิอาจหวนกลับได้ และเมืองบาดาลก็ถูกทำลายหมดทั้งสิ้นแล้ว สถานที่แห่งเดียวที่เหล่าแม่ทัพสวรรค์จะพำนักพักพิงจึงหนีไม่พ้นโลกมนุษย์ หากแต่เมื่อพากันลงมายังที่หมาย ฝ่าเท้าที่สัมผัสแผ่นดินนั้นพลันทำให้ร่างกายของพวกเขาถูกกองเพลิงห่อหุ้มไว้ เผาผลาญรูปลักษณ์อันงดงามจนมอดไหม้ไม่เหลือชิ้นดี แต่...เทพสวรรค์ไม่มีวันดับสูญ เหล่าแม่ทัพจึงอุบัติใหม่อีกคราในร่างที่พวกเขาหาได้เคยคาดคิดมาก่อน ร่างกายอันอัปลักษณ์... กึ่งมนุษย์ กึ่งสัตว์... อมนุษย์... มันเป็นการลงโทษจากสวรรค์! เรือนกายแปรเปลี่ยนเป็นสรรพสัตว์ตามอุปนิสัยโดดเด่นของแต่ละคน กระนั้นก็หาได้สำคัญเท่ากับการที่พวกเขากลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘เทพอสูร’ เหล่านั้นคือคำขานเรียกเทพตกสวรรค์ แต่ถึงอย่างนั้น บทลงโทษก็หาได้ยุติเพียงเท่านี้ นอกจากจะมีเรือนกายอัปลักษณ์แล้ว พวกเขายังถูกตราหน้าให้เป็นมลทินด่างพร้อมอีก ด้วยในสายตาของเหล่ามนุษย์หาได้มองว่าพวกเขาเป็นอดีตเทพเซียนแต่อย่างใด หากแต่คือเหล่าอสุรกายที่คอยเบียดเบียนช่วงชิง และครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างไปจากมนุษย์ คุณงามความดีใดที่ พวกเขาเคยสร้างไว้ให้มนุษย์เหล่านั้นเมื่อครั้งยังอยู่บนสวรรค์ถูกลบเลือนไปหมดสิ้น และจะถูกมองชั่วนิรันดร์อย่างรังเกียจเดียดฉันท์... เช่นนั้น...ตราบนิรันดร์ เสียงฝีเท้าหนักๆ ของอาชาหนุ่มวิ่งย่ำไปบนผืนทะเลทรายสีทองดังกึกก้องไปทั่วอาณาเขตอันเวิ้งว้าง กระนั้นก็หาได้ทำให้ชายหนุ่มผู้ควบม้าสีดำปลอดนำหน้าขบวนสนใจได้ ในหัวเขามีเพียงความตั้งใจเดียวเท่านั้นที่ผุดพรายเข้ามาในชั่วยามนี้ จะต้องกลับไปเค้นถามความจริงจากท่านพ่อ! ใช้เวลาไม่นานนัก เหล่านักรบแห่งทะเลทรายก็มาถึงยังจุดหมายเบื้องหน้าเป็นภาพของกลุ่มคนที่ถูกเรียกขานว่าเป็นชนเผ่าเร่ร่อนกำลังสาละวนกับการขนถ่ายถุงบรรจุน้ำที่ทำจากหนังสัตว์จากหลังเกวียนเทียมม้าและอูฐอยู่ แต่ทุกชีวิตก็ต้องหยุดเคลื่อนไหวลงทันทีที่ร่างสูงของชายหนุ่มทิ้งตัวลงจากหลังม้าคู่ใจ ก่อนจะแผดเสียงดังลั่นพร้อมกับสีหน้าเกรี้ยวกราด “ท่านพ่อของข้าอยู่ที่ไหน!” ไร้ซึ่งสรรพเสียงตอบรับ ยิ่งทำให้สีหน้าและแววตาของชายหนุ่มฉกรรจ์ฉายความไม่พอใจออกมาอีก “ข้าถามว่าอยู่ที่ไหน! ซิ่นจินอยู่ที่ไหน!” ประโยคแรกถามถึงบิดา ประโยคต่อมาเป็นชื่อหญิงสาวที่เขารู้จักดี จะไม่ให้รู้จักดีได้อย่างไรกัน ในเมื่อชื่อนั้นเป็นของน้องสาวฝาแฝดที่อาศัยครรภ์มารดาร่วมกัน นางหายตัวไปตอนที่เขาออกไปปล้นกองคาราวานเช่นนี้ หาใช่เรื่องที่เขาจะไม่เป็นเดือดเป็นร้อนได้ไม่ เมื่อโทสะพวยพุ่งมากกว่าเดิม คำตอบที่ ซิ่นเฉิงต้องการก็ได้รับใน บัดนั้นเมื่อคนที่เขาถามหาได้ปรากฏกายออกจากกระโจมผ้าซึ่งเย็บมุงด้วยหนังสัตว์ “เหตุใดต้องเสียงดัง จะตามตัวข้า เจ้าก็เพียงเดินเข้ามาที่นี่” ชายวัยกลางคนท่าทางอ่อนแอผู้นั้นคือบิดาของเขาและผู้ดำรงตำแหน่งผู้นำชนเผ่าเร่ร่อนเผ่านี้ ครั้นซิ่นเฉิงเหลือบเห็นก็พลันก้าวอาดๆ เข้าไปหา เสียงเครื่องประดับเงินที่สวมห้อยตามลำตัวแกร่งดังกระทบกันเป็นจังหวะการเคลื่อนไหว ก่อนจะหยุดลงเมื่อมีเสียงแหบห้าวของเขาดังกลบ “ข้าได้ยินว่าท่านพ่อยกซิ่นจินให้เป็นฮูหยินของเทพอสูร หมายความเช่นไร” ไม่รอช้า ซิ่นเฉิงถามในสิ่งที่ตนอยากรู้ ตอนที่เขาเดินทางไปกับนักรบของชนเผ่าเพื่อออกปล้นตามวิสัย ยังไม่ทันจะได้พบเป้าหมาย ก็มีม้าเร็วมาแจ้งข่าวว่าน้องสาวฝาแฝดถูกส่งตัวไปยังแคว้นเฟิงฝู ซึ่งเป็นแคว้นที่ถูกครอบครองโดยเหล่าเทพอสูรที่ได้ชื่อว่าเป็นอสุรกาย แม้เขาจะไม่เคยพบพานเทพอสูรเหล่านั้นมาก่อน แต่ก็รู้ดีว่าคนเหล่านั้นหาใช่มนุษย์เฉกเช่นพวกเขาแต่อย่างใด หากแต่เป็นอมนุษย์ที่มีร่างกายบางส่วนเป็นสัตว์และอ**บางส่วนเป็นมนุษย์ ครั้นได้ยินว่าซิ่นจินถูกยกให้ไปตบแต่งเป็นฮูหยินของชายที่นางไม่ได้มีใจปฏิพัทธ์ ซิ่นเฉิงก็โกรธเสียจนคลั่ง เมื่อได้ยินว่าชายที่จะมาเป็นสามีของนางเป็นอสุรกาย เขาก็ยิ่งเดือดดาลหนัก รีบห้อตะบึงกลับมายังจุดพำนักของชนเผ่าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมาเค้นความจริงจากบิดาอย่างที่เป็นอยู่นี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม