บรรยากาศในห้องประชุมน่าเบื่อกว่าทุกวันที่ผ่านมา
ทิวากรดีใจที่ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนเที่ยงเพราะเขาอยากกลับไปดูหน้าคนที่ป่วยแล้วดื้อรั้น พึมพำทั้งคืนว่าจะกลับบ้านทั้ง ๆ ที่เดินแทบไม่ไหว เขาต้องใช้เวลาขู่อยู่นานกว่าเธอจะยอมนอนที่ห้องรับรองแขก
‘ชุดชั้นในก็ไม่มี วาดอยู่ไม่ได้หรอกค่ะ’
‘รออยู่นี่ละ ถ้าหนีกลับฉันเอาเรื่องเธอจริง ๆ ด้วย’
ต้องขอบคุณร้านสะดวกซื้อที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ปานวาดจึงได้ของใช้ครบถ้วน ตั้งแต่แพนตี้ แปรงสีฟัน รวมไปถึงผ้าอนามัยกลางวันและกลางคืน ขาดแต่บราที่เขาบอกว่าไม่จำเป็นต้องใส่ แต่พอเห็นเธอออกจากห้องน้ำ สวมเพียงเสื้อยืดตัวใหญ่ของเขา ทิวากรก็ถึงกับต้องเบือนหน้าหนี
ปานวาดไม่รู้ว่าตัวเองน่ากินมากแค่ไหน…
เขาตื่นมาพบว่าเธอกำลังจะหนีกลับบ้านอีกครั้ง อ้างว่าไม่ปวดท้องแล้ว ทว่าใบหน้าซีดเผือดนั้นไม่น่าไว้วางใจ เขาจึงสั่งให้เธอลางาน และถ้าไม่เชื่อฟังเขาก็จะไล่เธอออก ถึงอย่างนั้นคนดื้อก็ยังเถียงไม่ยอมหยุด กว่าจะยอมก็ต้องอ้างเหตุผลที่ไม่น่าฟังอีกหลายคำ
‘ถ้าเธอไปในสภาพแบบนี้แล้วเกิดทำงานผิดพลาด… บริษัทฉันจะไม่แย่เหรอ ปานวาด’
‘เรื่องงานวาดไม่พลาดหรอกค่ะ’
เธอขมุบขมิบปากบอกว่าตัวเลขเข้าใจง่ายกว่าคน อย่างน้อยก็ไม่หลอกลวง บวกลบกี่ครั้งก็ได้ผลลัพธ์ออกมาเท่าเดิม ที่ผ่านมาเธอจึงสนแค่งานและไม่ยุ่งเรื่องของใคร
‘ใจอ่อนแค่หนเดียวก็งานเข้าไม่หยุดแล้ว’
เขาอยากถามเธอว่าต้องการสื่อถึงเรื่องอะไร แต่เวลาไม่อำนวยจึงจำต้องกลับมาคุยกันหลังประชุมเสร็จ โชคดีที่กลับถึงห้องก่อนช่วงบ่าย ปานวาดจึงถูกรั้งตัวไว้ได้อีกครั้ง
“ใจคอคุณจะไม่ยอมรอหน่อยเหรอคะ วาดบอกแล้วไงคะว่าปวดท้อง…”
ประจำเดือนของปานวาดมาก่อนเวลาเพราะยาคุมฉุกเฉินที่กินไปเมื่อสองวันก่อนและอาการปวดท้องที่มาพร้อมกันทำให้เธอหงุดหงิดมากเป็นพิเศษ
“ฉันไม่ได้จะเอาเธอ ฉันแค่จะพาเธอไปส่งที่บ้าน”
“วาดกลับเองได้…”
“แต่ฉันไม่อนุญาต” ทิวากรเห็นเธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้จึงรีบอ้างเหตุผล “เผื่อว่าเธอปวดท้องแล้วเป็นลม ป่วยหนักจนทำงานไม่ได้ บริษัทได้เสียหายกันพอดี… ตัวฉันที่จ่ายเธอไปตั้งเยอะก็ต้องขาดทุนด้วย”
ข้ออ้างของเขาทำให้ปานวาดยอมจำนน เธอบอกว่าส่งแค่หน้าปากซอยก็พอแล้ว แต่ทิวากรไม่ยอมฟัง ขับรถจนกระทั่งถึงหน้าห้องพักเก่า ๆ ที่อยู่ในซอยค่อนข้างลึก
ขนาดตอนกลางวันยังดูอันตราย ทิวากรไม่อยากคิดว่าตอนค่ำจะเปลี่ยวมากแค่ไหน
“ฉันเดาว่าเธอคงมีข้าวของส่วนตัวไม่มาก รีบเข้าไปเก็บเอาเฉพาะที่จำเป็น ฉันจะรออยู่ในรถ”
เขาบอกกับตัวเองว่าไม่ใช่คนใจดี แต่ที่พาปานวาดออกไปจากที่นี่ก็เพราะต้องการให้เธออยู่ใกล้ตัว เพื่อที่ถึงเวลาแล้วเธอจะได้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดก็เท่านั้นเอง
“ทำไมวาดต้องเก็บของด้วยคะ”
“คงไม่คิดว่าฉันจะมานอนกับเธอที่นี่ใช่ไหม”
“วาดก็ไม่ได้อยากให้คุณมาที่นี่ตั้งแต่แรก อีกอย่างถ้าคุณต้องการก็ค่อยนัดเจอกันก็ได้นี่คะ โรงแรมหรือว่าคอนโดของคุณก็ได้ วาดไม่มีปัญหาเรื่องการเดินทางค่ะ”
“แต่ฉันมี ฉันอยากให้เธออยู่ด้วยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เวลาอยากจะได้ไม่ต้องรอ อีกอย่างราคาที่จ่ายก็ไม่ได้...”
ปานวาดลงจากรถโดยไม่รอให้เขาพูดจนจบประโยค แต่กระนั้นทิวากรก็ยังตะโกนสั่งว่าให้คืนกุญแจให้เรียบร้อย ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเธอก็กลับมา วางกระเป๋าใบเล็กไว้ท้ายรถที่เขาลงไปเปิดให้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ทว่าทิวากรทราบดีว่าเธอกำลังไม่พอใจ
“การย้ายไปอยู่กับผู้ชายที่เธอเคยรักนี่มันลำบากใจนักหรือไง เธอควรดีใจที่จะได้ใช้เวลาอยู่กับฉันไม่ใช่เหรอ”
เขาทนมองใบหน้าอมทุกข์ของปานวาดไม่ได้...
ในเมื่อเธอเต็มใจยอมรับข้อเสนอที่มาพร้อมกับเงินจำนวนมาก แล้วทำไมต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่อีก?
“คุณไม่ใช่พี่แทนคนเดิมที่วาดเคยรักเมื่อหลายปีก่อน ยิ่งมีเรื่องบ้า ๆ เกิดขึ้นระหว่างเราด้วยแล้ว วาดกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่ายังไงก็คง... ไม่กล้ารักคุณ”
“ดี! เพราะเรื่องระหว่างเราสองคนมันเกี่ยวกับความต้องการของฉันล้วน ๆ ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง เธอทำหน้าที่ของเธอให้ดีก็พอ”
“ค่ะ คุณแทน”
“แล้วก็ห้ามกินยาคุมฉุกเฉินอีก จำไว้ให้ดีด้วยล่ะ...”
“ตอนนั้นวาดยังไม่ได้ตอบตกลงเรื่องทำลูกกับคุณเลยต้องระวังไว้ก่อน ช่างเถอะค่ะ อธิบายไปก็ไม่มีประโยชน์ เอาเป็นว่าหลังจากนี้วาดจะไม่กินยาคุมฉุกเฉินอีกแล้วค่ะ”
ปานวาดไม่หลบสายตาของอีกฝ่ายเพราะต้องการให้เขาเชื่อว่าเธอจะไม่กินยาคุมฉุกเฉินแล้วจริง ๆ
แต่การกินยาคุมกำเนิดทั่วไป... เขาไม่ได้ห้ามไว้นี่นา