6

3342 คำ
“ทำไมคะ” ช่อเอื้องหันกลับไปถามอย่างเต็มไปด้วยความสงสัย “ฉันคิดถึงเธอ...คืนนี้เรากลับไปนอนที่เพนต์เฮาส์กันนะ” คนเจ้าเล่ห์เอ่ยชวนเสียงหวาน “เอ่อ...หนูขอกลับไปนอนที่บ้านของหนูได้ไหมคะ ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องหนูยังไม่ได้กลับบ้านเลย” ช่อเอื้องบอกความต้องการ เพราะคิดถึงทั้งพ่อและบ้านหลังน้อยที่เต็มไปด้วยความทรงจำมากมายเกี่ยวกับบิดา “โอเค! ได้ตามที่ขอ” แม่ทัพพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย “จริงๆ นะคะ” ช่อเอื้องถามอย่างดีใจที่จะได้กลับไปนอนบ้านสักที “ก็จริงนะสิ ว่าแต่...เธอรู้ใช่ไหมว่าต่อไปนี้เธอไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว ยังมีฉันและแม่ของฉันอยู่ข้างๆ” แม่ทัพยิ้มอย่างเอ็นดูกับท่าทางซื่อๆ ของสาวเจ้า “ค่ะ ขอบคุณนะคะที่คุณเมตตาหนู” ช่อเอื้องส่งยิ้มบางๆ ไปให้อย่างรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ แม้วันแรกที่พบกัน...เขาจะเป็นเหมือนกับฝันร้ายก็ตาม “ยินดีครับ” แม่ทัพตอบก่อนจะเลี้ยวเข้าไปจอดเยื้องๆ กับศาลา จากนั้นก็พาสาวเจ้าเดินเข้าไปในงาน ที่มีผู้คนเริ่มทยอยมากันบ้างแล้ว เวลา 16:05 น. หลังวางดอกไม้จันทน์และบอกลาบิดาเป็นครั้งสุดท้าย ทุกวินาทีก็คืบคลานผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว ช่อเอื้องยืนกอดรูปของบิดา จ้องมองควันที่โพยพุ่งออกจากปล่องของไฟของเมรุ ในขณะที่หยดน้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทางอย่างไม่ขาดสาย แม่ทัพเข้าไปกอดปลอบและเช็ดน้ำตาให้หญิงสาว กระทั่งแขกที่มาร่วมงานต่างพากันเริ่มทยอยกลับไปจนหมดแล้ว จึงเอ่ยชวนช่อเอื้องเดินทางกลับเพนต์เฮาส์ โดยให้สัญญาว่าพรุ่งนี้จะพาเธอไปบ้านที่ชุมชน พร้อมกับพูดคุยและขอบคุณคงศักดิ์กับภรรยาที่ช่วยกันจัดงานต่างๆ จนผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เวลา 17:38 น. แม่ทัพขับรถมาถึงที่พัก ก็หันไปมองคนที่หลับไป แต่ในมือยังคงกอดรูปของบิดา ชายหนุ่มจึงเรียกบอดี้การ์ดให้มาถือรูปขึ้นไปส่งที่ห้องพัก จากนั้นก็ช้อนอุ้มสาวเจ้าเดินตามไปเข้าในลิฟต์ พอถึงห้องพักก็รีบตรงดิ่งไปที่ห้องนอนใหญ่ แล้ววางสาวเจ้าลงบนเตียงอย่างเบามือ “อื้อ...หนูหลับไปเหรอคะ” คนที่สะดุ้งตื่นถามอย่างมึนๆ “ใช่ นอนพักเถอะ ฉันจะออกไปสั่งงานอีกเดี๋ยวจะกลับมา” “หนูอยากอาบน้ำค่ะ” “โอเค! งั้นอาบเสร็จแล้วออกไปที่ข้างนอกนะ ฉันจะเตรียมอาหารรอ” “ค่ะ” ช่อเอื้องขานรับแล้วลุกเดินตรงไปที่ห้องน้ำอย่างรู้สึกอายๆ ที่เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว ชั่วโมงต่อมา...ช่อเอื้องใส่เสื้อยืดแขนสั้นและกางเกงลำลองขาสามส่วน เดินออกไปที่ด้านนอก ก็เห็นอีกฝ่ายนั่งคุยโทรศัพท์ บนโต๊ะมีเนื้อสไลซ์ เห็ด ผัก กุ้งแม่น้ำ ปลาหมึกและของอื่นๆ วางเรียงอยู่เต็ม “เข้ามานั่งสิเอื้อง” แม่ทัพกดวางสายแล้วกวักมือเรียกสาวเจ้าด้วยสีหน้ายิ้มๆ “อาหารเยอะจังเลยค่ะ” ช่อเอื้องรู้สึกหิวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “ฉันโทรสั่งจากร้านปิ้งย่างมาทาน เธอชอบไหม?” “ชอบค่ะ” เธอยิ้มตอบแล้วเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “ถ้าไม่อร่อยบอกนะ เดี๋ยวฉันจะไปเขียนรีวิวเอาให้ร้านมันเจ๊งไปเลย” แม่ทัพบอกด้วยสีหน้าจริงจัง “ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยคะ” ช่อเอื้องขมวดคิ้วถาม พลางจ้องมองชื่อร้านที่ติดอยู่บนกล่องก็ถึงกับร้องว้าวในใจ ‘นี่คุณทัพโทรสั่งอาหารจากร้านดังมาทานเหรอเนี่ย ถึงว่า...แต่ละเมนูดูพรีเมียมสุดๆ’ “ทำสิ ต้องทำบ้าง เจ้าของร้านสมควรโดน” แม่ทัพบอกพร้อมกับยักไหล่ทั้งสองข้างขึ้นนิดๆ อย่างไม่แคร์ “คะ...คุณรู้จักกับเจ้าของร้านใช่ไหมคะ” “หึ! รู้จักสิ! ไอ้บ้านี่แหละตัวดีเลย” แม่ทัพเอ่ยรับก่อนจะกลอกตาอย่างรู้สึกเซ็งๆ เมื่อนึกไปถึงเพื่อนรักเพื่อนแค้นที่ป่านนี้น่าจะกำลังดี๊ด๊ากับการเตรียมตัวเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้กับจอมพล “คิกๆๆ” ช่อเอื้องหัวเราะเบาๆ กับคำตอบกวนๆ นั้น “พรุ่งนี้ช่วงสายๆ เราไปค่อยไปบ้านของเอื้องนะ” แม่ทัพสรุปโปรแกรมของวันพรุ่งนี้ ก่อนจะกดเปิดกระทะปิ้งย่างไฟฟ้า แล้วใช้คีมคีบเนื้อหมักลงไปย่าง “ค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ สำหรับทุกเรื่องเลย เอ่อ...ให้หนูทำงานเป็นแม่บ้านทำความสะอาดห้องพักของคุณเป็นการตอบแทนได้ไหมคะ หรือคุณอยากให้หนูทำอะไรก็บอกมาได้เลยค่ะ หนูยินดีทำให้ทุกอย่าง” ช่อเอื้องรีบเสนอตัวช่วยงาน “พูดจริงเหรอ?” แม่ทัพตาลุกวาวขึ้นมาทันทีทันใด “จริงค่ะ ยกเว้นเรื่องนั้น” เธอเสริมเมื่อเห็นสายตาแวววาวของอีกฝ่าย “เรื่องไหน?” คนที่อยากจะจับสาวเจ้ากลืนกินใจจะขาดแสร้งทำไก๋ “ก็เรื่องแบบว่า...” ช่อเอื้องรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าที่ต้องเอ่ยเรื่องความสัมพันธ์บนเตียงในขณะที่อีกฝ่ายแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “แบบว่าอะไรเหรอ?” แม่ทัพถามยั่วคนที่กำลังอายจนหน้าแดงปลั่งอย่างชอบใจ ก่อนจะคีบเนื้อที่ย่างจนสุกได้ที่วางลงในจาน “โธ่! อย่าแกล้งหนูสิคะ” ช่อเอื้องส่งค้อนวงใหญ่ไปให้อย่างเคืองๆ “ฉันไม่ได้แกล้ง แต่ฉันไม่รู้จริงๆ” แม่ทัพตีเนียน แล้วหันไปคีบเนื้อมาย่างต่อด้วยสีหน้ายิ้มๆ “คุณรู้!” ช่อเอื้องคีบเนื้อย่างในจาน ที่ส่งกลิ่นหอมหวนชวนน้ำลายสอมาวางบนใบงาเกาหลี ตามด้วยกระเทียม พริกหยวก และกิมจิ เหมือนกับในหนังเกาหลี แล้วทานด้วยสีหน้าสุดฟิน “อื้ม! อร่อยมากๆ เลยค่ะ” “หึๆ ลองทานนี่ดูสิ” แม่ทัพคีบเนื้อย่างวางลงในจานให้สาวเจ้าอีกครั้งอย่างเอาใจ “ขอบคุณค่ะ” คนที่หิวจัดฉีกยิ้มหวานแล้วทานต่ออย่างรู้สึกปลื้ม “ฉันเดาว่าตอนเรียนเธอคงได้รางวัลนักเรียนมารยาทดีเด่นแน่ๆ เลย” แม่ทัพบอกพลางคีบกุ้งดองซีอิ๊วญี่ปุ่นมาวางบนสาหร่ายแผ่น จากนั้นก็ตักน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดใส่ลงไปนิดหน่อย แล้วป้อนสาวเจ้าอย่างไม่รอช้า “ขอบคุณค่ะ” ช่อเอื้องอ้าปากรับเมนูที่เธออยากจะกินมานาน เพราะเห็นเพื่อนๆ ร่วมชั้นพากันโพสต์รูปลงเฟซบุ๊กอยู่บ่อยๆ แม้จะเรียนโรงเรียนเดียวกัน อยู่ชั้นเดียวกัน แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนตัวเองแปลกแยกออกไปจากคนอื่นๆ เพราะคำว่าฐานะที่ด้อยกว่า จะมีก็แต่เพื่อนผู้ชายอย่าง...ราเชน ที่มักจะเข้ามาพูดคุยด้วยบ่อยๆ แถมบางครั้งก็พาเธอไปกินอาหารแพงๆ โดยที่อีกฝ่ายเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่ว่าเธอจะปฏิเสธยังไง แต่เขาก็จะลากเธอไปด้วยเสมอ และนั่นเป็นสิ่งดีๆ เพียงสิ่งเดียวที่เธอมีในช่วงมัธยมปลาย พอเรียนจบราเชนก็บินไปเตรียมตัวเพื่อจะเข้าเรียนต่อที่ต่างประเทศทันที เธอไม่มีโอกาสได้กล่าวลาหรือกล่าวคำอวยพรใดๆ และที่สำคัญคือเธอบล็อกเพื่อนทุกคนใน เฟซบุ๊ก เพราะไม่อยากจะตอบคำถามจากใครหรือแม้แต่ราเชน...ว่าทำไมเธอถึงไม่เรียนต่อ “อร่อยไหม?” แม่ทัพถามก่อนจะคีบเนื้อ ปลาหมึกและเห็ดลงไปย่างเพิ่ม “อร่อยมากๆ เลยค่ะ” ช่อเอื้องยกนิ้วโป้งทันใด “อ่อ! มีปูไข่ดองน้ำปลาด้วยนะ อยู่ในกล่องโฟมตรงนั้น เอื้องไปหยิบมาทีสิ” แม่ทัพบอกอย่างนึกขึ้นได้ว่าตนยังไม่ได้หยิบออกจากกล่อง “ค่ะ” ช่อเอื้องลุกเดินไปเปิดกล่องโฟมออก แล้วยกกล่องใส่ปูไข่ดองน้ำปลาทั้งสองกล่องมาวางบนโต๊ะ “เปิดฝากล่องเลยครับ” แม่ทัพบอกยิ้มๆ หญิงสาวทำตามก่อนจะอุทานอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นปูตัวใหญ่อัดแน่นไปด้วยไข่เต็มกระดอง “ว้าว! น่าทานจังเลยค่ะ” “เอาข้าวสวยวางบนสาหร่าย แล้วตักมันปูกับน้ำจิ้มใส่ลงไปครับ” เขาเอ่ยแนะ “ได้ค่ะ” ช่อเอื้องขานรับและทำตามทันที “ขอคำหนึ่งนะ” “ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูห่อให้” “ขอบคุณครับ” แม่ทัพฉีกยิ้มก่อนจะหันไปย่างเนื้อต่ออย่างสุขล้นในหัวใจ ไม่คิดว่าการได้นั่งทานข้าวกับคนที่ใช่ มันจะทำให้รู้สึกดีขนาดนี้ “ร้านนี้มีครบทุกอย่างเลยนะคะ” “ใช่ครับ ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนพี่จะทำธุรกิจที่สุ่มเสี่ยงแล้วได้กำไรงาม แต่ค่าเช่าก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน” “ถ้าทำในที่ของตัวเองคงจะดีนะคะ” “นั่นสิ! เห็นว่ากำลังหาทำเลดีๆ เพื่อขยับขยายธุรกิจต่อในระยะยาว” “แล้วคุณทัพมาทำค่ายมวยได้ยังไงคะ?” “สานต่อกิจการของคุณพ่อครับและส่วนตัวก็ชอบการต่อสู้แบบนี้ด้วย มันตรงๆ ดี หมัดแลกหมัด” “หนูเคยเห็นคุณพ่อกับลุงศักดิ์นั่งดูมวยด้วยกันบ่อยๆ ค่ะ ใส่อารมณ์เหมือนกับได้ขึ้นชกเองเลย” “ฮ่าๆๆ ธรรมดาครับ ส่วนใหญ่คนดูจะชอบลุ้นและอินกับการชก” แม่ทัพหัวเราะขึ้นอย่างขำๆ ก่อนจะเอ่ยชวน “ว่าแต่...เราอยากไปดูการชกที่สนามมวยไหม?” “หนูไปได้เหรอคะ” ช่อเอื้องเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย “ได้สิ แต่เอื้องต้องนั่งดูจากห้องวีไอพีที่ชั้นสองนะ เพราะข้างล่างมีแต่ผู้ชาย” แม่ทัพบอกยิ้มๆ “ค่ะ” ช่อเอื้องขานรับ ก่อนจะตักกุ้งแช่ดองซีอิ๊วหวานๆ มาห่อสาหร่ายแล้วป้อนให้กับอีกฝ่าย “อื้ม...” แม่ทัพอ้าปากรับแล้วดูดนิ้วเรียวงามของสาวเจ้าเบาๆ อย่าง หยอกเย้า “คุณทัพ” ช่อเอื้องรีบดึงมือกลับอย่างตกใจ “ฉันกลัวนิ้วของเธอเลอะ” คนหื่น เอ๊ย! คนเจ้าเล่ห์ออกตัว “ชิ!” ช่อเอื้องมองค้อน แล้วลงมือทานเนื้อย่างต่ออย่างเอร็ดอร่อย ไม่สนใจสายตาวิบวับที่มองมา หลังจากทานอาหารเสร็จ แม่ทัพก็พาสาวเจ้าไปเดินดูห้องต่างๆ ในเพนต์เฮาส์ ที่ประกอบไปด้วยห้องออกกำลังกาย ห้องดูหนัง ห้องนั่งเล่น ห้องครัวใหญ่ที่มีทั้งบาร์เครื่องดื่ม และห้องรับรองสำหรับแขกที่มาพักนอนถึงสี่ห้องนอน ช่อเอื้องเดินดูแต่ละห้องด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้มราวกับอยู่ในความฝัน เพราะชีวิตของเธอไม่เคยมีพร้อมแบบนี้มาก่อน ด้านคนหื่นที่เริ่มเก็บทรงไม่ค่อยอยู่ พอสาวเจ้าเผลอทีไรก็รีบก้มลงหอมแก้ม ต่อด้วยการตีเนียนจับตรงนั้น ลูบตรงนี้เบาๆ ไปตลอดการพาทัวร์เพนต์เฮาส์ เวลา 02:40 น. ขณะที่ช่อเอื้องกำลังหลับลึก อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเรียก ที่คุ้นเคยดังขึ้นใกล้ๆ จึงลืมตาขึ้นมอง ก็เห็นว่าบิดายืนอยู่ข้างๆ เตียง ‘พ่อ พ่อจริงๆ ด้วย’ ‘ใช่! พ่อเอง’ ศรชัยฉีกยิ้มบางๆ ให้กับบุตรสาว ช่อเอื้องรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วโผเข้ากอดบิดาแน่น ‘ฮึก...หนูไม่น่าทิ้งพ่อไว้คนเดียวเลย ไม่อย่างนั้นพ่อคงไม่...’ ‘เอื้อง! เราทุกคนล้วนมีเวลาเป็นของตัวเองลูก ต่อให้หนูอยู่ตรงนั้น...พ่อก็ต้องไปอยู่ดี’ ศรชัยปลอบพร้อมกับลูบแผ่นหลังบางเบาๆ ‘ฮือๆๆ บางทีหนูอาจจะช่วยพ่อทันก็ได้’ เธอปล่อยโฮออกมาอย่างรู้สึกเจ็บปวด ‘เราเปลี่ยนสิ่งที่ฟ้ากำหนดไม่ได้หรอก แต่รู้ใช่ไหม...ว่าพ่อจะอยู่ในใจของลูกไปตลอด’ ‘ฮือๆๆ’ ช่อเอื้องร้องหนักกว่าเดิม หลังได้ฟังคำตอบ ‘เอื้อง...หยุดร้องแล้วตั้งใจฟังนะลูก พ่อมีเวลาไม่มาก’ ศรชัยดันตัวลูกสาวออก แล้วเช็ดน้ำตาให้อย่างเอ็นดู ‘ฮึก...ค่ะพ่อ’ ช่อเอื้องพยายามตั้งสติและเงยหน้าขึ้นมองบิดา ‘จำหีบใบเล็กที่พ่อใส่กุญแจล็อกเอาไว้ได้ไหม’ ‘จำได้ค่ะ’ ‘ในหีบใบนั้นซ่อนความลับของลูกที่พ่อเก็บเอาไว้มาตลอด’ ‘คะ...ความลับอะไรคะ?’ ช่อเอื้องขมวดคิ้วถามอย่างแปลกใจ ‘สัญญามาก่อนว่าหากลูกได้ดูแล้ว จะไม่โกรธพ่อ’ ศรชัยขอคำมั่นจากบุตรสาว “ค่ะ เอื้องให้สัญญา” ช่อเอื้องพยักหน้ารับ ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจในความหมาย ‘พ่อต้องไปแล้ว’ ศรชัยคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะโบกมือลาบุตรสาว ‘ไม่เอา หนูไม่ให้พ่อไป’ ช่อเอื้องส่ายหน้าทั้งน้ำตา พยายามจะยื้อแขนของบิดาให้อยู่ต่อ แต่กลับคว้าได้แต่เพียงความว่างเปล่า ‘พ่อรักลูกนะ และจะรักตลอดไป’ ‘พ่อ! พ่อ!’ “เอื้อง! เอื้อง!” แม่ทัพจะสะกิดเรียกคนที่นอนละเมอร้องไห้ให้รู้สึกตัว “คุณทัพ ฮึก...พ่อไปแล้ว พ่อหายไปแล้ว ฮือๆๆ” ช่อเอื้องโผเข้ากอดอีกฝ่ายแล้วร้องไห้ออกมาทันใด “ชูว์...” แม่ทัพลูบแผ่นหลังบางเบาๆ อย่างปลอบโยน “ฮึก...หนูไม่อยากให้พ่อไป ฮือๆๆ” คนที่เอื้อมคว้าได้แต่เพียงความว่างเปล่าส่ายหน้าไปมาอย่างรับไม่ได้ “คุณพ่อของเอื้องไม่ได้ไปไหนนะ แต่ท่านจะอยู่ในใจของเอื้องตลอดไป” “เมื่อกี้พ่อก็บอกแบบนี้แหละ แล้วพ่อก็ไป หนูอยากกอดพ่อ อยากหอมแก้มท่านเหมือนทุกๆ ครั้ง แต่ก็ทำไม่ได้” เธอบอกอย่างรู้สึกน้อยใจ “ก็หอมแก้มของฉันสิ แล้วก็กอดฉันเหมือนที่ฉันกอดเอื้องไง” แม่ทัพเสนอทางเลือก “มันไม่เหมือนกัน คุณทัพไม่ใช่พ่อของหนู มันแทนกันไม่ได้” “เฮ้! ฉันก็ไม่ได้จะไปแทนที่คุณพ่อของเธอนะเอื้อง แค่อยากจะโอบกอดเวลาที่เธอต้องการใครสักคนอยู่ข้างๆ ก็เท่านั้น” แม่ทัพรีบเอ่ยแก้ “ฮึก...ขอบคุณนะคะ” ช่อเอื้องอ้าแขนโอบกอดและซบหน้าลงที่อกกว้างของอีกฝ่าย พลางสะอื้นไห้เบาๆ “ชูว์...ไม่ร้องนะเด็กดี” แม่ทัพกระชับอ้อมแขนแล้วลูบแผ่นหลังบางไปมาอย่างปลอบโยน ทั้งที่ในชีวิตไม่เคยคิดอยากจะทำตัวเป็นพระเอกหรือเจ้าชายที่แสนดีให้กับสาวคนไหน แต่เธอ...กลับทำให้เขาอยากจะเล่นบทนี้ซ้ำๆ ตลอดไป เช้าวันต่อมา...มาลีนเดินทางมาเยี่ยม พร้อมกับพูดคุยถึงเรื่องที่จะส่งเสียช่อเอื้องให้เรียนต่อจนจบปริญญาก่อนแล้วค่อยแต่งงาน เพราะเห็นว่าระยะเวลาที่บุตรชายได้คบหากับเด็กสาวมันน้อยเกินไป แม้ว่าบุตรชายจะจริงจังอย่างที่ไม่เคยแสดงออกกับสาวคนไหน แต่เธอก็อยากให้ช่อเอื้องได้เล่าเรียนเหมือนที่อีกฝ่ายตั้งใจ แม่ทัพได้ฟังก็ถึงกับหน้าตึงขึ้นมานิดๆ ไม่อยากจะเชื่อว่ามารดาของตนที่อยากจะอุ้มหลานใจจะขาด กลับเห็นดีเห็นงามที่จะให้สาวเจ้าไปเรียนต่อ ขณะเดียวกัน...ช่อเอื้องก็เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตามองพื้นห้อง รอฟังคำตัดสินจากทั้งสอง ที่ฟาดฟันฝีปากกันอย่างดุเดือดมาร่วมยี่สิบนาที มาลีนที่ร่ายเหตุผลไปยาวเหยียด กลอกตาอย่างเพลียๆ เมื่อเห็นบุตรชายเงียบไป จึงรีบเอ่ยกระตุ้นอีกครั้ง “ลูกรักเอื้องจริงๆ หรือเปล่าทัพ ถ้ารัก! ลูกต้องยอมให้เอื้องได้เรียนต่อ หากยืนยันที่จะให้เอื้องเป็นนกน้อยในกรงทอง ก็แปลว่าลูกเป็นผู้ชายที่โคตรจะเห็นแก่ตัว นึกถึงแค่ความสุขของตัวเองเท่านั้น” “พ่อเคยบอกไหมครับว่าแม่เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจที่สุดที่เคยเจอมา” แม่ทัพถามด้วยน้ำเสียงกึ่งนอยด์กึ่งประชด “ไม่ พ่อของลูกบอกว่าผมโชคดีที่ได้รักคุณ” มาลีนเอ่ยหยอกยิ้มๆ เมื่อเห็นบุตรชายมีสีหน้าท่าทีที่ดีขึ้นกว่าเดิม “ผมว่าพ่อต้องแอบไขว้นิ้วเอาไว้ข้างหลังแน่ๆ เลย” แม่ทัพบอกพลางพ่นลมหายออกมาอย่างรู้สึกเซ็งๆ “ไม่ต้องมาประชดแม่หรอก สรุปจะเอายังไง จะให้เอื้องเรียนต่อไหม?” มาลีนถามพลางเหลือบมองเด็กสาวอย่างเอ็นดู “เธออยากเรียนต่อเหรอ?” แม่ทัพหันไปถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ช่อเอื้องสบตากับคนเถื่อนก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “เอ่อ...หนูไม่อยากเรียนแล้วค่ะ” “ให้ตายสิทัพ! ทำไมต้องถามด้วยน้ำเสียงแบบนั้น เห็นไหมว่าเอื้องจะร้องไห้อยู่แล้ว” มาลีนสบถขึ้นอย่างทนไม่ไหว หลังเห็นเด็กสาวมีอาการหวาดกลัว “แม่กลับไปก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะคุยกับเอื้องเอง” “ลูกหยุดกดดันเอื้องเลยนะทัพ” มาลีนลุกขึ้นยืนต่อว่าอย่างโมโห “แม่ก็หยุดกดดันผมสักทีสิ” แม่ทัพลุกตามแล้วตอกกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “แม่ไม่ได้กดดัน แต่แม่อยากให้เอื้องได้สิ่งที่ดี” มาลีนให้เหตุผล “แล้วผมเป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับเอื้องเหรอครับ?” แม่ทัพเลิกคิ้วถามอย่างรู้สึกโกรธขึ้นมานิดๆ “เอาไว้ลูกสงบลงเมื่อไหร่แล้วเราค่อยคุยกันใหม่ดีกว่า” มาลีน พยายามสงบสติอารมณ์ที่เดือดพล่านในใจ ก่อนจะหันไปบอกกับเด็กสาว “แม่กลับก่อนนะเอื้อง มีอะไรก็โทรหาแม่ได้ตลอดเวลา” “ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ” ช่อเอื้องยกมือไหว้ฮีโรที่กล้าออกมาเรียกร้องความฝันแทนเธออย่างซาบซึ้งใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้แม่ลูกต้องมาทะเลาะกันเพราะเรื่องของตัวเอง “จ้ะ!” มาลีนรับไหว้แล้วรีบเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว แม่ทัพหันไปถามสาวเจ้าด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “เธออยากเรียนต่อจริงๆ เหรอเอื้อง?” “ไม่ค่ะ ฮึก...หนูไม่อยากเรียนแล้ว” ช่อเอื้องตอบทั้งน้ำตา “ขอโทษที่เมื่อครู่ฉันหงุดหงิดใส่เธอ” แม่ทัพรีบดึงสาวเข้ามากอด “ไม่เป็นไรค่ะ หนูต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้คุณกับคุณมาลีนทะเลาะกัน” “สัญญามาก่อนว่าถ้าไปเรียนเธอจะไม่มองหรือยิ้มให้กับผู้ชายคนไหนนอกจากฉัน” แม่ทัพขอคำมั่น “หมายความว่า...” ช่อเอื้องเงยหน้าขึ้นถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหู “ฉันจะให้เธอเรียนต่อตามที่เธอต้องการ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์บนเตียงแบบชาย-หญิง ฉันไม่รับปากว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก แต่ฉันขอให้สัญญาว่าจะรับผิดชอบชีวิตที่เหลือของเธอด้วยชีวิตของฉัน” “ฮึก...” ช่อเอื้องยกมือไหว้ลงที่หน้าอกกว้างของอีกฝ่าย พร้อมกับร้องไห้ออกมาเบาๆ อย่างดีใจ แม่ทัพกระชับอ้อมแขนและลูบแผ่นหลังบางเบาๆ อยากจะซึมซับความรู้สึกต่างๆ ที่เธอกำลังเผชิญ ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ เขาก็อยากจะแบ่งปันมาแบกรับเอาไว้ครึ่งหนึ่ง ตลอดเวลาที่ผ่านมา...เขาเจอะเจอผู้หญิงมากหน้าหลายตาก็จริง แต่ไม่เคยมีใครที่ทำให้เขาอยากจะโอบกอดหรือละสายตาไปไม่ได้เหมือนกับช่อเอื้อง หญิงสาวที่ขโมยหัวใจของเขาไปตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตา ยิ่งรู้ว่าเธอบริสุทธิ์ เขาก็ยิ่งหวงแหน ไม่อยากให้ใครมองเธอและไม่อยากให้เธอมองใครนอกจากเขา “หนูขอโทรไปบอกคุณมาลีนก่อนได้ไหมคะ” “ได้สิ! บอกแม่ฉันด้วยว่าพรุ่งนี้เราอาจจะแวะเข้าไปทานมื้อค่ำด้วย” แม่ทัพพูดจบก็มีสายเรียกเข้า พอล้วงมือถือออกมากดดูก็เห็นชื่อของนางแบบสาวที่เป็นคู่ขาคนล่าสุด จึงรีบหันไปบอกนางฟ้าคนสวยด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “ฉันขอตัวไปคุยงานก่อนนะ เดี๋ยวมา”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม