ตอนที่ 1
“ทำไมไอ้บ้านี่ถึงมานั่งเสนอหน้ากินข้าวกับเราด้วย”
คนถูกเรียกว่าไอ้บ้าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังนั่งทานอาหารไปเงียบๆ ด้วยสีหน้าเฉยชา
“พี่พร!” ชายหนุ่มคนเดิมร้องเรียกพี่สาว...ปฐมพรเสียงดัง
“ใจเย็นๆ หน่อยซิกันต์ แค่กินข้าวไม่นานเอง พี่แค่อยากให้เราทานอาหารร่วมกันประสาพี่น้องบ้างเท่านั้น” ปฐมพรบอกกับน้องชาย...กันต์ศักดิ์เสียงแผ่ว ความพยายามประสานสัมพันธ์ให้กันต์ศักดิ์และพฤกษ์รักกัน ช่างเป็นอะไรที่ยากเย็นเหลือเกิน เพียงแค่รู้ว่าจะต้องนั่งร่วมรับประทานอาหารโต๊ะเดียวกับพฤกษ์ กันต์ศักดิ์ก็คอยพูดจาจิกกัดแขวะหาเรื่องพี่ชายต่างมารดาอยู่ตลอดเวลา
ปฐมพรถอนหายใจด้วยเหนื่อยหน่ายใจสุด เข้าข้างคนหนึ่งคนใดก็จะมีปัญหาตามมาเสมอ...
พฤกษ์แม้ไม่แสดงออกอะไร แต่เธอก็มองออกว่าน้องชายเจ็บปวด ขณะที่กันต์ศักดิ์จะออกอาการน้อยอกน้อยใจและยิ่งหาเรื่องพี่ชายต่างมารดา หาเรื่องเพื่อจะได้ลงมือต่อยตีกันให้เจ็บกันไปข้างหนึ่ง ขณะที่เธอทำได้เพียงแค่...ขอให้พฤกษ์ไม่ถือสากันต์ศักดิ์ อดทน ไม่ตอบโต้
“พี่น้องบ้าอะไร! พี่พรก็รู้” กันต์ศักดิ์ชี้มือใส่ตัวเอง “ผมไม่เคยนับมันเป็นพี่!” ชายหนุ่มเน้นย้ำทีละคำชัดๆ
“กันต์!” ปฐมพรปรามน้องชายคนเล็กที่ยังไม่หยุดหาเรื่องพฤกษ์
“พฤกษ์อย่าถือน้องนะ” ปฐมพรกล่าวกับน้องชายอีกคนที่ยังคงนั่งเหมือนไร้ตัวตน
“พี่พรจะไปสนใจไอ้มนุษย์หุ่นยนต์ตัวนี้ทำไม”
ปฐมพรถอนหายใจเฮือก อีกคนคอยแต่หาเรื่องชวนต่อยตี อีกคนก็ไม่ยอมเปิดใจ ความหวังที่มี...เห็นน้องชายทั้งสองคน ที่ไม่ต้องรักกันอย่างมากมาย ขอแค่ไม่ชวนทะเลาะ พูดจาจิกกัดให้เจ็บใจและอับอายขายขี้หน้าคนงานในรีสอร์ท หรือลูกน้องในไร่ หรือใครคนอื่น แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเพราะพอหมดเรื่องนี้ กันต์ศักดิ์ก็หันไปเล่นงานพี่ชายต่างมารดาในอีกเรื่อง
“ถ้ามันดีจริง แม่มันคงไม่ทิ้งไว้ที่นี่หรอก” เรื่องนี้เรื่องเดียวที่เขาทำให้พฤกษ์เจ็บได้
เคร้ง! พฤกษ์วางช้อนที่ถือไว้เสียงดัง ตวัดสายตาเกรี้ยวกราดไปมองน้องชายต่างมารดา
“ทำไมวะไอ้ลูกแม่ทิ้ง มึงอยากจะมีเรื่องกับกูใช่ไหม” กันต์ศักดิ์ลุกขึ้นและชี้หน้าพฤกษ์
“หยุด! หยุดได้แล้วทั้งคู่” ปฐมพรขึ้นเสียงสูง ใบหน้านวลเนียนที่เคยแย้มยิ้มอย่างอ่อนหวานอ่อนโยน เห็นอกเห็นใจและเข้าใจคนอื่นอยู่เป็นเนืองนิตย์มีสีแดงแต่งแต้ม ดวงตาแวววาวบอกให้น้องชายทั้งสองคนรู้ว่า...เธอกำลังโกรธ
“ผมไม่ผิดนะพี่พร” กันต์ศักดิ์รีบเปลี่ยนโหมดเสียงให้เป็นนุ่มนวล
“ก็ไอ้บ้าพฤกษ์คิดว่าตัวเองเป็นพี่...มีความคิดความอ่านมากกว่า เลยมาชี้นิ้วสั่งการให้ผมต้องทำโน่นทำนี่ ไม่เคยคิดที่จะฟังคำโต้แย้งของคนอื่นเลยนี่น่า...พอผิดก็มาโทษว่าเราทำไม่ดี ไม่มีหัวคิด ไร้สมอง ปัญญานิ่ม ทั้งที่เป็นความผิดของตัวเอง แต่กลับโยนความผิดใส่คนอื่น” กันต์ศักดิ์ประชดประชัน
ปฐมพรถอนหายใจเฮือกโต ยอมรับว่าเป็นความผิดของเธอ ที่ให้ความรักและตามใจกันต์ศักดิ์ซึ่งขาดความอบอุ่นจากมารดามากจนเกินไป ไม่ว่าอีกฝ่ายต้องการสิ่งใด ก็จะรีบควานหาประเคนให้ทุกอย่าง จนลืมคิดไปว่านั่นก็เป็นการทำร้ายให้น้องชายเหลิงลมจนกู่ไม่กลับ ที่จะมาดัดตอนนี้ เห็นทีว่าคงจะยากเอามากๆ เชียวล่ะ
“พี่น้องกัน ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกันซิ” แต่...การจะลดความเกลียดชัง เคียดแค้นและอิจฉาริษยาที่กันต์ศักดิ์มีต่อพฤกษ์คงจะต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างยิ่งยวดที่เดียว
มันก็น่าแปลก พฤกษ์ไม่เคยสัมผัสความรักจากแม่ซึ่งเสียชีวิตไปตั้งแต่น้องคนนี้ยังแบเบาะ มีพ่อถึงก็เหมือนไม่มี เพราะอีกฝ่ายไม่เคยชายตาแล ต่างจากกันต์ศักดิ์ที่พ่อรักและทูนหัวทูลเกล้าให้ทุกอย่าง อยากได้อะไร เพียงแค่เอ่ยปาก ก็จะได้สมดังใจ คงจะเสียก็เพียงแม่ที่ไม่อยู่ติดบ้าน หาเรื่องเที่ยวและใช้เงินอย่างกับพิมพ์แบงก์ได้เอง ติดช็อปปิ้งจนลืมทุกอย่าง
ตอนเด็กๆ สองพี่น้องก็รักใคร่กันดี แล้วเมื่อไหร่กันที่ทั้งคู่เริ่มชกต่อยอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้อีกฝ่ายจะต้องเลือดกบปากก็ยังไม่หยุด ร้อนถึงคนรอบข้างที่จะต้องรีบจับแยก
กันต์ศักดิ์รู้ความลับเรื่องพฤกษ์เป็นพี่ชายคนล่ะแม่ตั้งแต่เมื่อไหร่ อะไรคือชนวนของรอยร้าวที่ศัตรูจะต้องเจ็บปวดเจียนตาย อับอายจนไม่อาจสู้หน้าผู้คนได้
ปฐมพรเหลือบสายตาไปมองพฤกษ์คงจะเจ็บปวดและรำคาญถึงขีดสุด จึงเลือกที่จะตัดปัญหาทุกอย่างด้วยการทำงานหนักและหมกตัวอยู่ในไร่ในสวน จะไม่โผล่หน้าตาออกมาให้ใครได้เห็น นอกจากจะเป็นงานสำคัญ หรือได้รับคำสั่งจากเธอหรือบิดาเท่านั้น
“เป็นพี่เป็นน้องกัน ควรจะต้องสามัคคีปรองดองกันซิ แต่นี่อะไร เจอหน้ากันทีไร มีเรื่องกันทุกที”
“พี่ก็ดูไอ้บ้านั่นมันทำซิ อย่างกับตัวเองเก่งจนคนอื่นต้องฟังคำสั่ง เมื่อไหร่จะตายโหงตายห่าไปซักที”
“กันต์!”
“จะเรียกเสียงดังไปทำไม ผมก็นั่งอยู่ใกล้ๆ พี่นี่ไง พี่พรก็เถอะ...เข้าข้างแต่ไอ้บ้าพฤกษ์ตะพึดตะพือ ทั้งที่ผมเป็นคนถูกกระทำ เป็นคนถูกไล่ให้ไปอยู่ไกลๆ เพราะไม่อยากให้สร้างเรื่องปวดหัวให้คนในบ้าน” กันต์ศักดิ์ถีบขาโต๊ะเต็มแรงระบายโทสะที่มันคุกรุ่นอยู่ในอก
“ไม่...ไม่จริงนะกันต์” ปฐมพรรีบปฏิเสธทั้งที่ใจหายวาบแล้ว คิดไม่ถึง ความหวังดีของบิดาในคราวนั้นจะสร้างบาดแผลและทำให้กันต์ศักดิ์เข้าใจผิดถึงขนาดนี้
“พ่อไม่ได้...” ปฐมพรหยุดพูด เมื่อเห็นสายตาวาวจ้าและใบหน้าที่เปลี่ยนไปของกันต์ศักดิ์ อีกทั้งพูดอะไรไปในตอนนี้ น้องชายก็ไม่ฟังอยู่แล้ว ทั้งที่เรื่องจริงที่เกิดขึ้นคือ พ่อเห็นพฤกษ์และกันต์ศักดิ์เข้าช่วงวัยรุ่นเลือดร้อน ค่อนข้างขาดสติยั้งคิด กลัวว่าความขัดแย้งที่มีจะรุนแรงจนถึงขึ้นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะต้องเจ็บหนัก เลยจัดการแยกทั้งคู่ออกจากกันโดยการส่งไปเรียนคนละมุมเมือง
ในตอนนั้นเองที่ทำให้เธอได้รู้ว่าเข้าใจผิด พฤกษ์ไม่ได้เป็นลูกชัง พ่อรักพฤกษ์ไม่น้อยกว่าที่รักกันต์ศักดิ์ แต่พ่อต้องการปกป้องพฤกษ์ เลยต้องปกปิดความรักที่ แต่ก็คอยสอดส่องดูแลอยู่ห่างๆ โดยผ่านทางชายอีกคนที่พฤกษ์ให้ความเคารพและเชื่อฟัง เพราะไม่ต้องการให้ลูกชายสุดรักอย่างกันต์ศักดิ์รู้เรื่องและเกิดความริษยามากยิ่งขึ้นไปกว่าที่เป็นอยู่
พ่อส่งพฤกษ์ให้เรียนมหาลัยเอกชนที่มีชื่อที่สุดในเมืองไทย แต่พฤกษ์กลับหนีไปเรียนในสิ่งที่ต้องการในมหาลัยอีกแห่ง แม้ว่านั่นจะทำให้ความขัดแย้งระหว่างสองพ่อลูกขยายใหญ่ขึ้น แต่พฤกษ์ก็ยังเลือกที่จะทำตามความต้องการของตน โดยไม่สนใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อ
ส่วนกันต์ศักดิ์ก็เกกมะเหรกเกเร ไม่สนใจอ่านหนังสือสอบ เมื่อสอบเข้ามหาลัยที่ต้องการไม่ได้ ก็เลือกที่จะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศด้วยมาดของลูกคุณหนูที่มีเงินจับจ่ายใช้สอยสุรุ่ยสุร่าย สร้างเรื่องเพื่อเรียกร้องความสนใจจากทั้งพ่อแม่และเธอไม่ยอมหยุด โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ทำชักนำให้ตัวเองต้องพบเจอกับพี่ชายซึ่งเขาจงเกลียดจงชังบ่อยขึ้น
ด้วยเมื่อใดที่เกิดเรื่อง บิดาซึ่งมีความเห็นว่าเรื่องร้ายจะทำให้พี่น้องต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาและจะนำมาซึ่งความรัก ผูกพันและเข้าใจกันมากขึ้น แต่ผลที่เกิดขึ้นคือ...รอยร้าวที่มียิ่งขยายใหญ่มากขึ้น
“เขาบอกว่า...หมาเห่ามักไม่กัด ไอ้ที่กัดมักไม่เห่า” พฤกษ์ที่นั่งเงียบๆ เปรยขึ้นมา
“ไอ้พฤกษ์!” เพราะยังเกรงใจพี่สาวอยู่ กันต์ศักดิ์เลยได้แต่ส่งสายตาเกรี้ยวกราดไปมองพฤกษ์
“นอกจากให้ร่วมทานอาหารด้วย พี่พรมีเรื่องอะไรกับผมอีกหรือเปล่า” พฤกษ์ถามพี่สาว