ตอนที่ 8
เรณุกาเต้นอย่างสุดฤทธิ์สุดเหวี่ยง กายชุ่มไปด้วยเหงื่อแต่เธอก็ไม่สนใจ เพราะต้องการระบายอารมณ์ขึ้งเคียดและโทสะที่สุมอยู่ในทรวง แม้ว่าจะเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าและหิวกระหายน้ำจนคอแห้ง แต่เธอก็ไม่สนใจ จนรู้สึกทนไม่ไหว จึงคิดจะเดินไปที่โต๊ะหาน้ำกิน
หญิงสาวต้องมาหงุดหงิดและรำคาญใจกับผู้ชายที่หน้าตาเหมือนปลาสำลักน้ำรายล้อม
“ขอทางหน่อยได้ไหม”
“จะรีบไปไหนละครับคนสวย พวกเรายังสนุกกันอยู่เลย” หนึ่งในกลุ่มชายที่รุมล้อมตะโกนแข่งกับเสียงที่ดังอยู่เพื่อให้หญิงตรงหน้าได้ยิน
“หลีก!” เรณุกาตะโกนแข่งกันเสียงดนตรี หางตากระตุก
“ไม่รีบซิครับ” หนึ่งในคนที่รายล้อมอยู่ยื่นมือไปจับแขนกลมกลึง แต่กลับถูกปัดออก
รู้ว่าคุยกับคนพวกนี้ไม่ได้เรื่องแน่ เรณุกาเลยเลือกที่จะศอกลงไปบนลำตัวหนุ่มรายหนึ่ง ก่อนจะเบี่ยงกายเพื่อเดินไปหาเพื่อนๆ ใครที่ขัดขวาง เธอก็ใช้วิธีทำร้ายขณะใบหน้ายังแย้มยิ้ม
“บ้าจริง! ผู้ชายพวกนี้” เรณุกาพึมพำ ขณะพาดแขนบนบ่าเพื่อนสาวที่เต้นกระดืบๆ เหมือนหนอนชาเขียว แถมยังส่งเสียงร้องวี้ดว้ายกระตู้วู้จนแทบจะไม่ยินเสียงที่เธอตะโกนบอก
“ฉันขอไปพักก่อนนะ”
สาวร่างอวบซึ่งกำลังสนุกสนานกับการเต้นจนไม่รับรู้ว่าเรณุกาพูดอะไร แต่เมื่อเห็นเพื่อนเดินจากไปก็พยักหน้ารับขณะโยกย้ายร่างกายอวบอั๋นของตัวเองไปตามจังหวะเสียงเพลงไม่ยอมหยุด
“อย่าหายไปนานนะหนูเร” แม้จะรู้ว่าเพื่อนไม่ได้ยินและไม่เห็น แต่มือเล็กก็ยังยกขึ้นโบกสะบัดเบาๆ ให้อีกฝ่ายรับรู้
เรณุกาเดินไปนั่งยังโต๊ะที่ตัวเองและเพื่อนๆ จองไว้ หญิงสาวมองไปรอบๆ ผับอย่างครุ่นคิด ถึงแม้จะดูเหมือนว่าเธอไม่สนใจสิ่งใด แต่ก็มีบางอย่างมากระตุ้นให้สงสัย มันเหมือนถูกใครมองอยู่ แต่เมื่อมองไปรอบๆ แล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไร เธอคงคิดและรู้สึกไปเอง หรือไม่ก็เพราะกำลังนึกถึงตัวก่อกวนอีกคนที่ทำให้อารมณ์เสียทุกครั้งที่เจอ
เพราะไม่อยากเจอบุคคลนั้น เรณุกาจึงมองไปรอบๆ บริเวณอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
เฮ้อ! สงสัยว่าจะคิดเรื่องพี่หมอทินภัทรมากไปหน่อย เลยทำให้กังวลไปหน่อย แต่ก็นะ...อีกฝ่ายดันเป็นพวกหูผีจมูกมด ไม่ว่าเธอไปที่ไหนดันตามไปถูกทุกแห่งนี่นา
ไปเต้นต่อดีกว่า ทว่า...สายตาเธอกลับไปสะดุดกับก้อนหินยักษ์
ใช่! มันเหมือนกับก้อนหินขนาดยักษ์เลย แต่ก้อนหินนี่มาอยู่ที่ในร้านอาหารกึ่งพับแห่งนี้ได้ยังไงกันละ พอมองให้ดีเธอก็รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดไอ้ที่นั่งนิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหวอยู่นั่นไม่ใช่ก้อนหินอย่างที่เขาใจหรอก แต่เป็นผู้ชายด้วยท่าทางน่ากลัวเพราะใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดและเครารกรุงรัง
หน้าตายังกับมหาโจร แต่เสือกจะหลีหญิง สงสัยอยากจะจับไก่อ่อนแถวนี้...คงได้หรอกนะ ถ้าไม่ถูกหลอกเสียก่อน
เรณุกาเลิกไหล่ขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่คิดจะสนใจ เพราะเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบหว่านเสน่ห์ เช่นเดียวกับเพื่อนคู่รักคู่กัดคู่แค้นอีกสองคนที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าหายไปไหนไม่เห็นส่งข่าวมาถล่มกันบ้างเลย
อืม...คิดแล้วก็อดคิดถึงไม่ได้ ถ้าสองคนนั้นอยู่ด้วย อย่างน้อยเธอคงจะไม่เครียดแบบนี้ หรือจะเครียดกว่าเก่า เพราะว่าโดนแย่งซีนเห็นๆ
ก็แหม...สองคนนั้นทำให้เธออิจฉาได้เสมอ เพราะดูดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เวลาที่อยู่รวมกัน สองคนนั้นเป็นเหมือนกับนางฟ้า ขณะเธอเป็นมนุษย์เดินดินที่ไม่มีอะไรให้น่าสนใจ จนขาดความมั่นใจบ่อยครั้งเวลาอยู่กับสองเพื่อนซี้ แต่ก็ช่างเถอะ ตอนนี้เธอก็ไม่ด้อยกว่าสองคนนั้นเลยนี่น่า
เรณุกาหยุดคิดถึงเพื่อนรักเพื่อนแค้นหันมาให้ความสนใจกับความสนุกตรงหน้า แต่ความรู้สึกเหมือนสายตาของหนุ่มก้อนหินยักษ์จับอยู่ที่เธอไม่คลาดแม้สักวินาทีเดียว แม้จะมีผู้คนรายล้อม แสงสีแวววาวและเสียงดังสนั่น แต่ประกายตาคมนั่นทำให้ขนกายเธอลุกชัน รู้สึกหวั่นไหวและหวาดกลัวเล็กๆ ที่ไม่นานก็หายไป กลายเป็นความหงุดหงิดและไม่พอใจแทน หญิงสาวถลึงตาใส่ แต่กลับต้องหน้าแตก เพราะอีกฝ่ายเมินหน้าหนี
“อีตาบ้าเอ๊ย นึกว่าฉันจะสนใจหรือยังไงกันยะ ชิ...หน้าตาอย่างนายไม่ใช่สเปกฉันยะ”
เรณุกาย่นจมูก พลางแบะริมฝีปากออก นึกว่าเธอจะสนใจหรือไง ก็ผู้ชายที่เธอชอบ จะต้องรูปร่างเพรียวแต่แข็งแกร่ง มองทางไหนก็ดูดีและไม่มีพุง...เออแงะอีตาก้อนหินยักษ์ก็เข้าเค้าเหมือนกัน ขาดแต่ดวงตาที่ในสภาพร้านแบบนี้ ทำให้มองไม่เห็น เธอเลยรู้สึกเสียดายนิดหน่อย
‘แล้วฉันจะไปเสียดายทำไมกันละนี่ ไม่ได้คิดจะทำความรู้จักมักจี่กับอีตาก้อนหินยักษ์นั่นเสียหน่อย’
เรณุกาเลิกไหล่ขึ้นเล็กน้อย รีบหยิบแก้วน้ำส้มที่ตอนนี้น้ำแข็งภายในเริ่มจะละลายมาจิบทีละนิด ขณะมองตอบพ่อก้อนหินยักษ์ไม่มีหลบ พร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก
‘โธ่...พ่อคุณ พ่อทูนหัว...จะมาหาสาวทั้งที แต่หน้าตาไม่เรียกสาวๆ เลย...’
เรณุกาหัวเราะกลั้วคอขณะมองชายหน้าตาคมเข้มและดุดัน ถ้าเธอใช้มารยาหญิงล่อหลอก อีกฝ่ายจะตกหลุมยอมสานต่อความสัมพันธ์ด้วยหรือเปล่า ถ้าเชื่อมได้ ระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันจะนานไหม เพราะเธอไม่ชอบทนผู้ชายห่วยๆ ที่ชอบเอาแต่ใจตัวเอง อีโก้สูงจนเกิดเหตุ ชอบกีดกันและจำกัดให้ผู้หญิงอยู่ในโอวาท เขาเรียกว่าอะไรนะ? ...
เรณุกาคิดก่อนจะร้องอ๋อในลำคอ พวกสวยแต่รูปและไร้สมอง เวลาอยู่ด้วยกันจะต้องเป็นคนโง่และความจำปลาทอง ไหนจะข้อจำกัดอีกเยอะแยะ ห้ามนั่นห้ามนี่ แม้กระทั่งพูดจาก็ยังต้องบังคับกัน ห้ามซักห้ามถาม ห้ามจู้จี้จุกจิก
เฮ้อ...หญิงสาวผ่อนลมหายใจแรงๆ แค่คิดก็แล้วเหนื่อย ชาตินี้เธอคงจะหาผู้ชายดีๆ มาเป็นคู่ไม่ได้แน่ ว่าแต่เธอคิดเรื่องพวกนี้ให้รกสมองทำไมกันละนี่ จะมีหรือไม่มีผู้ชายข้างกายใช่ว่าจะตายเสียหน่อย แถมมีความสุขเสียอีก ไม่ต้องมาคอยนั่งเซ้าซี้ใครให้เมื่อยปาก จะไปไหนก็ไปได้ไม่ต้องมานั่งคอยห่วงหน้าผะวงถึงคนที่อยู่ข้างหลัง จะกลับถึงบ้านหรือยัง ไปกับผู้หญิงคนอื่นไหม กินอะไรหรือยัง โอ๊ย!! แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว
ชายหนุ่มมองสบกับแม่สาวจอมแดนซ์ ก่อนจะนึกครึ้มอกครึ้มใจยกแก้วในมือขึ้นชักชวนให้อีกฝ่ายดื่มด้วย แต่กลับถูกเชิดใส่ ทำให้เขาเหยียดยิ้ม กับผู้หญิงที่เจอในสถานที่แบบนี้...น้อยนักที่ความสัมพันธ์จะยาวนาน ส่วนใหญ่ก็แค่ one night stand ก็ขนาดผู้หญิงที่คบกันมายาวนาน บอกว่ารักเราคนเดียว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะอยู่ข้างๆ เป็นกำลังใจให้ตลอดไป แต่พอคล้อยหลังก็ไปนอนกับผู้ชายคนอื่น
ชายหนุ่มบีบแก้วในมืออย่างแรง ขบกัดฟันกรามจนมีเสียงดังกรอดๆ ว่าจะไม่คิดถึงความหลัง แต่ความรักความผูกพันที่ยาวนาน ใช่จะใช้เวลาเพียงแค่อึดใจเดียวตัดออกไปได้ ยิ่งอยากจะลืม แต่ทุกรายละเอียดที่มีกับผู้หญิงคนนั้นกลับยิ่งตามมาหลอกหลอน ทำยังไงก็ลบออกไปจากความทรงจำที่มีไม่ได้
“เราจะต่อเติมบ้านตรงส่วนนี้” คนพูดชี้ไปด้านข้างของบ้าน “ต่อเติมระเบียงด้วย จะได้ไว้นอนเล่นกันตอนบ่ายๆ ถ้ามีลูก ก็จะได้ผูกเปลญวนกล่อมให้แกนอนหลับ”
หญิงสาวดึงเอาแขนกำยำเอามาโอบรอบกาย พลางเอนแผ่นหลังอิงกับอกกว้าง มือเรียวชี้ไปยังมุมหนึ่งของบ้าน “เสาต้นนั้นเราก็หาต้นไม้ที่มีดอกเยอะๆ มาปลูกพันไว้ เอาพวกที่ออกดอกเวลาหน้าหนาวคงจะต้องสวยมากทีเดียว...ในสวนด้วย เอากุหลาบ...มะลิ จำปี เอาดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมนะคะ”