บ้านของเจ๊สวยตั้งห่างจากตลาดไม่ไกลมากนัก สมัยก่อนแถวนี้เป็นป่ารกชัฏ พอเวลาผ่านไปความเจริญก็เข้ามาเยือนทำให้มีตึกรามบ้านช่องเกิดขึ้นมากมาย กลายเป็นชุมชนที่มีผู้คนอาศัยค่อนข้างเยอะ ตลาดเจ๊สวยจึงกลายเป็นตลาดทำเลทองมีคนขายของตลอดทั้งวัน
ถึงจะเป็นเจ้าของตลาดแต่บ้านของพวกเขากลับเป็นบ้านธรรมดาไม่ได้ใหญ่โตอลังการ ยังคงความเป็นบ้านสมัยก่อนตามความต้องการของเจ๊สวยซึ่งมีอายุใกล้จะหกสิบปีแล้ว
“บ้านเล็กไปหน่อยนะคะคุณหมอ” เจ้าของบ้านเชื้อเชิญให้แขกหนุ่มเข้ามานั่งบนโซฟา ส่วนหลานสาวเดินหายไปทางห้องครัวเพื่อไปช่วยน้องสาวทำกับข้าว ปอร์เช่ยิ้มพลางมองไปรอบตัวเพื่อสำรวจ
“อบอุ่นดีครับ เหมือนอยู่บ้านสวนเลย” บรรยากาศร่มรื่นให้อารมณ์คล้ายกับอยู่บ้านต่างจังหวัดที่มีต้นไม้เยอะ ๆ บ้านในเมืองสมัยนี้หายากแล้วที่จะมีต้นไม้หลงเหลืออยู่
เขารู้สึกชอบที่นี่ไม่น้อย ไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือคิดว่าบ้านเล็กเลย แถมยังสะอาดสะอ้านน่าอยู่กว่าคอนโดของตนเองด้วยซ้ำ
“สมัยก่อนแถวนี้มีแต่ต้นไม้เยอะค่ะ ละแวกนี้ก็มีแต่บ้านของป้าที่ยังเหลืออยู่ บ้านคนอื่นเขาขายที่ให้นายทุนไปหมดแล้ว เห็นใช่ไหมคะรอบ ๆ บ้านของป้ามีแต่ตึก”
เพราะความเจริญทำให้คนสนใจที่ดินแถวนี้ไม่น้อยทั้งสร้างหอพัก สร้างคอนโด เมื่อมีคนสนใจซื้อที่ดินลูกหลานก็พากันขายทำให้แถวนี้เหลือบ้านดั้งเดิมเพียงไม่กี่หลังและหนึ่งในนั้นคือบ้านของเจ๊สวยซึ่งอยู่ในพื้นที่เกือบหนึ่งไร่มีรั้วรอบขอบชิดทุกด้าน
“ครับ ผมยังแปลกใจอยู่เลย ทำไมคุณป้าไม่ย้ายออก” ระหว่างขับรถมาเขาเห็นตามที่เจ๊สวยพูด หากมีคนสนใจซื้อที่ดินผืนนี้คงได้ราคาไม่ต่ำกว่าร้อยล้าน
“ป้ารักบ้านหลังนี้มากค่ะ มันมีความทรงจำเก่า ๆ อยู่มากมายเลย” เจ้าของบ้านหันมองไปรอบ ๆ ตัวก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความสุขใจ ใช่ว่าไม่มีคนมาขอซื้อที่ดินตรงนี้ แต่ตัวท่านเองต่างหากที่ไม่ยอมตกลง ต่อให้คนเหล่านั้นจะเสนอเงินสูงแค่ไหนท่านก็ไม่ต้องการ ลูกหลานก็เห็นด้วยกับเจ๊สวย ทุกคนพอใจกับการอยู่บ้านแสนสุขหลังนี้
“แล้วคุณป้าอยู่กับหลานสาวสองคนเหรอครับ” ถามด้วยความสงสัยหลังจากเข้ามาในบ้านแล้วไม่เห็นใครอื่น ผู้หญิงอยู่กันสองคนมันจะไม่อันตรายเหรอ
“ไม่ใช่ค่ะ มีลูกสาวกับลูกชายอีกสองคน ส่วนสามีเสียไปแล้ว”
“ครับ ผมก็นึกว่าอยู่กันตามลำพัง”
“คุณหมอนั่งเล่นไปก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าไปดูเด็ก ๆ ทำกับข้าวก่อนไม่รู้เสร็จหรือยัง”
“ครับ เชิญคุณป้าตามสบายเลย ผมอยู่ได้”
ชายหนุ่มหันไปมองรอบ ๆ ตัวอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปดูรูปที่แขวนอยู่บนผนังติดเรียงรายอย่างสวยงาม มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากเห็นรูปของรัมภาสิริสมัยเด็ก
ว่าไปหน้าตายังเหมือนเดิมมาก แก้มป่อง ๆ กับแววตาซุกซนดูน่ารักไม่น้อย เธอสวมชุดไทยใส่สไบสีแดง ดูอ่อนโยนเรียบร้อยแตกต่างจากตอนนี้อย่างสิ้นเชิง
หญิงสาวเป็นเด็กชอบกิจกรรมถึงได้มีรูปหลากหลายแบบทั้งเป็นดรัมเมเยอร์ เข้าแข่งขันกีฬาสี ประกวดร้องเพลง แต่ที่น่าตกใจสุดคงเป็นรูปประกวดหนูน้อยนพมาศทำเอาคุณหมอหลุดขำ กระโดกกระเดกอย่างกับม้าดีดกะโหลกแบบนั้นยังกล้าไปประกวด แถมยังได้ที่หนึ่งมาด้วยเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจมาก ไม่รู้กรรมการเอาอะไรมาตัดสิน
“กับข้าวเสร็จแล้วค่ะคุณหมอ” รัมภาสิริเดินมาตามแขกหนุ่มที่กำลังอมยิ้มกับรูปตรงหน้า เธอเขินไม่น้อยเมื่อเห็นเขาจ้องรูปสมัยประกวดหนูน้อยนพมาศ
ตอนนั้นมันจำเป็นก็เลยต้องทำ แล้วป้าภูมิใจขั้นสุดถึงกับเอารูปไปขยายมาติดฝาบ้าน ใครไปใครมาต้องได้เห็นเธอตอนเด็ก ถามว่าอายไหมตอบเลยอายมาก เธออยากจะเอารูปไปซ่อนแต่ป้าไม่ยอม
“ครับ นี่รูปของคุณใช่ไหม” เขาหันมาตอบก่อนจะชี้ไปที่หนูน้อยสวมชุดไทย
“ใช่ค่ะ เป็นไงหนูตอนเด็กสวยไหม” ถึงจะอายแต่ก็อยากอวด ตัวเองตอนเด็กหน้าตาจิ้มลิ้มไม่น้อย เวลาเจอเพื่อนป้ามักจะโดนจับแก้มตลอด ใครเห็นก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน่ารัก
“ช่างกล้าไปประกวด ได้รางวัลด้วยเนี่ยสิแปลก” เขาอดขำไม่ได้เมื่อเห็นเธอทำหน้าง้ำงอราวกับไม่พอใจ หญิงสาวค้อนควักตอนเด็กเธอออกจะหน้าตาดีทำไมจะไม่ได้รางวัล
“หนูไม่อยากไปประกวดหรอกแต่ป้าบังคับ” คิดแล้วก็ขำตอนนั้นอยากได้ของเล่นอะไรจำไม่ได้แต่เจ๊สวยไม่ยอมซื้อให้ยกเว้นเธอจะยอมเข้าประกวดหนูน้อยนพมาศซึ่งจัดที่วัดใกล้บ้าน เธอจำได้ว่าเพื่อของเล่นชิ้นนั้นยอมให้ป้าจับแต่งตัวฝึกเดินทำเหมือนตัวเองเป็นตุ๊กตา
“ก็พี่ดนอยากได้ของเล่นแพง แม่ก็ต้องให้พี่ดนหาเงินเอง สวัสดีค่ะคุณหมอว่าที่สามีพี่ดน หนูชื่อระวีรำไพ ชื่อเล่น เสียงเพลงค่ะ เป็นน้องสาวของพี่ดน” ลูกสาวคนโตของเจ๊สวยเดินมาสมทบ เห็นว่าที่พี่เขยแล้วรู้สึกใจสั่น คนอะไรหล่อมากแม่ หล่อยิ่งกว่าดาราเสียอีก
รัมภาสิริเป็นลูกของน้องสาวเจ๊สวยที่เสียไปตอนเธอประมาณแปดเก้าขวบ หลังจากน้องสาวเสียป้าก็รับหลานสาวมาเลี้ยงดูปูเสื่อเหมือนลูกแท้ ๆ คนหนึ่ง ส่วนบิดาของเธอไปแต่งงานใหม่กับผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นชู้จนเป็นเหตุให้มารดาต้องเสียชีวิต หญิงสาวจึงเกลียดพ่อตัวเองมาก
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักคุณเสียงเพลง” ชายหนุ่มยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับผู้มาใหม่ แอบคิดในใจสองพี่น้องมีความละม้ายคล้ายกันไม่น้อย โดยเฉพาะนิสัยที่ดูจะเข้ากับคนอื่นได้ง่าย รูปร่างหน้าตาก็ไม่ค่อยต่างกันมากแต่ระวีรำไพสวยกว่าในขณะที่รัมภาสิริมีความน่ารักกว่า
เจ๊สวยเป็นคนตั้งชื่อให้หลานสาวเอง ท่านไปได้ยินมาจากไหนไม่รู้แต่จำขึ้นใจ เมื่อหลานคลอดจึงเอามาตั้งเป็นชื่อจริง หลังจากตัวเองมีลูกคนแรกก็หาชื่อตั้งให้สอดคล้องกัน สองสาวจึงได้ชื่อ รัมภาสิริ กับ ระวีรำไพ ส่วนลูกชายคนเล็กมีชื่อว่า ดรัสวัต ชื่อเล่น กีตาร์
“เชิญทางนี้ค่ะคุณหมอ เดี๋ยวป้าจะมาตามแล้วโดนดุ”
“ใช่ ๆ พี่ดนพูดถูกค่ะ ไปเถอะเดี๋ยวองค์ลงถ้าไปช้า”
สองพี่น้องเมาท์เจ๊สวยด้วยเสียงหัวเราะ ก่อนจะพาแขกหนุ่มไปยังห้องรับประทานอาหาร บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายอย่างล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของสองสาวที่ช่วยกันปรุง เจ๊สวยจัดแจงที่นั่งให้ชายหนุ่มได้อยู่ใกล้ ๆ กับหลานสาว
คุณหมอเกรงใจคนไข้ของตัวเองจึงทำตามที่เจ๊สวยบอก พอเห็นอาหารตรงหน้าแล้วรู้สึกหิวขึ้นมาอย่างประหลาด เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าเป็นฝีมือของสองสาว ดูจากกิริยาไม่น่าจะทำกับข้าวเป็น อย่างว่าแหละอย่าตัดสินคนแค่ภายนอก
“กับข้าวบ้าน ๆ ไม่รู้คุณหมอจะกินได้ไหม หนูกับน้องทำเองเลยนะคะ” รัมภาสิรินำเสนอสุดฤทธิ์ เห็นเธอเหมือนม้าดีดกะโหลก แต่งานบ้านงานเรือนไม่เคยขาดตกบกพร่อง รับรองถ้าได้ไปเป็นศรีภรรยาเขาจะอิ่มทั้งกายอิ่มทั้งใจ
“ผมกินได้ครับ ผมไม่เรื่องมาก กินอะไรก็ได้”
“แตกต่างจากพี่ดนมากเลยค่ะ เพราะพี่ดนกินยาก”
“ถูก หลานสาวป้ากินยากมากค่ะคุณหมอ ทำกับข้าวเป็นเพราะตัวเองไม่ชอบกับข้าวแบบคนอื่นทำ ดูนี่สิผัดเผ็ดแต่ไม่ยอมใส่ใบโหระพา ไม่ยอมให้ใส่ขิง ถ้าคุณหมอกินแล้วไม่อร่อยโทษแม่ครัวเลยนะคะ ป้าอนุญาต”
เจ๊สวยมองหลานสาวก่อนส่ายหน้า คนอะไรกินยากกินเย็นเหลือเกิน ถึงขนาดต้องหัดทำกับข้าวเองเพราะไม่ชอบที่คนอื่นทำให้กิน รัมภาสิริไม่ค่อยชอบกินผักผลไม้ เวลาไปกินข้าวที่ร้านตามสั่งมักจะเขี่ยเอาไว้ตรงขอบจาน เป็นนิสัยที่ป้าพยายามแก้แล้วแต่ไม่สำเร็จ
“โธ่ก็มันไม่อร่อยใส่แล้วเหม็น เอาน่าสูตรของหนูก็อร่อยเหมือนกัน เชิญเลยค่ะคุณหมอ”
“ครับ คุณป้าบอกว่ามีลูกชายด้วยใช่ไหมครับ”
“ค่ะ แต่เจ้ากีตาร์อยู่ที่มหา’ลัย นาน ๆ ครั้งถึงจะกลับบ้าน ลูกป้าเรียนหมอเหมือนกัน”
“ปีไหนแล้วครับ ใกล้จบหรือยัง”
“ใกล้จบแล้วค่ะ อีกหน่อยบ้านเราก็จะมีหมอแล้ว”
บรรยากาศรับประทานอาหารเย็นครึกครื้นไม่น้อยเพราะเจ้าบ้านพูดเก่งทุกคนเชื้อไม่ทิ้งแถวจริง ๆ ทำให้แขกหนุ่มไม่รู้สึกอึดอัดหลงลืมความบาดหมางที่มีต่อรัมภาสิริไปชั่วขณะ
ก่อนกลับเขาได้ย้ำให้คนไข้ของตัวเองไปหาหมอตามนัดด้วย อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันนัดหมายแล้ว เขาจำวันนัดหมายของเจ๊สวยได้เพราะเป็นคนไข้ประหลาดยากที่จะลืม
“เดินทางกลับปลอดภัยนะคะคุณหมอ แล้วหนูจะไปหาที่โรงพยาบาล”
หญิงสาวตะโกนตามหลังด้วยน้ำเสียงชอบใจ ต่อหน้าเจ๊สวยคุณหมอทำเป็นนอบน้อมใจดีสุภาพ ครับอย่างนั้น ครับอย่างนี้ พออยู่กับเธอสองต่อสองแทบจะแยกเขี้ยวใส่
แต่ไม่เป็นไรยาก ๆ แบบนี้แหละท้าทายดี และเธอก็ต้องจีบเขาให้ติดก่อนอายุยี่สิบหกไม่อย่างนั้นเธอต้องแต่งงานกับคนที่ป้าเลือกให้อย่างไม่มีข้อแม้